ไม่น่าเชื่อ “กระดาษเปล่า–ริบบิ้นขาว–ชูสามนิ้ว” ของ นักเรียนทั่วประเทศ ที่แสดงออกเงียบๆ เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของ นักเรียน ก็สามารถสร้างความหวั่นไหวให้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีกองทัพหนุนหลังเป็นอย่างมาก รัฐบาลคงคิดไม่ถึงว่าเด็กรุ่นไทยแลนด์ 4.0 จะมีความคิดก้าวไกลทางการเมือง กล้าเรียกร้องให้รัฐบาล “หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา” ประชาชนทุกคนก็รู้ รัฐธรรมนูญ คสช.ไม่เป็นประชาธิปไตย การเมืองไทยจึงเน่าเฟะ ความยุติธรรมถูกยํ่ายี กฎหมายถูกเหยียบยํ่า ทำให้เด็กๆที่เป็น “เจ้าของอนาคตประเทศ” ไร้ความหวัง อันสดใสผมดีใจที่เห็น นักเรียนอายุไม่ถึง 18 ปี ลุกขึ้นมาให้ความสนใจ เรื่องการเมือง เพราะถ้ารอจนถึงอายุ 18 ปีก็คงสายไปแล้ว การเลือกตั้งที่ผ่านมา เยาวชนอายุ 18 ปี ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก 7 ล้านคน ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปีหน้าปีโน้น จะมีเยาวชนอายุ 18 ปีเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคน รัฐบาลไม่มีสิทธิจะไปจำกัดความคิดเห็นของเด็กที่จะเลือกอนาคตของเขาเองสี่โมงเย็นวันพุธ นักเรียนนัดกันไปแสดงจุดยืน เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของนักเรียน ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ นัดหมายกันด้วย #เลิกเรียนไปกระทรวง ผูกโบขาว ชูสามนิ้ว เป่านกหวีดไล่ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีศึกษาธิการ ก็หวังว่า คุณณัฏฐพล รัฐมนตรีศึกษา จะยอมรับการใช้สิทธิเสรีภาพของนักเรียน สิ่งเหล่านี้ คุณณัฏฐพล ก็เคยทำมาแล้ว ชุมนุม เป่านกหวีดขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มาแล้ว ถ้านักเรียนจะทำบ้าง เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพนักเรียน ท่านรัฐมนตรีศึกษาคงไม่ขัดขวางด้วยพลังสนับสนุนจากนักเรียนนิสิตนักศึกษา การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เคยเป็นเรื่องยากมาก วันนี้ง่ายขึ้นดั่งพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ คุณชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา มีคำสั่งบรรจุญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 2560 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีการตรวจตราแก้ไขอย่างรวดเร็ว เข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภาครั้งต่อไปวันที่ 28 สิงหาคมแล้ว แม้จะไม่อยู่ในวาระแรก เพราะมีร่างกฎหมายอยู่ก่อนหน้าอีก 4 ฉบับ แต่ นพ. สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนฯ เปิดเผยว่า หากไม่ทันการพิจารณา ทาง ส.ว.จะสละวันประชุมวุฒิสภา 15 กันยายน ให้เป็นวันประชุม รัฐสภาแทน ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ วุฒิสภา แสดงนํ้าใจทางการเมืองให้เห็นแม้แต่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเหนียวแน่น วันไปชี้แจงงบกองทัพบก ก็ได้เปลี่ยนท่าทีที่เคยแข็งกร้าวอ่อนลง ยืนยันว่าเป็นทหารประชาธิปไตย ไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับประชาชน ทหารก็ถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง เมื่อกลับไปบ้านก็เจอกับครอบครัวที่เป็นประชาชน ทำให้เข้าใจความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในถึงภายนอก แม้บางครั้งอาจจะมีวาทะหรือคำพูดบางอย่างออกไป ก็ถือเป็นบทบาทหน้าที่ ในฐานะประชาชนและข้าราชการ ตนไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกลไกการเมือง นายกรัฐมนตรีก็ยินดีที่จะเปิดให้มีการแก้ไขเป็นไปตามกฎหมายก็ถือเป็น ท่าทีใหม่ของกองทัพบก จากที่เคยกล่าวหาผู้ไม่เห็นด้วยว่า “ชังชาติ” ผมหวังว่า กองทัพไทยจะรักษาแนวคิดนี้ตลอดไป ทหารกลับไปทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ส.ว.โดยตำแหน่งของแม่ทัพนายกองไม่ควรมี ส.ว.แต่งตั้งก็ไม่ควรมี ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด รวมทั้ง การเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วน ขโมยเสียงของประชาชนไปแจกให้พรรคการเมืองการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ จะเป็นทางออกที่สวยงามที่สุดของประเทศ เปิดโอกาสให้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ “เจ้าของอนาคตประเทศ” เข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น เราอาจได้ รัฐธรรมนูญที่เป็นอนาคต แทนที่จะเป็น รัฐธรรมนูญไดโนเสาร์ อย่างที่ผ่านมา ก็ได้.“ลม เปลี่ยนทิศ”