เอกซเรย์ปฏิบัติการพิทักษ์สุขภาพอนาคตชาติตั้งการ์ด สู้ "โรคโควิด-19"โรคโควิด-19...คร่าชีวิตเด็กกลายเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกต้องจับตาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด สำหรับ “โรคโควิด-19” เมื่อประเทศ สหรัฐอเมริกา มีการรายงานข้อมูลพบเด็กป่วยเป็นโรคที่ทำให้อวัยวะอักเสบหลายระบบทั่วร่างกาย ซึ่งคล้ายกับ “โรคคาวาซากิ” หรือ โรคหลอดเลือดอักเสบ ที่มักทำให้เกิดอาการอวัยวะอักเสบที่อาจเชื่อมโยงกับการติดเชื้อโควิด โดยในรัฐนิวยอร์ก พบเด็กมีอาการดังกล่าว 102 ราย ซึ่งหากเจาะลึกลงไปจะพบด้วยว่าประมาณร้อยละ 60 ติดเชื้อโควิด-19 ด้วย ขณะที่ประมาณร้อยละ 70 ต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู และร้อยละ 19 ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ที่น่าเศร้าคือในจำนวนนี้มีเด็กต้องสังเวยชีวิตแล้วถึง 3 ราย เป็นเด็กชายวัย 5 ขวบ, เด็กชายวัย 7 ขวบ และวัยรุ่นหญิงวัย 18 ปีความสูญเสียอนาคตของชาติที่เกิดขึ้น สร้างความหวาดวิตกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครอง เนื่องจากที่ผ่านมาจะพบว่าเมื่อเด็กป่วยเป็นโรคโควิด-19 แล้วอาการที่พบมักจะไม่รุนแรง โดยจะพบว่าเด็กติดโรคโควิด-19 ร้อยละ 42 มีอาการไข้ ร้อยละ 49 มีอาการไอ ร้อยละ 8 มีน้ำมูก ร้อยละ 8 มีอาการอ่อนเพลีย และร้อยละ 29 หายใจลำบากหรือหายใจเร็ว ส่วนอัตราการเสียชีวิตจะพบว่า ในกลุ่มเด็กที่มีอายุน้อยจะมีอาการรุนแรงค่อนข้างน้อยเมื่อป่วย นั่นก็คือ หากมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอายุน้อยกว่า 39 ปีจำนวน 100 ราย จะพบผู้เสียชีวิตเพียง 0.2 รายเท่านั้น นพ.สมศักดิ์นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ขยายภาพเด็กเจ็บป่วยด้วยการอักเสบของอวัยวะหลายระบบทั่วร่างกาย ว่า 1 เดือนที่ผ่านมามีหลายประเทศทางตะวันตก ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 พบจำนวนเด็กที่เจ็บป่วยด้วยการอักเสบของอวัยวะหลายระบบทั่วร่างกาย คล้ายกับที่พบในโรคหลอดเลือดอักเสบ หรือโรคคาวาซากิ (Kawasaki Disease) ซึ่งปกติจะพบบ่อยในเด็กเอเชีย โดยอาการที่พบจะเป็นอาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ ร่วมกับหัวใจอักเสบ และมีภาวะช็อก โดยมีเด็กจำนวนหนึ่งในต่างประเทศตรวจพบหลักฐานการติดเชื้อโควิด-19 ร่วมด้วย จึงเป็นที่มาของคำแนะนำในประเทศทางตะวันตกว่า หากเด็กมีอาการแสดงที่น่าสงสัย หรือเข้าได้กับกลุ่มอาการคล้ายโรคคาวาซากิ หรือมีภาวะช็อกที่อธิบายสาเหตุไม่ได้ ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษว่าอาจจะสัมพันธ์กับการติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงพิจารณาตรวจหาเชื้อโควิด-19 ร่วมด้วย“มีรายงานเด็ก 3 รายในเมืองนิวยอร์ก เสียชีวิตด้วยอาการที่เข้าได้กับโรคคาวาซากิและอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรคว่ามีสาเหตุจากการติดเชื้อโควิด-19 จริงหรือไม่ ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทเพราะหากประมาทอาจนำมาซึ่งความสูญเสียได้ ในประเทศไทยจึงต้องเฝ้าระวังและป้องกันอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การ์ดต้องอย่าตก โดยเฉพาะการใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน หมั่นล้างมือบ่อยๆและเว้นระยะห่างทางสังคม” อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ในเด็กเพื่อลดการสูญเสีย นพ.อดิศัยนพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า โรคหลอดเลือดอักเสบ Kawasaki เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม ร่วมกับการสัมผัสกับสารก่อโรคในสิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมีหรือจุลินทรีย์บางชนิด ไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่รุนแรงจนกระทั่งเกิดการอักเสบของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ในภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศ ไทยและจีน ยังไม่มีหลักฐานว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการติดเชื้อโควิด-19 กับกลุ่มอาการคล้ายโรคคาวาซากิ สำหรับสถาบันสุขภาพเด็กแห่ง ชาติมหาราชินี มีผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับภาวะหลอดเลือดอักเสบ ที่หาสาเหตุไม่ได้ 2 ราย หลังจากรักษาประคับ-ประคอง ผู้ป่วยฟื้นตัวดีสามารถกลับบ้านได้ และจากการเฝ้าระวังไม่พบว่ามีอุบัติการณ์ของโรคเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ไทยได้มีการเฝ้าระวังสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดโดยเครือข่ายแพทย์โรคติดเชื้อในเด็ก รวมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดอักเสบจากภูมิคุ้มกันของไทย และกุมารแพทย์โรคหัวใจในเครือข่าย Asian Kawasaki Disease Collaborating Research Network จากญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และมาเลเซีย แต่ก็ยังไม่มีรายงานกลุ่มอาการนี้ในภูมิภาคเอเชีย “ที่ผ่านมาเด็กส่วนใหญ่ที่ติดโรคโควิด-19 จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยสะท้อนได้จากข้อมูลสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่เคยรักษาเด็กป่วยโควิดประมาณ 7-8 ราย ก็ไม่พบเด็กมีอาการรุนแรง สำหรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มเด็ก ก็คล้ายการรักษาในผู้ใหญ่ แต่การรักษาในกลุ่มเด็กจะมีความละเอียดมากกว่า เพราะต้องมีการปรับสูตรตามขนาดน้ำหนักตัวของเด็ก ทั้งนี้ หากเด็กมีอาการที่น่าสงสัย คือ ไข้สูงหลายวัน มีผื่นผิวหนังมีอาการทางเดินอาหารคลื่นไส้ อาเจียน ซึม ผิด สังเกต สามารถปรึกษากุมารแพทย์ เพื่อให้คำแนะนำการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง” นพ.อดิศัย เล่าถึงแนวทางการรักษาเด็กป่วยโรคโควิด-19ทีมข่าวสาธารณสุข มองว่า การปกป้องอนาคตชาติ ถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ เพราะเด็กในวันนี้จะเติบโตเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้นการปกป้องให้เด็กปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บหรือได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เมื่อเจ็บป่วยจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะช่วงนี้ไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ซึ่งปกติก็เป็นช่วงการระบาดของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะไข้หวัดอยู่แล้ว ทั้งอีกเพียงเดือนกว่า ก็จะเป็นช่วงเปิดเทอมของปีการศึกษา 2563 ซึ่งแม้จะมีระบบการเรียนการสอนทั้งแบบทางไกลด้วย DLTV และออนไลน์แต่ก็มีบางพื้นที่ที่สามารถเปิดการเรียนการสอนแบบปกติเราจึงอยากขอฝากภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ปกครอง ให้เอาจริงเอาจังกับการควบคุมและการเฝ้าระวังโรคที่สำคัญคือต้องฝึกให้เด็กเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตแบบ New Normal หรือชีวิตวิถีใหม่ให้เป็นวิถีชีวิตปกติ.ทีมข่าวสาธารณสุข