แคว้นฉิน หนึ่งในเจ็ดแคว้นในยุคจั้นกว๋อ ยุคสงครามชิงอำนาจ เมื่อ พ.ศ.182 อยู่ภาคตะวันตก โดยชัยภูมิโรยร้างห่างไกล เมื่อเทียบกับแคว้นอื่นในภาคกลาง ไม่ว่าทางการเมืองเศรษฐกิจ หรือศิลปวัฒนธรรม ฉินเสี้ยวกง ผู้ครองแคว้น ตั้งปณิธานจะพัฒนาแคว้นให้เข้มแข็งรุ่งเรืองให้ได้(แลหลังแดนมังกร เล่ม 2 ถาวร สิกขโกศล แปล สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์ พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2542)เมื่อฉินเสี้ยวกงประกาศจะให้ตำแหน่งสำคัญกับคนดีมีความสามารถ ไม่จำกัดว่าจะเป็นคนแคว้นไหน จึงมีคนเก่งคนดีมากมายมาสมัครรับราชการ เว่ยเอียง ราชนิกุลแคว้นเว่ย เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นเขาเสนอว่า หากต้องการความมั่งคั่ง ต้องให้ความสำคัญการเกษตร หากต้องการความเข้มแข็ง ต้องทะนุบำรุงการทหาร หากต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข การลงโทษและให้รางวัลต้องยุติธรรมเที่ยงตรงฉินเสี้ยวกงตั้งเว่ยเอียงเป็นปลัดซ้ายกรมพลาธิการ รับงานปรับปรุงแก้ไขกฎหมายได้ความเชื่อถือจากเจ้าแคว้นแล้ว เว่ยเอียงอยากได้ความเชื่อถือจากประชาชน เขาสั่งให้เอาเสาไม้ต้นหนึ่งไปตั้งไว้หน้าประตูเมืองด้านใต้ แล้วประกาศ ใครแบกเสาไปไว้หน้าประตูเมืองด้านเหนือได้ จะให้รางวัลสิบตำลึงทองผู้คนมาดูเสาต้นนั้นมากมาย ขนาดเสาไม่เกินกำลังคนแบก แต่ก็สงสัย ทำไมจึงให้รางวัลมาก ความฉงนไม่มีใครสักคนกล้าแบก เว่ยเอียงสั่งเพิ่มรางวัลเป็นห้าสิบตำลึงทอง คนมาดูกันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าแล้วก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาเห็นเสาแล้วพูด “ข้าแบกเอง” แบกเสาไปวางไว้ที่ประตูเมืองด้านเหนือเว่ยเอียงให้คนนำทองคำห้าสิบตำลึงทองมอบให้ทันที ท่ามกลางความตื่นตลึงของผู้คน ก็มีเสียงโจษขาน ปลัดซ้ายกรมพลาธิการคนนี้ “พูดจริง ทำจริง”สร้างความเชื่อถือจากผู้คนได้ เว่ยเอียงก็เริ่มเรื่องต่อมา เรื่องแรก ใช้ระบบทหารอาสาสมัครรักษาท้องถิ่นอย่างจริงจัง เรื่องสอง ปูนบำเหน็จทหารที่ฆ่าข้าศึกศัตรูได้ เรื่องสาม สนับสนุนให้รางวัลการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรแคว้นฉินมั่งคั่ง เข้มแข็งอย่างรวดเร็ว ขยายอิทธิพลเข้าภาคกลาง เริ่มด้วยการตีเมืองหลวงของแคว้นวุ่ยได้แต่ความสำเร็จนี้แลกด้วยการใช้กฎหมายเด็ดขาด เล่ากันว่าในเวลาสิบวันเจ้าแคว้นฉินประหารชีวิตคนไป 700 คน รัชทายาทและบรรดาครูรัชทายาทที่คัดค้านกฎหมายใหม่ ต่างก็ถูกลงโทษอย่างหนักฝากความแค้นไว้กับนักการเมืองไม่น้อย เขาก็บุกเบิกดินแดนรกร้าง ขยายอาณาเขตบ้านเมือง ตั้งอำเภอและหน่วยงานปกครองเพิ่มขึ้น ย้ายเมืองหลวงมาตั้งที่เมืองเสียนหยางงานใหญ่เหล่านี้มีผลให้ฉินเสี้ยวกง แต่งตั้งเว่ยเอียงเป็นขุนนางชั้นโหว (พระยา) กินเมืองซึ่งเคยเป็นแคว้นซาง 15 เมือง ประชาชนนับถือเป็นประมุขแห่งซาง เรียกชื่อใหม่ ซางเอียงพ.ศ.205 ฉินเสี้ยวกงอสัญกรรม ซางเอียงลาออกจากราชการ แต่เพราะสร้างศัตรูทางการเมืองไว้ ฉินหุ้ยหวาง เจ้าแคว้นฉินคนใหม่ สั่งจับตัวซางเอียงประหาร ด้วยการให้รถลากไปจนขาดใจตายพ.ศ.312 กว่าร้อยปีต่อมา แคว้นฉินยุคฉินสื่อหวงตี้ก็พิชิตหกแคว้นรวมจีนเป็นแผ่นดินเดียว เชื่อกันว่า ได้จากพื้นฐานที่ซางเอียงสร้างไว้ให้ผมอ่านเรื่องนี้แล้วใจหายแทนต้นแบบผู้นำ ที่สร้างความเชื่อให้ตัวเองด้วยเสาต้นเดียว ความเชื่อนั้นด้านหนึ่งสร้างบ้านเมืองให้ยิ่งใหญ่ได้จริง แต่อีกด้านที่สร้างศัตรู ก็ก่อเภทภัยให้มาถึงตนเองบางบ้านเมืองที่ผมพอรู้จัก ผมรักและเชื่อท่านผู้นำ เชื่อว่าท่านซื่อตรงมั่นคง ผลงานที่ทำท่าจะเอาชนะโควิด-19 ได้น่าพอใจ อยากให้รักษาสัดส่วนบริวารที่มีภาพดีๆเอาไว้หากสัดส่วนนี้เปลี่ยนไป ความเชื่อที่เคยมีให้ลดลง งานบ้านเมืองจะเดินหน้าไม่ได้ง่ายเหมือนตอนนี้.กิเลน ประลองเชิง