หัวใจสำคัญในเรื่อง “โลกเปลี่ยน คนปรับ : ความพอเพียงในโลกหลังโควิด” คือการน้อมนำปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อตอบโจทย์การขับเคลื่อนที่สมดุลในโลกดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บอกว่า เรากำลังอยู่ในโลกที่ไม่ใช่ใบเดิม กระบวนทัศน์ในการ พัฒนาประเทศจำเป็นที่จะต้องถูกทบทวนที่มุ่งสู่ความยั่งยืนด้วยกลไก 7 ขยับ ปรับเปลี่ยนโลก พร้อมๆกันนั้นต้องกำหนดพิมพ์เขียวยุทธศาสตร์ประเทศไทยชุดใหม่รวมถึงการปรับเปลี่ยน “เป้าหมาย” และ “ตัวชี้วัด” ความสำเร็จของ การขับเคลื่อนที่สมดุลชุดใหม่ ที่สะท้อน “ความมั่งคั่ง” ทางเศรษฐกิจให้เกิดควบคู่ไปกับ “ความอยู่ดีมีสุข” ของสังคม...การรักษ์สิ่งแวดล้อม ศักยภาพและคุณค่าของมนุษย์ โดยเป็นตัวชี้วัดที่สอดรับกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของประชาคมโลกครอบคลุม...การรักษ์โลก การเติบโตที่ยั่งยืน ความมั่งคั่งที่แบ่งปัน และ สันติภาพที่ถาวรการใช้ “พลังปัญญา” ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์...วาระปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมถึงนวัตกรรมเชิงนโยบายชุดใหม่ๆ ที่มีผลกระทบสูงในวงกว้างปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ในโลกหลังโควิด คือการผสานระหว่าง “ภูมิปัญญามหาชน” (Wisdom of the Crowd) กับ “จิตวิญญาณเพื่อ ส่วนรวม” (Common of the Mind) หวังว่า...ทุกท่านจะร่วมกันใช้พลังปัญญาในการขับเคลื่อนประเทศไทยในโลกหลังโควิดโครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ชูหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” สร้างความมั่นคงด้านอาหาร เป็นอีกตัวอย่างรูปธรรมที่ “ครอบครัวอยู่วิทยา” ตอบรับรวมพล “ทีมไทยแลนด์” ฝ่าวิกฤติโควิด ผ่านงบ 300 ล้านบาท ปลายเดือนที่ผ่านมา ที่ห้องเกือกม้า ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัวอยู่วิทยา ได้มอบหมายให้นายธนิต บัวเขียว ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและบริหารความเสี่ยง บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือตอบรับการให้ความร่วมมือระดับชาติ เพื่อเอาชนะ “โควิด-19” ไปด้วยกันทั้งประเทศ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ คณะทำงานนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบหนังสือตอบรับได้ระบุถึงสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์...บริจาคเงินให้แก่สถานพยาบาลที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อาทิ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลอื่นๆที่มีความต้องการทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท และ...ยังได้บริจาคอาหาร น้ำดื่ม ถุงยังชีพ แอลกอฮอล์เจล หน้ากากผ้า ให้แก่ชุมชนต่างๆ รวมถึงประชาชนที่ตกงาน ขาดแคลนรายได้ ทั้งที่อาศัย อยู่ใน กทม. ต่างจังหวัด ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ในขณะที่ก็ได้ดูแลสวัสดิภาพของกลุ่มพนักงานบริษัท พนักงานขาย พนักงานโรงงาน ให้มีความมั่นคงควบคู่ไปด้วย“ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ เราไม่มีนโยบายปลดพนักงานแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเรากลับขยายตำแหน่งงานเพิ่มเติมอีกหลายตำแหน่ง ทั้งยังสนับสนุนให้พนักงานทำงานที่บ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจได้รับจากการเดินทาง รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้กับพนักงาน” ลงลึกในรายละเอียดในช่วง 3 ปีแรกโครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา อาทิ สถาบันอาศรมศิลป์ เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติสนับสนุนและเป็นพี่เลี้ยงให้กับคนที่มีเป้าหมายชีวิตเพื่อ “เศรษฐกิจพอเพียง” ได้รับการฝึกปฏิบัติวิธีการสร้างแหล่งอาหารเพื่อดูแลตนเอง...ครอบครัว จาก 100 คนแรกที่ผ่านการบ่มเพาะ จะออกไปแบ่งปันให้กับคนอื่นอีก 100 คน...ก่อนที่จะขยายออกไปสู่อีก 100 ชุมชนใกล้เคียง น่าสนใจว่า ด้วยโมเดลการพึ่งพาตนเองแบบนี้จะนำพาคนไทย 1 ล้านคนให้รอดพ้นจากความอดอยากที่เผชิญอยู่ได้“ชีวิตหลังโควิด-19 คนไทยต้องเผชิญกับความผันผวน...ความไม่แน่นอน การดำเนินชีวิตจะมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไป วิธีคิด ...วิถีชีวิตใหม่ที่ต่างไปจากเดิมจะปรากฏชัดเจนขึ้น จึงให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องของประชาชน โดยจะสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร” เพื่อให้ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการได้มีกิน มีใช้ ไม่ขัดสน ที่สำคัญ ...สามารถพึ่งตนเองได้ในภาวะวิกฤติ รวมถึงอาจจะมีกำลังเหลือไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป ประเด็นสำคัญโครงการนี้ยังจะแสดงให้เห็นว่า...ยิ่งแบ่งปัน ยิ่งแลกเปลี่ยนมากขึ้นเท่าใด เศรษฐกิจชุมชนซึ่งถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศก็จะยิ่งมีความมั่นคง...เข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้นเฉลิม อยู่วิทยา ย้ำว่า เราขอร่วมเป็นหนึ่งในทีมประเทศไทย เพื่อ ขับเคลื่อนให้โครงการนี้เกิดเป็นภาพใหญ่ที่ชัดเจน สวยงาม...แสดงให้ทั่วโลกได้เห็นถึงแนวทางการนำพาคนไทยให้ก้าวพ้นวิกฤติด้วยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10“เมื่อทุกคนร่วมกันทำ ไม่ว่าจะมีวิกฤติร้ายแรงใดๆเกิดขึ้นอีก เราก็จะ สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ มีอาหารบริโภคได้อย่างยั่งยืน สังคมก็จะยั่งยืน และประเทศชาติก็จะยั่งยืนในที่สุด”และ...หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ช่วงปลายปีนี้ เฉลิม บอกว่า เราจะใช้ทีมงานระดับโลกทั้งการอัดเม็ดเงิน ซึ่งมีแผนกระตุ้น “การท่องเที่ยว” และ “เศรษฐกิจ” ของประเทศให้กลับมาโดยเร็ว...เพื่อส่งต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยออกไปสู่สายตาชาวโลกอีกครั้งเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถพาประเทศให้ก้าวพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปได้ พร้อมเสนอให้รัฐบาลผลักดันวาระแห่งชาติในการยกระดับทุนมนุษย์ของประเทศไทยให้สูงขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต อาทิ โรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตั้งคลังอาหาร...เวชภัณฑ์แห่งชาติ ฯลฯ ดังที่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเวศ วะสี ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ บอกว่า ระบบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน แม้จะคิดและพัฒนาโดยนักเศรษฐศาสตร์ที่เก่งระดับโลก และหลายคนได้รับรางวัลโนเบลอันทำให้คนเชื่อกันไปทั้งโลก แต่ผลของมันโดยเฉพาะใน 30 ปี ที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่ามีปัญหา...ที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำสุดๆ แบบที่เรียกกันว่าปรากฏการณ์ 99 : 1 คือ...คน 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ แต่อีก 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์“ความเหลื่อมล้ำ” หรือ “ความไม่เป็นธรรม” ขณะนี้มีผลตามมาอย่างมหาศาลเป็นวิกฤตการณ์ปัจจุบันหรือวิกฤตการณ์โลก ที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ด้วยระบบเศรษฐกิจแบบเดิมตามคำพูดที่ว่า...“คุณไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีการที่ก่อให้เกิดปัญหานั้น”ฐานการคิดที่ผิดคือ การคิดแบบกลไกและแยกส่วน ไม่ใช่การคิดแบบองค์รวม...องค์รวมคือโลกทั้งโลกเป็นองค์รวมเดียวกัน แน่นอน...ไม่ได้คิดว่าระบบเศรษฐกิจคือการแข่งขันเสรี หากแต่เปรียบเสมือนร่างกายทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกัน จะปล่อยให้ส่วนใดส่วนหนึ่งขาดเลือดไปเลี้ยงไม่ได้ เพราะจะกระทบองค์รวม“ระบบเศรษฐกิจ” ต้องมีระบบสูบฉีดโลหิตไปหล่อเลี้ยงร่างกายอย่างทั่วถึงเป็นธรรม (ถูกต้อง)...ไม่ใช่ทุนนิยมเสรีอย่างที่คิดแบบกลไกและแยกส่วน เพราะจะนำไปสู่สภาวะวิกฤติเสมอ“โควิด-19” ถือเป็นวิกฤติของโลก การออกจากวิกฤติโดยให้บาดเจ็บ น้อยที่สุดเป็นสิ่งจำเป็น...เป็นอีกบททดสอบสำคัญ “ประเทศไทย” พร้อมรับมือกับ “โรคอุบัติใหม่” ได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร.