กว่าครึ่งศตวรรษ ในปี พ.ศ.2497 นักธรณีวิทยาได้ค้นพบและรายงานเกี่ยวกับถ้ำในเมืองเมาท์ มอร์แกน (Mount Morgan) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองร็อกแฮมป์ตัน รัฐควีนส์แลนด์ ในออสเตรเลีย ซึ่งมีสิ่งน่าทึ่งและเป็นปริศนามายาวนานนั่นคือรอยเท้าไดโนเสาร์บนเพดานถ้ำ การตรวจสอบก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมไดโนเสาร์ที่แปลกประหลาดระบุว่าเป็นกลุ่มเธอโรพอด (theropod) ที่กินเนื้อเป็นอาหารและเดินด้วยขาทั้ง 4 ข้างแต่เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.แอนโธนี โรมิลิโอ นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ เผยว่า ได้พบชิ้นส่วนปริศนาจากทันตแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งบิดาทันตแพทย์คนนี้เป็นนักธรณีวิทยาที่รายงานเกี่ยวกับการค้นเจอรอยเท้าไดโนเสาร์บนผนังในถ้ำแห่งนั้น โดยมีทั้งปลาสเตอร์พิมพ์รูปรอยเท้า รูปถ่ายในถ้ำเมื่อครั้งนั้น และสมุดบันทึกรายละเอียดของงาน นักบรรพชีวินวิทยาจึงยืมหลักฐานเหล่านั้นมาแปลงภาพถ่ายเก่าให้เป็นดิจิทัล สร้างแบบจำลอง 3 มิติเสมือนจริงของรอยเท้าไดโนเสาร์ เมื่อรวมหลักฐานที่ได้มาใหม่เข้ากับความเข้าใจไดโนเสาร์ในปัจจุบัน ก็พบว่ารอยเท้าในถ้ำนั้นเป็นของไดโนเสาร์ 7 ชนิดที่แตกต่างกัน โดย 4 ชนิดเป็นพวกกินเนื้อส่วนอีก 3 เป็นชนิดกินพืช และแทนที่จะเป็นไดโนเสาร์ตัวเดียวที่เดินด้วย 4 ขา ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไดโนเสาร์ 2 ตัว ชนิดกินพืชที่เดินสองเท้าไปตามชายฝั่งของทะเลสาบโบราณ และรอยเท้าที่เพดานถ้ำก็ไม่ได้เกิดจากไดโนเสาร์เดินห้อยหัวลงมา แต่เป็นเพราะไดโนเสาร์เดินบนตะกอนทะเลสาบและรอยประทับเหล่านี้ถูกปกคลุมด้วยทราย ที่รอยเหล่านี้ดูเหมือนห้อยลงมาจากเพดานมากกว่ากดขึ้นไปบนเพดาน นั่นเป็นเพราะเมื่อประทับรอยเท้าครั้งแรก บริเวณรอยเท้าของไดโนเสาร์จะแข็งตัวอยู่ในหินแข็ง เมื่อมีการพังทลายนับร้อยๆ ปีภายในถ้ำก็จะดึงให้วัสดุที่เปราะบางร่วงออกไป จนกระทั่งสิ่งที่เหลืออยู่คือชั้นแข็งที่มีรอยกดของรอยเท้าไดโนเสาร์ที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้.Credit : University of Queensland