การปฏิวัติเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เมื่อศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เกต และร้านสะดวกซื้อ ทั่วประเทศ 75 บริษัท พร้อมใจงดให้บริการถุงพลาสติก (แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง) ให้แก่ลูกค้าทุกรายพี่น้องประชาชนที่ไปจับจ่ายซื้อสินค้า ต้องเตรียมพก “ถุงผ้า” ใส่ของกลับบ้านแทนถุงพลาสติกแจกฟรีถือเป็นการปฏิวัติที่คนไทยทั่วประเทศมีส่วนร่วมลดปริมาณขยะพลาสติกที่เป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังหลังจากดีแต่พูดมานานเต็มที“แม่ลูกจันทร์” ขอชมเชย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ผลักดันเรื่องนี้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูขอปรบมือให้ภาคเอกชนที่ร่วมมือร่วมใจเลิกแจกถุงพลาสติกให้ลูกค้าอย่างพร้อมเพรียงถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ผลักดันเรื่องเล็กๆให้กลายเป็นวาระแห่งชาติสำเร็จเป็นรูปธรรมข้อมูลล่าสุด คนไทยใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว 4.5 หมื่นล้านใบต่อปีกลายเป็นขยะพลาสติกย่อยสลายยากกว่าปีละ 2.2 แสนตันถุงพลาสติกหูหิ้วใช้ครั้งเดียวทิ้ง 4.5 หมื่นล้านใบ มาจากตลาดสดแผงลอย 40 เปอร์เซ็นต์ หรือ 18,000 ล้านใบต่อปีมาจากร้านอาหาร ร้านของชำ 30 เปอร์เซ็นต์ หรือ 13,500 ล้านใบและมาจากห้างสรรพสินค้าศูนย์ การค้า ซุปเปอร์มาร์เกต และร้านสะดวกซื้ออีก 30 เปอร์เซ็นต์ หรือ 13,500 ล้านใบเฉพาะ กทม.ใช้ถุงพลาสติกมากมหาศาลถึง 80 ล้านใบต่อวัน หรือเฉลี่ยคน กทม.สร้างขยะพลาสติก 8 ใบต่อคนต่อวัน“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการปฏิวัติงดแจกถุงพลาสติกปีแรก ตั้งเป้าจะลดปริมาณขยะพลาสติกให้ได้ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ 9,000 ล้านใบต่อปีคิดเป็นน้ำหนักขยะไม่ตํ่ากว่า 2.5 หมื่นตันประหยัดต้นทุนผลิตถุงพลาสติกถึง 1,800 ล้านบาทต่อปีรมว.สิ่งแวดล้อม (เสี่ยท็อปลูกป๋าเติ้ง) ย้ำว่า การงดแจกถุงพลาสติกครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นก้าวแรกก้าวต่อไปจะร่วมมือภาคเอกชนลดละเลิกใช้หลอดพลาสติก กล่องโฟมพลาสติก แก้วน้ำพลาสติก ช้อนส้อม พลาสติก ฯลฯ ที่ใช้ครั้งเดียวแล้วโยนทิ้งไป ซึ่งต้องใช้เวลาย่อยสลายขยะพิษ ทั้งบนบก ในแม่น้ำลำคลอง และในท้องทะเลอ่าวไทยนานนับสิบปี“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า ช่วงเริ่มต้นการงดแจกถุงพลาสติกอาจทำให้ลูกค้าไม่สะดวกสบายเหมือนเดิม แต่เมื่อสังคมไทยปรับตัวเกิดความเคยชิน เตรียมถุงผ้าไปใส่ของแทนถุงพลาสติกแจกฟรี พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยจะกลับคืนสู่ความปกติภายใน 3 เดือนย้อนหลังไป 50 ปี หรือ 60 ปี (ยังไม่มีถุงพลาสติกแจกฟรี) คนไทยหิ้วตะกร้าไปจ่ายตลาดทั่วบ้านทั่วเมืองถ้าซื้อผักปลาหมูเห็ดเป็ดไก่ ต้องห่อใบตองมัดเชือกกล้วยหิ้วกลับไปถ้าซื้อพริกแห้งหอมกระเทียม ฯลฯ ก็ใส่ถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ถ้าซื้อข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัด ฯลฯ ก็ห่อใบตองซ้อนกระดาษหนังสือพิมพ์ถ้าซื้ออาหารน้ำขลุกขลิกก็ใส่กระทงใบตองแห้งซ้อน 2 ใบแต่ถ้าซื้อกวยจั๊บ แกงเผ็ดแกงส้ม ต้มเครื่องใน ต้องเตรียมปิ่นโตมาใส่เองยุคโน้นไม่ว่าคนจนคนรวย ซื้อของห่อใบตองทั่วหน้ากัน“แม่ลูกจันทร์” คาดว่าการงดแจกถุงพลาสติกจะทำให้ใบตองกลับมาแจ้งเกิดใหม่อีกทีปีนี้รัฐบาลจะเริ่มเก็บภาษีที่ดิน ใครมีที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่อยากจ่ายภาษีแพงต้องเปลี่ยนที่ดินว่างเปล่าให้เป็นที่ดินเกษตรกรรมถ้าไม่รู้จะปลูกอะไรดี?ปลูกกล้วยตานีตัดใบตองขาย ก็เข้าท่านะคุณโยม.แม่ลูกจันทร์