มาตามนัด ม็อบแต่งดำต่อต้านการแบนสารพิษรวมพลบุกทำเนียบรัฐบาล จี้ให้ทบทวนการหยุดใช้ 3 สารเคมี จนกว่าจะมีมาตรการรองรับและสารทดแทนที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกษตรกรทั่วประเทศเดือดร้อนเป็นวงจรลูกโซ่ขณะที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นำขบวนคุณหมอ แท็กทีม น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ยืนกรานดีเดย์ “หยุด” ใช้ 3 สารพิษในวันที่ 1 ธันวาคมนี้เสียงแข็งตามที่ลั่นวาจา ถ้าแบนสารพิษไม่ได้พร้อมถอนยวงที่แน่ๆมันคือผลพวงจากการบริหารแบบรัฐอิสระ รัฐบาลเล่นคนละคีย์ ชิงเหลี่ยม โหนกระแส แฝงวาระซ่อนเร้น ลากเกมเข้าทางใครทางมันถึงจุด “วัวพันหลัก” เดินหน้าวนอยู่กับที่ ถอยหลังก็ไม่ได้อารมณ์ต่อเนื่องกับคิวที่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยอมรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหลือแค่กระทรวงการคลัง ลำพังแค่ “ขาเดียว” ที่อัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเติมน้ำมันหล่อเลี้ยงปากท้องประชาชนไปในโปรโมชันชิมช้อปใช้ บัตรสวัสดิการคนจนตามมารยาท ไม่สามารถก้าวล่วงงานของพรรคร่วมรัฐบาลได้ในขณะที่การกู้วิกฤติส่งออกจากสงครามการค้าโลก เป็นภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การกำกับของคนยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” ส่วนการเร่งเมกะโปรเจกต์เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพใหญ่ภายในประเทศ เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม ภายใต้การบริหารโดยทีมงานพรรคภูมิใจไทยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีก 2 ขา “เดี้ยง” แทบไม่ขยับเขยื้อนและนั่นก็เหมือนตอกย้ำสิ่งที่ “เสี่ยคึก” นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โทรโข่งสายสะตอยี่ห้อประชาธิปัตย์ ป่าวประกาศแกมประจานความล้มเหลว“ทีมเศรษฐกิจแบ่งออกเป็นสามก๊กสามเหล่า”คือทีมของนายสมคิด รับผิดชอบกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ทีมของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทีมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รับผิดชอบกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสไตล์ยี่ห้อ ปชป.จ้องเอาดีใส่ตัว แต่โยนชั่วเข้าเนื้อตัวเองเต็มๆเอาเป็นว่า ถึงจุดที่ต้อง “เข้าใจตรงกัน” ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลผสม “ประยุทธ์ภาค 2” แบ่งเป็นอาณาจักรใครอาณาจักรมัน กัปตันคือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมเทียบเนื้องานกับ “ประยุทธ์ภาคแรก” แนวโน้มเจริญแบบฮวบๆไม่ต้องโคตรเซียน กูรู กูรู้การเมืองค่ายไหนก็อ่านสถานการณ์ขาด ด้วยสภาพเรือเหล็กเครื่องติดๆดับๆ กัปตัน “ประยุทธ์” ทู่ซี้ลากถู ทำได้แค่ประคองภาวะเสียงปริ่มน้ำ ยอมให้พรรคร่วมรัฐบาลขี่คอฝ่ามรสุมเศรษฐกิจโลก เสี่ยงกับหินโสโครกปมขัดแย้งทางการเมืองภายในที่สลับหน้า “ตัวอันตราย” ตามท้องเรื่องจาก “ทักษิณ ชินวัตร” มาเป็น “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”“อุ่นเตา” หัวเชื้อชนวนวิกฤติเกมรบนอกสภาสถานการณ์นับถอยหลัง รัฐบาลรอวันอับปางได้เลยและนี่แหละคือไฟต์บังคับ “จับยามสามตา” หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านวางคิวเชือดส่งท้ายปีเก่า น่าจะเป็นแรงเสริม “เขย่า” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลอย่างเบาก็ “สลับโควตา” อย่างแรงก็ “สลับขั้ว”ในจังหวะที่ทีมหนุน “บิ๊กตู่” จั่วไพ่ “คิงโพดำ” ได้แต้ม “นกแลฝากเลี้ยง” ทีม ส.ส.พรรคเพื่อไทย บวกกับ “งูเห่า” จากค่ายอนาคตใหม่ กำไว้ในกำมือ ต่อรองวัดใจยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” กับ “ภูมิใจไทย”พอดิบพอดีกับปรากฏการณ์ “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หลุดบ่วงวิบากกรรมคดีฟอกเงินทุจริตกู้กรุงไทยเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบปีที่ 64 ของ “นายหญิง” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ท่ามกลางท่าทีที่เปลี่ยนไปเห็นได้ชัด “เสี่ยโอ๊ค” ดูสงบปากสงบคำ และก็เป็นน้องสาวคนกลางมาดนิ่งอย่าง “เอม” พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ที่สื่อสารกับกองเชียร์ โดย “คุณหญิงแม่” ส่งยิ้มคุมเชิงส่วน “ทักษิณ” เงียบหายไปในกลีบเมฆพักใหญ่แล้วโดยแนวโน้มบรรยากาศให้ความรู้สึกเข้าโหมด “ปรองดอง” ตามเงื่อนไขสถานการณ์ถึงแม้ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงพรรคเพื่อไทย จะบอกปัดการสลับขั้วของพรรคเพื่อไทยกับยี่ห้อพลังประชารัฐ เป็นไปได้ยาก เพราะเดินเส้นทางคู่ขนานกันแต่นั่นก็เป็นการพูดก่อนรู้ผลคดี “พานทองแท้”ไม่แน่ถึงนาทีนี้อาจมีเพื่อนเก่าอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เจ้าของหัวจ่ายยี่ห้อ “เดอะซัน” ต่อสายชวน “เจ๊หน่อย” ไปรำลึกความหลัง ย้อนอดีต “ไทยรักไทย”ฟื้นตำนานวงอาหารอิตาเลียนร้าน “ไพซาโน”.ทีมข่าวการเมือง