น้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปีของอุบลราชธานี...เป็นน้ำจากลำน้ำชี 50% ที่มีการเร่งระบายน้ำฝนที่ตกหนักใน จ.ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด แม้ว่าเขื่อนลำปาวจะเก็บน้ำกว่า 1,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ลำน้ำยัง ลำน้ำสาขาของลำน้ำชีไม่มีแหล่งเก็บน้ำส่วนน้ำอีก 25% มาจากลำน้ำมูลเอง และอีก 25% มาจากลำเซบาย ซึ่งไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำ ผนวกกับสภาพหินของแก่งสะพือกีดขวางทางน้ำที่จะระบายลงสู่แม่น้ำโขง ทำให้การระบายน้ำยากขึ้น นอกจากนี้แก้มลิงธรรมชาติยังตื้นเขิน มีการบุกรุกทางน้ำ สร้างพนังกั้นน้ำ สร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำดังนั้นการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนและระยะสั้น จะต้องใช้การบริหารจัดการน้ำจากเครื่องมือที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประตูระบายน้ำหรือเขื่อนเป็นหลัก พร้อมใช้เครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายลงแม่น้ำโขง รวมทั้งจัดหาแก้มลิงในการรับน้ำหลากในลักษณะรูปแบบ “บางระกำโมเดล” ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่มีมากกว่า 100 แห่งส่วนในระยะกลางและระยะยาวต้องแก้ไขทั้งลุ่มน้ำ...ต้องพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มขณะนี้พื้นที่ตอนบนกรมชลประทานกำลังดำเนินการพัฒนาหลายโครงการ เช่น อ่างเก็บน้ำลำสะพุง, อ่างฯลำน้ำชี, อ่างฯโปร่งขุนเพชร, อ่างฯพระอาจารย์จื่อ, อ่างฯห้วยจอมแก้ว และอ่างฯลำเจียง จ.ชัยภูมิ สามารถตัดยอดน้ำได้มากกว่า 200 ล้าน ลบ.ม. ล่าสุดยังได้ดำเนินโครงการการพัฒนาลุ่มน้ำลำคันฉู สาขาของแม่น้ำชีอีกด้วยสำหรับพื้นที่ปลายน้ำ จะต้องเร่งดำเนินโครงการศึกษาผันน้ำชีลงแม่น้ำโขง ผันน้ำเลี่ยงเมืองอุบลราชธานี ณ จุดบรรจบแม่น้ำชีกับแม่น้ำมูล รวมทั้งศึกษาทางผันน้ำอ้อมแก่งสะพือ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงให้รวดเร็วขึ้นซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จะเร่งดำเนินการทำแผนปฏิบัติการเสนอกรรมการลุ่มน้ำ และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาอย่างเร่งด่วน โดยมีกรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการก่อสร้างน้ำท่วมหนักในปีนี้ แม้จะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล แต่ก็ยังทำให้เห็นความหวังในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จ.อุบลราชธานี และ จ.ใกล้เคียงที่ยั่งยืน.สะ-เล-เต