ความขัดแย้งอินเดียกับปากีสถานลามไปถึงจีนแล้วครับ การที่ประธานาธิบดีรามนาถ โกวินท์ ลงนามในกฤษฎีกาฉบับเร่งด่วนยกเลิกมาตรา 370 ของรัฐธรรมนูญ ยกเลิกสิทธิ์ปกครองตนเองของรัฐชัมมูและแคชเมียร์เท่ากับรัฐนี้ถูกยุบไปโดยปริยายรัฐบาลอินเดียเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการแบ่งรัฐชัมมูและแคชเมียร์ออกเป็น ‘รัฐชัมมู’ และ ‘ดินแดนสหภาพลาดักห์’ ไปที่โลกสภาและได้รับความเห็นชอบอย่างท่วมท้น ประธานาธิบดีลงนามในร่าง พ.ร.บ.ที่ผ่านโลกสภานี้เมื่อใด อินเดียก็จะมี 2 รัฐใหม่อย่างเป็นทางการทันที“จีนค้านการให้เขตลาดักห์ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธเป็นดินแดนสหภาพขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางอินเดีย จีนค้านเรื่องที่อินเดียจะผนวกดินแดนของจีนทางฝั่งตะวันตกของเส้นพรมแดนจีน-อินเดีย ไปอยู่ใต้การบริหารของรัฐบาลกลาง ไม่นานมานี้ อินเดียละเมิดอธิปไตยของจีนโดยแก้ไขกฎหมายท้องถิ่นแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นการกระทำที่จีนรับไม่ได้ และกฎหมายนี้ไม่สามารถใช้บังคับได้”อินเดียโต้ว่า “อ้า อินเดียไม่เคยแสดงความเห็นในกิจการภายในของชาติอื่น และก็หวังว่า ชาติอื่นคงจะทำอย่างเดียวกันกับอินเดียทำ”ปากีสถานออกมาต่อต้านอินเดียเช่นเดียวกัน นายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน จะร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า อินเดียละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ผมเชื่อว่า ถ้าปากีสถานยื่นเรื่องให้คณะมนตรีฯ เรื่องนี้เป็นผลแน่ครับ เพราะจีนเป็น 1 ใน 5 ของสมาชิกถาวรของคณะมนตรีฯเมื่อวาน ผมรับใช้ถึงความขัดแย้งระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ว่ามาจากปัญหาแคชเมียร์ ปากีสถานบอกว่า ที่มหาราชาหะริสิงห์ โดกรา ไปลงนามในสัตยาบันนั้น เพราะโดนอินเดียขู่และสัตยาบันก็ควรเป็นโมฆะ อินเดียบอกเราไม่ได้ข่มขู่ มหาราชาทรงตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง จากนั้น อินเดียอ้างสิทธิเข้าครอบครองแคว้นชัมมูและแคชเมียร์ทั้งหมด ซึ่งหมายถึงดินแดน 1 ใน 3 ของแคว้นที่ปกครองโดยปากีสถานเข้าไว้ด้วย70 ปีที่ผ่านมา คนปากีสถานเชื่อว่าแคว้นชัมมูและแคชเมียร์เป็นของตน เพราะคนในแคว้นนี้นับถือศาสนาอิสลามเกือบหมด อินเดียแย้งว่า อ๊าย ไม่ใช่มหาราชาซึ่งเป็นผู้ปกครองแคว้นทรงตัดสินพระทัยรวมแคว้นนี้เข้าเป็นดินแดนของอินเดียเอง เรื่องนี้ทำให้อินเดียและปากีสถานรบกันอย่างหนักหลายครั้งค.ศ. 1947 ปากีสถานหนุนทหารปาชตุนไปปลดปล่อยชาวแคชเมียร์จากมหาราชาหะริ สิงห์ โดกรา ทหารปาชตุนเก่งรบจนสามารถยึดดินแดนได้มากถึง 1 ใน 3 ของแคว้น มหาราชาทรงตกพระทัยดังที่ผมเรียนรับใช้ไปแล้วเมื่อวาน พระองค์ทรงไปขอให้อินเดียช่วย อินเดียทั้งส่งทหารบกลำเลียงทางอากาศไปที่ศรีนครเมืองเอกของแคชเมียร์ แล้วก็ยื่นเรื่องประท้วงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีฯมีมติให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงเมื่อ 1 มกราคม 1949 โดยให้มี Line of Control หรือแนวหยุดยิงตรงเส้นที่แบ่งแคชเมียร์ออกเป็นตะวันออกและตะวันตกตะวันออกมีชัมมูและลาดักห์ ตรงนี้ให้เป็นเขตยึดครองของอินเดีย ส่วนตะวันตกให้เป็นเขตยึดครองของปากีสถาน ความขัดแย้งจึงยุติลงชั่วคราวสหรัฐฯขายอาวุธให้ปากีสถานจำนวนมาก โดยขอให้ปากีสถานทำสัญญาว่าจะไม่ใช้อาวุธที่ซื้อไปใช้รุกรานเพื่อนบ้าน ทว่า 9 สิงหาคม 1965 ทหารปากีสถานโจมตีแหล่งน้ำในทะเลทรายธาร์ รัฐคุชราตของอินเดีย และจังหวัดสินธ์ของปากีสถาน แถมส่งคอมมานโดยึดศรีนคร ทำลายสนามบิน ส่งพลร่มเข้าแคว้นปัญจาบพอโดนโจมตี อินเดียก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ประท้วงต่อสหรัฐฯว่าอาวุธที่ยูขายให้ปากีสถานถูกนำมาใช้รุกรานไอ สหรัฐฯ ก็อึกอักๆ เพราะผลประโยชน์ติดคอ บอกว่า อ้ะ ต่อไปนี้ไอจะไม่ขายอาวุธให้ปากีสถานอีกก็ได้ แต่เรื่องที่ยูทะเลาะกันนี่ ไอขอวางตัวเป็นกลางนะอินเดียตีโต้จนยึดดินแดนกลับมาได้ แถมตีรุกไปจนถึงเมืองละฮอร์ของปากีสถาน ทำให้ปากีสถานต้องยอมหยุดยิงและเจรจาสงบศึกเรื่องอินเดียกับปากีสถานน่าจะยาวขออนุญาตมาว่ากันต่อในโอกาสหน้าครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com อ่านข่าวเพิ่มเติม- อาจเกิดศึกใหญ่ในแคชเมียร์ฯ (1)