คดีที่สั่นสะเทือนความรู้สึกของผู้คนที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวในรอบเดือนที่ผ่านมาคือคดีแพรวาซึ่งมีมุมมองของผู้คนหลากหลายซึ่งได้สะท้อนความเห็นสู่สาธารณะ รวมทั้งความคิดเห็นที่จะนำมาเสนอในที่นี้คือมุมมองของ ดร.คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุดต่อจากเมื่อวานนี้อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนได้มีคำสั่งให้พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี เรียกบิดาเด็กผู้ตายเข้ามาในคดีด้วยตามนัยแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(2) ซึ่งบัญญัติว่า“เด็กอายุกว่าสิบปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการดังต่อไปนี้(2) ถ้าศาลเห็นว่า บิดา มารดา หรือผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กนั้นได้ ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้นให้แก่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองไป โดยวางข้อกำหนดให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองระวังเด็กนั้นไม่ให้ก่อเหตุร้ายตลอดเวลาที่ศาลกำหนดซึ่งต้องไม่เกินสามปี และกำหนดจำนวนเงินที่เห็นสมควร ซึ่งบิดา มารดา หรือผู้ปกครองจะต้องชำระต่อศาลไม่เกินครั้งละหนึ่งหมื่นบาท ในเมื่อเด็กนั้นก่อเหตุร้ายขึ้น”คดีนี้จึงจบด้วยดี โดยพนักงานอัยการยื่นฟ้องเด็กและได้ร้องขอต่อศาลให้เรียกบิดาเด็กเข้ามาในคดีตามที่ผู้เขียนได้มีคำสั่งดังนี้ จะเห็นได้ว่ากฎหมายอาญาของไทยเรามีความทันสมัยมาก แต่นักกฎหมายโดยเฉพาะพนักงานอัยการของเราอาจจะยังไม่ทันสมัยพอก็เป็นได้ ผู้เขียนจึงได้สั่งดังกล่าวทีนี้กลับมาสู่คดีที่ น.ส.แพรวา ตกเป็นจำเลยต่อไปคดีหลังนี้ผู้เขียนมีความเห็นว่า บิดา มารดา และเจ้าของรถที่ให้จำเลยขับก็น่าจะกระทำความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บตามประมวลกฎหมาย กฎหมายอาญา มาตรา 291 เพราะได้กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ อันเป็นการกระทำโดยประมาทตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 แต่พนักงานอัยการก็หาได้ดำเนินการแก่ผู้กระทำผิดอีกสามคนดังกล่าวแต่อย่างใดไม่ อันแสดงให้เห็นความไม่ทันสมัยของพนักงานอัยการผู้ดำเนินคดีนี้ นอกจากนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงการเรียนการสอนกฎหมายอาญาด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เหตุนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงได้แต่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อย่างไม่สมบูรณ์แบบจนคุณแม่ของผู้ตายกล่าวในหนังสือพิมพ์ “Bangkok Post” ความว่า “ฉันไม่รู้ว่าฉันจะยังมีชีวิตอยู่ที่จะได้เห็นจุดจบของคดีนี้หรือไม่” (I don’t know whether I will be alive to see the end of this case.)อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนใคร่ขอเรียนคุณแม่ของผู้ตายว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาทยังไม่ขาดอายุความนะครับแล้วพนักงานอัยการและสำนักงานอัยการสูงสุดจะไม่จัดการอะไรกันบ้างเลยหรือ ทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่ง“การบังคับใช้กฎหมาย” (Law Enforcement) ในประเทศเรานั้น ผู้เขียน เห็นว่ายังมีปัญหามากในทุกๆด้าน เพราะนักกฎหมายของเรานั้นเคยปฏิบัติกันมาอย่างไร ก็ปฏิบัติกันไปอย่างนั้น โดยไม่พยายามแสวงหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงกันเลยก็ว่าได้เหตุนี้เมื่อครั้งผู้เขียนเป็นอัยการสูงสุด ผู้เขียนจึงได้ตั้ง “สถาบันกฎหมายอาญา” ขึ้นเพื่อการนี้ แต่ครั้นเมื่อผู้เขียนพ้นจากหน้าที่ราชการไปแล้วก็ปรากฏว่า “สถาบันกฎหมายอาญา” ก็หมดบทบาทไปด้วยอย่างน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งผู้เขียนจึงใคร่ขอฝากข้อนี้ให้สำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาด้วย เพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวมนั่นคือความคิดเห็นของผู้ที่เคยมีบทบาทสูงสุดในอดีตของวงการอัยการ.พนักงานอัยการกับคดีแพรวา“ซี.12”