ในชาดก เรื่องเทวธรรม หนึ่งในชุด พระเจ้า 500 ชาติ (เลข 500 เป็นเลขมงคลนะครับ) พระเอกชื่อ มหิสสาสกุมาร เป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าพรหมทัต กษัตริย์นครพาราณสี โดยฐานะ ทรงเป็นรัชทายาท(ชาดกในธรรมบท พระธรรมกิตติวงศ์ ทองดี สุรเตโช เรียบเรียง ช่อระกาการพิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2554)แต่ฐานะหมายเลข 2 ที่จะขึ้นครองบัลลังก์ต่อ ก็เปลี่ยนไป เมื่อพระราชมารดาสวรรคต พระมเหสีองค์ใหม่ ทรงได้พร “ขออะไรก็ให้” พระเจ้าพรหมทัต ก็ต้องให้ พระสุริยกุมาร พระโอรสมเหสีใหม่ ขึ้นแท่นรัชทายาทแทนโดยเหตุผลทางการเมือง พระมหิสสาสกุมารออกไปบำเพ็ญบารมีในป่า โดยความที่ทรงเป็นที่รักใคร่ ไม่เพียงพระจันทกุมาร พระอนุชา จะขอ “เดินดง” ตาม (เหมือนพระลักษมณ์ตามพระราม ในรามเกียรติ์) เรื่องที่น่าแปลกใจ ก็คือพระสุริยกุมาร องค์รัชทายาท เอง ก็ขอตามไปด้วยสามหน่อเนื้อกษัตริย์มุ่งหน้าเข้าป่าหิมพานต์ จนเหนื่อยนักก็แวะพักใต้ต้นไม้ใหญ่ พระเชษฐาทรงหิวน้ำ ออกปากให้สุริยกุมารไปหาน้ำจากสระน้ำใกล้ๆขอบคุณคลิปจากช่อง นิทานชาดกสระน้ำนั้น มีรากษสรักษา ท้าวเวสสวัณอนุญาตให้จับคนที่ลงไปสระน้ำกินได้ ยกเว้นผู้รู้เทวธรรม รากษสดูแลสระ 12 ปี จับคนกินนับไม่ถ้วน เมื่อจับสุริยกุมาร ตอบ เทวธรรม คือดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ก็จับตัวไปขังพระจันทกุมารไปตาม เมื่อถูกยักษ์จับ ตอบว่าเทวธรรม คือทิศทั้งสี่ ยักษ์ก็จับไปขังไว้อีกพระมหิสสาสกุมารไปตาม เห็นรอยเท้าสองพระอนุชาลงสระ แต่ไม่มีรอยขึ้น ก็ทรงรู้ว่าเกิดเรื่องร้าย เตรียมพระองค์ เหน็บพระขรรค์ ถือพระศร ยืนข้างขอบสระรากษสอดใจรอไม่ไหว แปลงร่างเป็นคน มาทำใจดีชวนให้ลงไปอาบน้ำ กินเหง้าบัวให้อิ่มหนำ แต่พระมหิสสาสกุมารรู้ทัน คุยกันจนรากษสยอมรับ จับสองพระอนุชา เพราะไม่รู้เทวธรรมพระมหิสสาสกุมาร ทรงขอให้ยักษ์ตั้งใจฟัง แล้วทรงแสดงธรรมผู้ประกอบด้วยหิริและโอตตัปปะ ตั้งมั่นอยู่ในธรรมอันขาว ท่านเรียกว่าผู้สงบ ผู้เป็นสัตบุรุษ ผู้รู้เทวธรรมทั้งทรงอธิบายว่า หิริ นั้นคือเจตนาละอายต่อทุจริต 3 ประการ ทางกาย วาจา ใจ โอตตัปปะ คือเจตนาที่จะหวาดกลัวต่อทุจริตเหล่านั้น แล้วไม่กล้าทำคุณธรรมสองประการนี้ ทำให้ คนธรรมดาก็สามารถเข้าถึงสมมติเทพ คือเป็นพระเจ้าแผ่นดินได้ เป็นเทวดาจริงๆในเทวโลกได้ และเป็นวิสุทธิเทพ คือเป็นพระอรหันต์ผู้หมดจากกิเลสก็ได้ยักษ์ฟังแล้วก็เลื่อมใส ออกปากขอคืนน้องให้คนหนึ่งเพื่อบูชากัณฑ์เทศน์ พระมหิสสาสกุมาร ขอคืนพระสุริยกุมาร น้องเล็ก ยักษ์ต่อว่า ทรงรู้เทวธรรม แต่ไม่ประพฤติเทวธรรมการเว้นน้องคนโต แสดงว่าไม่เคารพอ่อนน้อมผู้ใหญ่มหิสสาสกุมารให้เหตุผล ถ้าเรากลับพาราณสี บอกว่าน้องเล็กถูกยักษ์จับกินในป่า ก็จะถูกครหาว่า ฆ่าน้องที่เป็นรัชทายาท เพราะต้องการนั่งบัลลังก์ ยักษ์ฟังแล้วก็ยิ่งเลื่อมใสไม่เพียงคืนน้องให้ทั้งสองพระองค์ ยังอุทิศตนเป็นผู้ดูแลรับใช้แล้วก็ถึงวันนั้น วันที่ดาวนักขัตฤกษ์ดวงหนึ่งตก ชี้ว่าพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต มหิสสาสกุมารก็กลับ รับเชิญจากเสนาอำมาตย์ขึ้นนั่งบัลลังก์กษัตริย์นครพาราณสีชาดกเรื่องนี้ เล่ามากว่าสองพันห้าร้อยปี แต่ยังไม่ล้าสมัย ผมอยากให้ท่านผู้นำได้อ่านการมีสิทธิตามกติกา...แม้จะขึ้นนั่งบัลลังก์อำนาจ แต่ถ้าขาด “เทวธรรม” ไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป คิดจะเอาชนะด้วยอำนาจบาตรใหญ่สมัยนี้ไม่มียักษ์กินคน แต่ก็ยังมีประชาชนผู้นำที่ประชาชนไม่เอา ส.ส.ยกมือให้ไม่พอ...ก็อยู่ไม่ได้ บรรยากาศเบื่อทหารขนาดนี้ เรื่องเอะอะก็จะยึดอำนาจ ไม่ว่าบ้านเมืองนี้หรือบ้านเมืองไหนๆ ก็ไม่น่าจะมี.กิเลน ประลองเชิง