ตามริมชายหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต คงเคยเห็นชายหนุ่มสวมชุดเหลือง-แดง รูปร่างกำยำ ผิวสีเข้ม ยืนกลางแสงแดดอันระอุร้อน จับจ้องมองลงไปในทะเล กวาดสายตาไปทั่วชายหาด และอยู่ในอิริยาบถที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้คนตลอดเวลา...พวกเขาเหล่านี้คอยดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งชาย หญิง ที่นอนอาบแดดพักผ่อนอย่างเพลิดเพลินใจ บ้างก็ลงเล่นน้ำคลายร้อนอย่างสนุกสนาน ที่แฝงเต็มไปด้วยความน่ากลัว ในวันที่เป็นฤดูมรสุม และน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นคลื่นขนาดใหญ่ สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งให้หายไปได้เพียงเสี้ยววินาที...คนเหล่านี้เรียกตัวเองว่า “อาสาไลฟ์การ์ด” ส่วนใหญ่เป็นพนักงานโรงแรม รวมตัวกันมาเป็น “อาสา”ทำหน้าที่ดูแลตรวจสอบเส้นทางของคลื่นอันตราย เมื่อเกิดคลื่นลมแรง จะให้สัญญาณเตือนภัยในบริเวณห้ามเล่นน้ำ “สิ่งสำคัญ คือ การช่วยชีวิตนักท่องเที่ยว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินถูกคลื่นกลืนพัดจมหายไปในทะเล...”มีใครบ้าง...จะรู้ถึงชีวิตเบื้องหลังของคนที่เข้ามาเป็นอาสาดูแลชายหาด เสมือนยืนอยู่บนเส้นด้าย มีความเสี่ยงเป็น...เสี่ยงตาย หากพลาดพลั้งเพียงเสี้ยววินาที อาจถึง “ชีวิตทันที”...ไชยพศ สืบ อายุ 32 ปี หนึ่งใน “อาสาไลฟ์การ์ด” แรงบันดาลใจต้องการลดอันตรายจากการเล่นน้ำทะเล เล่าถึงจุดเริ่มต้นเข้ามาเป็นอาสาว่า ผมเคยพบคนขี่รถจักรยานยนต์ชนรถยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และพยายามเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แต่กลับไม่มีความรู้เรื่องการช่วยชีวิต ในวันนั้นหาก “กู้ภัยมาช้า” อาจมีผู้เสียชีวิตขึ้นแน่...นับจากฝันร้าย...กลายเป็นความฝังใจ เกิดสนใจอยากเรียนรู้การปฐมพยาบาลช่วยเหลือผู้ประสบภัยกลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตจากอาชีพพนักงานโรงแรมในเทศบาลป่าตอง หักเหมาจากที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ริมหาดป่าตอง มีนักท่องเที่ยวจมน้ำ “หน่วยอาสาชายหาด” รับแจ้งต่างรีบว่ายน้ำเข้าช่วยผู้ประสบภัยขึ้นมาปฐมพยาบาล ก่อนได้มีโอกาสพูดคุยกับหน่วยอาสาชุดนี้ และถูกชักชวนให้มาร่วมเป็นหนึ่งใน “อาสาไลฟ์การ์ด ริมหาดป่าตอง” แต่การมารับภารกิจนี้...ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรป้องกันอันตรายต่างๆ ทั้งทางน้ำ และทางบก รวมถึงการปฐมพยาบาลแก่ผู้ประสบภัย จากสมาคมเซิร์ฟไลฟ์เซฟวิ่ง ออสเตรเลีย (Surf Life Saving Club) ในทุกเดือนต้องทบทวนเหตุการณ์จำลองนักท่องเที่ยวประสบเหตุทางน้ำทะเลทุกรูปแบบ เพื่อให้ทุกคนเกิดความชำนาญในการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ...เพราะเป็นทางเดียวของการลดความเสี่ยงและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในน้ำทะเล...ในทุกวันต้องตื่นตั้งแต่ 05.00 น. รีบหุงหากับข้าวกับปลาให้ลูกชายคนเล็ก อายุ 9 ขวบ และลูกชายคนโต อายุ 15 ปี รีบไปส่งเข้าห้องเรียนหนังสือ ด้วยต้องเลี้ยงลูกคนเดียว หลังเลิกรากับภรรยามานานหลายปี...จากนั้นต้องมาประจำจุดที่หาดป่าตอง ตรวจสอบสภาพอากาศ ปักธงสัญญาณ และดูแลความปลอดภัยบนชายหาดรวมกับเพื่อนอีก 20 คน เพราะช่วงเช้ามักมีนักท่องเที่ยวเมาสุราลงเล่นน้ำทะเล ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย บ่อยครั้งเกิดเหตุจมน้ำ หรือถูกคลื่นซัด ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้...หากถามว่าที่มาทำเช่นนี้...ก็เพราะชอบช่วยเหลือชีวิตคนตกทุกข์ได้ยาก ทุกครั้งที่เห็นอุบัติเหตุทางถนน ต้องเสนอตัวเองเข้าช่วยเหลือก่อนใครทันที...เช่นเดียวกับอาชีพอาสาไลฟ์การ์ดเป็นงานช่วยเหลือชีวิตนักท่องเที่ยว เพราะภารกิจนี้ไม่มีใครอยากรับผิดชอบ ไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งเกี่ยว สาเหตุต้องเสี่ยงความตายมากมาย...แม้ว่าตอนนี้น้ำทะเลสีฟ้า เงียบสงบสวยงาม นักท่องเที่ยวอยากลงสัมผัสเล่นน้ำ แต่เมื่อถึงฤดูมรสุม ท้องฟ้ากลายเป็นสีเทา และน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์ กลายเป็นความอันตรายทันที หากไม่มีอาสาไลฟ์การ์ดคอยเตือน ดูแลนักท่องเที่ยว จะเกิดอันตรายถึงเสียชีวิต...นับจากวันที่ก้าวมาเป็นอาสาไลฟ์การ์ด...จนมาถึงวันนี้อยู่ในวงการมา 6 ปี ผ่านเหตุการณ์มามากมาย ยังมีความมุ่งมั่นเดินหน้าช่วยเหลือชีวิตนักท่องเที่ยว จะไม่ยอมให้ใครมาสูญเสียบนหาดป่าตอง เพราะไม่เคยชินกับการต้องพบเจอการสูญเสีย“ภารกิจอาสาไลฟ์การ์ด ออกกลางทะเลช่วยนักท่องเที่ยว มักถูกดึงให้จมน้ำไปด้วย หากไม่ได้รับการฝึกอบรมที่ดี มีความเสี่ยงจมน้ำเสียชีวิตไปพร้อมกัน จึงไม่มีวันรู้เลยว่า เราจะพลาดพลั้งจบชีวิตลงวันไหน มีโอกาสไม่ได้กลับบ้านเห็นหน้าลูกได้ตลอด หากต้องตายขอตายแบบที่โลกชื่นชมกล่าวขาน และต้องใช้ชีวิตให้มีคุณค่าที่สุด”ทุกวันริมชายหาดป่าตอง มีชาวต่างชาติทั่วโลกมาท่องเที่ยว 1,500 คนต่อวัน ทุกคนมีความเสี่ยงเท่ากัน เราต้องจับจ้อง ไม่ให้คลาดสายตา ต้องยืนกลางแดดที่ร้อนจัด 8-9 ชั่วโมงเพราะนอกจากช่วยเหลือนักท่องเที่ยวถูกคลื่นซัดจมน้ำ ยังต้องดูแลนักท่องเที่ยวเป็นลมแดด ถูกของมีคมบาดเท้า หรือเม่นทะเลตำเท้า...ไม่ต่างไปจาก ชาญวิทย์ หนูแก้ว อายุ 27 ปี เริ่มตามฝันช่วยเหลือชีวิตคนมาครึ่งค่อนชีวิต ถ่ายทอดเรื่องราวของคำว่า “อาสาไลฟ์การ์ด” เป็นภารกิจมานานกว่า 4 ปี ว่า อุบัติเหตุนักท่องเที่ยวจมน้ำทะเล สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ต้องมาเตรียมพร้อมประจำจุดริมหาดป่าตอง เพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวตั้งแต่เช้ามืด...ซึ่งงานอาสาไลฟ์การ์ด เป็นงานอาสาสมัคร ไม่ใช่ภาระความรับผิดชอบของรัฐบาล เพียงแต่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากเทศบาลเมืองป่าตอง เมื่ออยากได้เงินจากนักท่องเที่ยว ก็ต้องดูแลเขาให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย เมื่อเขาปลอดภัยประทับใจ พวกเขาก็กลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกหนำซ้ำ...ยังเป็นภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง ที่มีความเสี่ยง ตั้งอยู่บนความเป็น...ความตาย ทั้งของตนเองรวมถึงของผู้คนมากมาย และเป็นเหมือนการปิดทองหลังพระ ที่น้อยคนนักจะรู้ว่าการปฏิบัติงานอาสาไลฟ์การ์ดเป็นอย่างไร ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง กระนั้น...ก็มีหลายคนกลับมองว่า หน้าที่นี้ไม่มีความสำคัญ ไม่จำเป็นที่ต้องมี เพราะซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่เดิม พยายามจะยกเลิกโครงการนี้ออกไปให้ได้...ต่างจากนักท่องเที่ยว มองว่าเรื่องช่วยชีวิตเกิดจากการเล่นน้ำทะเล เป็นเรื่องจำเป็นมากเคยมีนักท่องเที่ยวชายถูกคลื่นซัดจมน้ำหาย...ทันทีที่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ อาสาไลฟ์การ์ดต่างวิ่งกระโดดลงน้ำ ทำตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้ฝึกมา...และรีบนำตัวขึ้นมาปฐมพยาบาล เพราะเขาหมดสตินิ่งทุกคนเร่งช่วยเหลือยื้อชีวิตสุดแรง ส่วนแฟนสาวนักท่องเที่ยวคนนั้น...นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับเสียงร้องไห้แทบขาดใจ ยิ่งทำให้เราเร่งรีบทําซีพีอาร์ปั๊มหัวใจ ผ่านไป 2-3 นาที นักท่องเที่ยวคนนี้...ฟื้นมีสติขึ้นมา ทำให้ทุกคนโล่งอก กลายเป็นความสุขขึ้นมาทันทีนักท่องเที่ยวคู่นี้รู้สึกปลาบปลื้มซึ้งใจเป็นอย่างมาก...ต่างมาขอบคุณอาสาไลฟ์การ์ด กลับไปประเทศเขาแล้วก็ยังส่งสิ่งของมาให้มากมาย และทุกครั้งที่มาเที่ยวเมืองไทย ก็ต้องมีของฝากมาให้ตลอด...“ไลฟ์การ์ดหาดป่าตอง” นับเป็นอีกตัวอย่างความภาคภูมิใจกับการทุ่มเทแรงกายแรงใจ ยอมเสียสละความสุขส่วนตัว อุทิศชีวิตช่วยเหลือสังคม...นักท่องเที่ยว ให้ได้มาเที่ยวและกลับบ้านอย่างปลอดภัย.