ทุกชั้น-ตั้งแต่วันที่29มี.ค.2562 นิสิตจุฬาตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดกกต. เจ๊หน่อยขู่ ‘แม่ไม่ทนบัตรเขย่ง’กลุ่มนิสิตจุฬาฯลุยตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดถอน กกต. ชี้จัดการเลือกตั้งส่อไม่สุจริต “จ่านิว” บอกจะไม่ทนกับกลโกง ตั้งเป้าล่าให้ได้ 1 แสนรายชื่อ “ศรีสุวรรณ” ขึงขังถอด 7 อรหันต์ ใช้เงินไปหลายพันล้าน กลับไม่มีประสิทธิผล “เจ๊หน่อย” ลั่น “แม่จะไม่ทน” กับบัตรเขย่ง “หมอทศ” ขู่ระวังติดคุกตัวอย่างมีให้เห็นมาแล้ว คสช.เบรกกลุ่มสอย กกต. “ทักษิณ” ปลุกความหวังอย่ายอมแพ้ “สมศักดิ์” แซะ พท.ดิ้นเฮือกสุดท้าย ชงรัฐบาล คสช.ดันนโยบาย พปชร.ตีกินกระแสไปก่อน “จตุพร” วางมือเพื่อชาติสานงาน นปช.ต่อ ซัดเลือกตั้งโสมม เตือนฟื้นตำนานงูเห่าเมื่อไหร่จบเห่ ปชป.ยังสาละวน “กบเลือกนาย” ทรงเรียกคืนเครื่องราชฯ “ทักษิณ”ปัญหาจากการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่สร้างความเคลือบแคลงต่อสังคม เริ่มขยายวง เมื่อกลุ่มนักเรียน-นิสิต-นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ประกาศเดินหน้ารวบรวมรายชื่อเพื่อเริ่มต้นกระบวนการถอดถอน กกต.ทั้ง 7 คนออกจากตำแหน่งแนวร่วมนิสิตจุฬาฯลุยสอย กกต.เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 มี.ค. ที่สกายวอล์กสี่แยกปทุมวัน ด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นายวีรชัย เฟนดี้ นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิต คณะเศรษฐศาสตร์ อดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ นิสิตคณะ อักษรศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกันแถลงเปิดตัว “กลุ่มแนว ร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม” เพื่อล่ารายชื่อถอดถอนกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการตั้งโต๊ะแจกแบบฟอร์มการเข้าชื่อถอดถอน กกต.ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) แก่ผู้ที่สนใจเดินผ่านไปมา นายสิรวิชญ์กล่าวว่า การจัดการเลือกตั้งของ กกต. ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่าไม่บริสุทธิ์โปร่งใสและ เป็นธรรม มีการกระทำผิดปกติหลายอย่างที่ทำให้เชื่อได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้บกพร่อง และส่อไปในทาง ไม่สุจริต กลุ่มแนวร่วมฯเห็นว่า กกต.ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริตอย่างร้ายแรง “จ่านิว” บอกจะไม่ทนกับกลโกงนายสิรวิชญ์กล่าวว่า ในฐานะประชาชนชาวไทยไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อความบกพร่อง และไม่ชอบมาพากล จึงขอประกาศแนวทางการเคลื่อนไหวดังนี้ 1.ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจร่วมลงชื่อกล่าวหา กกต. กระทำขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 234 (1) เพื่อร่วมกันเป็นผู้ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามมาตรา 234 (1) ว่า กกต.จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2.ขอเชิญชวนผู้สนใจลงชื่อในเว็บไซต์ Change.org ในแคมเปญ “ร่วมกันลงชื่อถอดถอน กกต.” ที่ขณะนี้มีผู้ลงชื่อแล้วกว่า 8 แสนคน โดยทางกลุ่มตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 แสนคน เพื่อสร้างแรงกดดันต่อ กกต. 3.ขอเชิญชวนประชาชนที่พบเห็น หรือมีหลักฐานการทุจริตเลือกตั้งเพิ่มเติม ส่งหลักฐานมาได้ 4.ขณะนี้มีแนวร่วมนัก ศึกษากว่า 18 มหาวิทยาลัย ร่วมรณรงค์ล่ารายชื่อถอดถอน กกต. จะมีการขยายช่องทางการไปถึงประชาชนทั่วไป ตามจังหวัดต่างๆและ 5.จะรณรงค์ล่ารายชื่อจนถึงวันที่ 5 เม.ย. และจะยื่นคำร้องถอดถอนและรายชื่อภายในวันที่ 9 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำกิจกรรมดังกล่าวถูกจับตามองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ และทหารชุดร้อย รส.ประจำพื้นที่ของ คสช. คอยเฝ้าสังเกตการณ์และบันทึกภาพกิจกรรมนี้อย่างใกล้ชิด โดยทางกลุ่มฯจะตั้งโต๊ะล่ารายชื่อที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันที่ 31 มี.ค.ต่อไป“ศรีสุวรรณ” ขึงขังถอด 7 อรหันต์ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า การตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอน กกต.ทั้ง 7 คน มีประเด็นกล่าวหา 9 ข้อ ดังนี้ 1.วินิจฉัยบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากนิวซีแลนด์ไม่ถูกต้อง ขัดหลักการประชาธิปไตย ลิดรอนสิทธิคนไทย ทั้งใน และต่างแดน 2.ประวิงเวลาการนับ และประกาศผลคะแนน แถมมีคะแนนเพิ่มขึ้นอีก 4.4 ล้านใบโดยไม่สมเหตุสมผล 3.กล่าวอ้างจำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับยอดบัตรที่ใช้ เกิดบัตรเขย่งที่ไม่ปรากฏในกฎหมายใด 4.ไม่ดำเนินการเอาผิดผู้ที่ทำให้บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมาล่าช้า และผู้ทำให้ยอดบัตรไม่ตรงกับผู้มาใช้สิทธิ 5.ไม่สั่งการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 57 วรรคสอง ที่กำหนดให้พรรคการเมืองหาเสียงต้อง แจ้งที่มาของเงินที่จะใช้ตามนโยบาย 6.ไม่เอาผิดผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน ทุกพรรค ฐานแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 กรณียื่นใบสมัครเป็น ส.ส. ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม 7.ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนจัดเลือกตั้งไปหลายพันล้านบาท แต่ผลที่ได้กลับไม่คุ้มค่า ไม่มีประสิทธิผล ขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 8. จัดการเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด ไม่โปร่งใส 9.ใช้ เวลาและภาษีของประชาชนไปต่างประเทศกว่า 12 ล้านบาท โดยจะเริ่มตั้งโต๊ะล่ารายชื่อตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. แถวย่านสะพานใหม่ “แม่จะไม่ทน” กับบัตรเขย่ง กกต.วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ถ้ายังแก้ตัวด้วยเหตุผลบัตรเขย่งอีกต่อไป #แม่จะไม่ทนค่ะ กกต.อ้างว่าคนทนรอคิวไม่ไหว เลยรับบัตรแล้วกลับบ้านไปก่อน มันเป็นไปได้หรือ กฎเหล็ก 7 ข้อของ กกต. ระบุไว้ในข้อ 2 ชัดเจนว่า “ห้ามมิให้นำบัตรเลือกตั้งออกนอกหน่วย ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี” เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยปล่อยให้เดินลอยนวลออกไปได้อย่างไร กกต.เป็น เจ้าหน้าที่รัฐ อ้างเหตุผลที่ผิดกฎหมายได้ด้วยหรือ บางคนอาจไม่ทราบว่า บัตรเขย่งนี่คือกลไกที่พวกซื้อเสียงนำมาสู้กับแคมเปญ รับเงินหมากาพรรคอื่น พวกที่ซื้อเสียงเขาใช้วิธีเอาบัตรออกไปนอกหน่วยแบบที่ กกต.เรียกว่าบัตรเขย่ง ไปกาข้างนอกหน่วยแล้ว ให้คนที่จะเข้าไปลงคะแนนแอบเอาเข้าไปด้วย แล้ววนบัตรแบบนี้เรื่อยๆ ทำให้บัตรเขย่ง 1 ใบ ออกลูกได้เป็นร้อย อย่าให้การกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยของไทย ต้องบอบช้ำไปกว่านี้ขอเหตุผลใหม่ที่ดีกว่านี้ได้มั้ย”ขู่ระวังติดคุกตัวอย่างมีให้เห็นนพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า การรวบรวมเสียงข้างมาก ตั้งรัฐบาล กว่าจะถึงวันที่ 9 พ.ค. คิดว่าสถานการณ์ยังเปลี่ยนแปลงได้อีก เราเห็นถึงความผิดปกติต่างๆ ของ กกต. ทั้งเรื่องจำนวนบัตร ผู้มีสิทธิออกเสียง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ กว่าจะถึงวันที่ 9 พ.ค. อาจ มีการสร้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ สอย ส.ส. แจกใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง อีกก็ได้ ต้องดูต่อไปว่า กกต. หรือผู้มี อำนาจเหนือ กกต. จะสั่งการมายัง กกต.ให้ใช้อำนาจโดยมิชอบอีกหรือไม่ “สถานการณ์เวลานี้ ผมเป็นห่วง กกต.ว่าอาจจะติดคุก เหมือน กกต.ในอดีตอยากฝากไปถึง กกต.ถึงเวลานั้นจริงๆ อาจไม่มีใครช่วยพวก ท่านได้ และยิ่งทำอะไรที่ไม่โปร่งใสต่อไป ไม่เฉพาะนักการเมืองที่จับตาดู ยังรวมไปถึงประชาชน นักศึกษาหลายสถาบัน เริ่มรวบรวมรายชื่อถอดถอน เขา เหล่านั้นเป็นพลังบริสุทธิ์ ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าห่วง”“ทักษิณ” ปลุกความหวังอย่ายอมแพ้ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเป็นคลิปวิดีโอ ระบุว่า “The last gift that God can give you is hope” (สิ่งสุดท้ายที่พระเจ้าจะให้ได้คือ ความหวัง) เป็นเสียงของนายทักษิณพูดประกอบเนื้อหาสรุปว่า “ถ้าเราไม่มีความหวัง ทั้งตัวเรา ครอบครัวเรา และบ้านเมืองจะไปยาก ประเทศกลางทะเลทรายอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่มีแม่น้ำฝนตกน้อย แต่หวังว่าประเทศจะพ้นจากการเป็นทะเลทราย ใช้วิธีการเอาน้ำทะเลกลั่นเป็นน้ำจืดเพื่อใช้ น้ำทิ้งก็เอามาบำบัดนำไปรดน้ำต้นไม้ ทำให้เขาเริ่มมีฝน อีกประเทศที่น่าสนใจคือเอสโตเนีย จากประเทศฐานะยากจน เป็นมีรายได้มากขึ้นโดยเกาะกระแสอินเตอร์เน็ต พลิกฟื้นเศรษฐกิจเพราะไม่รู้จักสิ้นหวัง ทุกประเทศ ทุกครอบครัว หรือทุกคนอย่ายอมแพ้ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เรายอมแพ้ไม่ได้ เราต้องมีความหวังกับตัวเอง กับครอบครัว กับประเทศ แล้วช่วยกันทำให้ดีให้ชนะสิ่งที่เป็นอุปสรรคด้วยสติปัญญา ด้วยกติกา อย่าไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้องแล้วเราจะประสบความสำเร็จเอง ให้กำลังใจให้ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติเสียที” พร้อมลงข้อความประกอบคลิปวิดีโอว่า “ความหวังคือสิ่งสำคัญในชีวิต เราทุกคนต้องอย่ายอมแพ้ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราจะยอมแพ้ไม่ได้ เราจึงต้องมีความหวังเพื่อเอาชนะทุกอุปสรรค ด้วยสติปัญญาและด้วยกติกา”“อุทัย” ให้ อนค.เป็นปากเสียงที่ จ.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่จัดสัมมนาว่าที่ส.ส. โดยนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา กล่าวในหัวข้อ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ว่า การเข้ามาเป็น ส.ส. สิ่งสำคัญที่ต้องคิดถึงและต้องท่องจำให้ขึ้นใจ คือการที่เราเข้ามาอยู่ในจุดนี้จะทำประโยชน์เพื่อใคร ต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างเข้มข้นมาก ยิ่งสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ที่ชัดเจนว่าผู้ที่ยึดอำนาจเขาอยากจะอยู่ครอบครองต่อ จึงออกแบบกฎกติกาต่างๆให้ตนเองอยู่ต่อ เช่น ให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ และที่พูดถึงกันมากขณะนี้คือ“งูเห่า” อาจมี ส.ส.ย้ายพรรค ฝืนมติพรรค สมัยตนเรียกว่าช็อกกะรี หรือขายตัว ราวปี 2512 ตนอยู่ฝ่ายค้าน เคยมีลูกน้องนายทหารฝ่ายสืบทอดอำนาจมาหา บอกว่าเจ้านายอยากได้ตัว คนอื่นรับไป 350,000 บาท กับรถแลนด์โรเวอร์ช่วงสั้น ส่วนตนถ้าขายตัวจะได้ 10 เท่า และแลนด์โรเวอร์ช่วงยาว ตอนนั้นต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก แต่สุดท้ายตัดสินใจไม่ไป อยากบอกกับว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทุกคน ให้เชื่อมั่นในรัฐสภา เชื่อมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ต้องยืนยันความคิดเห็นของเรา เป็นปากเสียงให้กับประชาชนให้ได้ “อุตตม” ไม่รีบยังมีเวลาเหลือเฟือขณะที่นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “พวกเราตั้งใจพัฒนาพรรคพลังประชารัฐให้เป็นพรรคการเมืองถาวร ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ที่พี่น้องประชาชนเลือกพวกเราเข้ามาทำหน้าที่ การรวมเสียงขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับพรรคการเมืองอื่น ไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล พรรคมีจุดยืนชัดเจนก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งสี ไม่แบ่งฝ่าย นำประเทศสู่ความสงบสุข ต้องดำเนินการหารือกับพรรคอื่นที่มีอุดมการณ์เดียวกัน และเชื่อว่ายังมีเวลาเดินสายหารือ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน”“สมศักดิ์” แซะ พท.ดิ้นเฮือกสุดท้ายนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เพราะผู้ใหญ่ในพรรคที่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ มองดูตัวเองแล้วว่าไม่มีโอกาสเข้าสภา หากไม่ได้เป็นรัฐบาลจะยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ถือเป็นเฮือกสุดท้ายที่เขาต้องสู้อย่างเต็มที่ เพราะเสียงยังปริ่ม ไม่เช่นนั้นอาจไม่มีโอกาสได้แสดงอีก เป็นการสู้เฮือกสุดท้าย หากไม่สมหวังอาจชวนพี่น้องประชาชนออกมาสร้างความขัดแย้งอีกหรือไม่ แต่ละคนที่ออกมาพูดทำให้ประชาชนเป็นเดือดเป็นแค้น เป็นการจุดชนวนความขัดแย้ง พยายามแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐกำลังสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการทางกฎหมายในแง่ใด ได้หรือไม่ดันนโยบาย พปชร.ตีกินกระแสนายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม อยากเสนอให้ดำเนินนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐนำไปหาเสียง ควบคู่ไปกับช่วงเวลาที่รอคอยรัฐบาลใหม่ เช่น เรื่องที่ดิน ส.ป.ก. เรื่องราคาสินค้าเกษตร หรือการช่วยชาวนาเรื่องราคาข้าว เพราะเป็นเรื่องดีๆ ที่ควรทำอยู่แล้ว หรือเห็นว่านโยบายของพรรคไหนก็ควรนำมาพิจารณา ทำได้เลยไม่ต้องรอ ไม่ต้องเป็นช่วงหลุมอากาศขอหยุดใส่ร้ายปั่นแต้ม พปชร.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปกติพรรคการเมืองใหญ่ๆ และผู้ลงสมัคร ส.ส. จะลงทุนลงแรงส่งตัวแทนเฝ้าดูการนับคะแนนที่หน่วยเลือกแบบไม่กะพริบตา จดคะแนนเข้าพรรคทันที ดังนั้น จะแพ้หรือชนะ น่าจะทราบผลชัดเจนในระดับหน่วยเลือกตั้งย่อย ถ้าจะคลาดเคลื่อนกับ กกต.ก็เล็กน้อย การแถลงผลลงคะแนน อย่างเป็นทางการของ กกต.เมื่อวันที่ 28 มี.ค. สัดส่วนคะแนนไม่ได้แตกต่างกันมาก ทุกพรรคได้เฉลี่ยเพิ่ม ขออย่าพยายามทำเป็นประเด็นการเมือง ขอหยุดสร้างความแตกแยก เลิกใส่ร้ายพรรคอื่นเย้ย อนค.ได้รับผลบุญจาก รธน.นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ชูนโยบายจะแก้รัฐธรรมนูญ โจมตีคนร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ได้อานิสงส์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้จนได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวนมาก แล้วยังคิดจะล้มล้างรัฐธรรมนูญอีก นายธนาธรน่าจะขอบคุณคนร่างรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ อยากจะให้หยุดพฤติกรรมใช้วาทกรรมแบ่งฝ่ายประชาธิปไตย แบ่งแยกประชาชน เพราะการเลือกตั้งเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ทุกพรรคลงเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ตามกติกา การเลือกตั้งจบแล้ว อย่าสร้างความขัดแย้งในหมู่คนไทยอีกพลังธรรมใหม่อยากเป็นฝ่ายค้านนพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคพลังธรรมใหม่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ว่า เรายังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคใดทั้งสิ้น เพราะการรับรองของ กกต.ยังไม่เสร็จสิ้น กระแสข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อน วันนี้อยากเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบการ บริหารประเทศตามแนวทางของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม ที่เคยทำมา เป็นจุดยืนที่ตั้งไว้แต่แรก การเป็นฝ่ายค้านของพรรคจะทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ ถ้ารัฐบาลทำถูกจะยกมือสนับสนุน ถ้ารัฐบาลทำผิดต้องค้าน หากฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่มีเหตุ เราจะไม่ร่วมด้วย วันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจเลือกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ต้องถามความเห็นจากสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ว่าต้องการให้พรรคเดินไปในทางใด“ตู่”วางมือเพื่อชาติสานต่อ นปช.ที่พรรคเพื่อชาติ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า ขอยุติบทบาทผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ และแจ้งต่อนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค ไปเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ไม่เกี่ยวกับการร่วมแถลงจุดยืนของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 27 มี.ค. บทบาทนับจากนี้จะทำหน้าที่ประธาน นปช.เพียงตำแหน่งเดียว ส่วนกรณีที่ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม ยื่นยุบพรรคเพื่อชาติ กล่าวหาว่าตนเข้าข่ายครอบงำพรรคนั้น เชื่อว่า เขาคงไม่ได้ติดตามรายละเอียด การขึ้นเวทีปราศรัยเป็นไปในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กกต.แล้ว และการทำหน้าที่ดังกล่าวได้รับค่าตอบแทนเมื่อได้รับเงินแล้วจะนำไปทำบุญให้มูลนิธิคนปัญญาอ่อน“เลือกตั้งโสมม” สกปรกกว่า 2500นายจตุพรกล่าวอีกว่า สำหรับการจัดเลือกตั้งที่มีปัญหา ต้องการเห็น กกต.แสดงความรับผิดชอบ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เกินไปกว่าจะใช้คำว่าเลือกตั้งสกปรก เหมือนปี 2500 แต่ควรใช้คำว่าเลือกตั้งโสมม เพราะปล่อยให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นมากมาย นำคำว่าบัตรเขย่งมาใช้ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน กกต. ยิ่งอธิบายยิ่งสร้างความสงสัยมากขึ้น มีความห่วงใยว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะนำพาสู่วิกฤติ เพราะทั้ง 2 ขั้วไม่ว่าซีกใดได้เสียงข้างมาก แต่ก็ไม่เด็ดขาด ไม่สามารถเดินต่อไปได้ทั้งคู่ ได้คุยกับคนในฝั่งสืบทอดอำนาจ ระบุว่าเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องได้ 270 ที่นั่ง ถ้านับตอนนี้ไม่มีทางถึง แม้ว่าจะแจกใบแดง เหลือง ส้ม ดำ ขาวแต่ผลการเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแจกใบแดงให้เพื่อไทย ยังเหลืออนาคตใหม่ หรือพรรคอื่นในซีกประชาธิปไตย ถ้ามีเลือกตั้งซ่อมก็จะเกิดปรากฏการณ์รณรงค์หาเสียงเป็นพรรคร่วมฝั่งประชาธิปไตย กับฝั่งสืบทอดอำนาจ ยิ่งทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาที่สุด ฟื้นตำนานงูเห่าเมื่อไหร่จบเห่นายจตุพรกล่าวอีกว่า พรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปรียบทุกกระบวนการ เมื่อประชาชนตัดสินมาด้วยเสียงก้ำกึ่งแบบนี้ จำเป็นต้องไปซื้อ ส.ส.จากพรรคอื่นเพื่อขึ้นเป็นนายกฯอีก แต่วันเริ่มต้นของการเป็นนายกฯครั้งใหม่ จะเป็นวันสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์เช่นเดียวกัน เพราะสมการทางการเมืองเมื่อตัวเลขก้ำกึ่งก็เป็นไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเลือกจะสร้างงูเห่าให้เกิดขึ้นอีก จะนำไปสู่จุดจบ เพราะเป็นการสร้างวิกฤติศรัทธาอย่างรุนแรง ดังนั้นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบคือ กกต. ต่อมาคือคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพราะเขียนรัฐธรรมนูญให้ประเทศไทยเดินสู่ทางตัน“พิเชษฐ” ขอผู้นำสมาร์ท–ซื่อสัตย์นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเล็กรวมตัวเพื่อต่อรองเก้าอี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจำนวนตัวเลข ส.ส.ของแต่ละพรรคที่ชัดเจน ต้องรอฟังผลอย่างเป็นทางการจาก กกต.ก่อน เมื่อถามว่าตกลงต้องการสนับสนุนใคร นายพิเชษฐตอบว่า ที่ผ่านมาวิกฤติบ้านเมืองที่เกิดขึ้น เราไม่ต้องการคนฉลาดแต่โกง หรือคนโง่แต่ซื่อสัตย์ เราต้องการรัฐบาลปกติธรรมดา ผู้ที่จะมาเป็นผู้นำคนใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศ ต้องมีความสมาร์ทและซื่อสัตย์ อยากให้ทุกฝ่ายเคารพและยึดกติกาตามรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันในหมู่พรรคเล็กบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นรวมตัวจับเป็นขั้วเพื่อต่อรองผลประโยชน์อะไรปชป.สาละวน “กบเลือกนาย”ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวในการจับขั้วเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังการหารือนอกรอบที่เปิดเวทีให้สมาชิกพรรคเปิดใจถึงปัญหา อุปสรรค และความอัดอั้นตันใจ ปรากฏว่าสมาชิกยังคงแบ่งขั้วสนับสนุนแคนดิเดตหัวหน้าพรรค 3 คน คือ 1.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการ หัวหน้าพรรค 2.นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค และ 3.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานสรรหาผู้สมัคร ขณะที่นายกรณ์ถือเป็นเพื่อนร่วมสถาบัน และอยู่ในกลุ่มของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคมาโดยตลอด แต่มีรายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 27 มี.ค. นายกรณ์ได้นัดพบนายถาวร เสนเนียม แกนนำสาย กปปส. ในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอเสียงสนับสนุน เมื่อกลุ่มกรรมการบริหารรักษาการฯที่ใกล้ชิดทราบ จึงเสนอชื่อนายอภิรักษ์ ขึ้นมา นายกรณ์จึงต้องนัดเคลียร์ทำความเข้าใจ จนกลุ่มกรรมการบริหารฯกลับมาให้การสนับสนุนเช่นเดิม “อภิรักษ์” จ่อถอนตัวแคนดิเดตขณะที่นายจุรินทร์ สมาชิกพรรคภาคใต้ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน โดยมีชื่อนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ว่าที่ ส.ส.ตาก เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนทีมที่ให้การสนับสนุนนายกรณ์ ส่วนใหญ่เป็นว่าที่ ส.ส. และอดีต ส.ส.ในกลุ่มของนายอภิสิทธิ์ และกลุ่ม กก.บห.ชุดรักษาการบางส่วน โดยมีชื่อนายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรค จะก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคในทีมนี้ โดยเมื่อคืนวันที่ 28 มี.ค. นายอภิรักษ์ได้พูดคุยกับนายกรณ์ และกลุ่มที่สนับสนุนนายกรณ์แล้ว มีท่าทีจะขอสละสิทธิไม่ขอเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค เช่นเดียวกับนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ที่แสดงท่าทีชัดเจนต่อสมาชิกพรรคว่า ไม่ขอเป็นแคนดิเดตชิงหัวหน้าพรรคเช่นกัน ทั้งหมดนี้ยังเป็นความเคลื่อนไหวเบื้องต้น ที่อยู่ระหว่างการเจรจาในช่วงที่รอ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 พ.ค.คสช.เบรกกลุ่มล่าชื่อถอด กกต.พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวว่า การนัดชุมนุมรวบรวมรายชื่อปลด กกต. ในวันที่ 31 มี.ค. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ของกลุ่มนิสิตนักศึกษาอาจทำให้สังคมสงสัยได้ว่าเป็นการสร้างความวุ่นวายหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่จะดูแลภาพรวมให้เกิดความสงบเรียบร้อย ตามอำนาจหน้าที่เหมือนที่เคยปฏิบัติ มั่นใจว่าไม่มีอำนาจใดชี้นำ กกต.ได้ และช่วงนี้ กกต.แบกรับความคาดหวังของสังคม จึงขอให้ทุกฝ่ายให้เวลา กกต.ทำงาน หากสงสัยหรือพบสิ่งผิดปกติสามารถดำเนินการได้ตามช่องทางกฎหมาย มากกว่าการรวมตัวชุมนุม“นิติภูมิธณัฐ” เข้าพบ บก.ปอท.อีกเรื่อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. กล่าวว่า จากกรณีที่มีการโพสต์บทความบิดเบือนให้ร้าย กกต. ในสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก โดยชื่อผู้ใช้งาน “Nitiphumthanat Ming-rujiralai” และทวิตเตอร์ ชื่อผู้ใช้งาน “Nitipoom Navaratna” ระบุถึงกรณี กกต.เตรียมแถลงแจกใบแดงว่าที่ ส.ส. อาจส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก และหลงเชื่อได้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลจริง คณะกรรมการ กกต.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. จากการสืบสวนทราบว่าคือ ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ผู้รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐเดินมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. และรับทราบข้อกล่าวหา ทาง บก.ปอท. จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปเรียกคืนเครื่องราชฯ “ทักษิณ”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่องเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลอื่น เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุก และยังมีข้อหาฐานอื่นอีกหลายคดี อีกทั้งได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร เป็นพฤติการณ์การกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง อาศัยอำนาจตามความมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้า วิเศษ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ ตริตาภรณ์ มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎ ไทย เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นปฐมดิเรกคุณาภรณ์และเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่ 1 ของนายทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2562 ประกาศ ณ วันที่ 30 มี.ค.2562ทบ.แจ้งตรวจคัดเลือกทหารอีกเรื่อง พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกจะทำการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ระหว่างวันที่ 1-2 เม.ย. ปีนี้ชายไทยที่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ (เกิด พ.ศ.2541) กับผู้ที่มีอายุ 22-29 ปี (เกิด พ.ศ.2533-2540) ที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือก หรือได้รับการผ่อนผัน ขอให้เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม กองทัพจะดำเนินการคัดเลือกด้วยความรอบคอบ รวมทั้งขอขอบคุณผู้ที่ประสงค์จะสมัครเป็นทหาร ที่ให้ความไว้วางใจต่อกองทัพที่จะพัฒนาศักยภาพทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ ให้พร้อมเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าในงานด้านความมั่นคงของชาติ รวมทั้งการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชน