ตอนที่ผมเริ่มอาชีพใหม่ๆในวัยหนุ่มแน่น...ถึงวันที่ 5 มีนาฯ ไม่ว่าจะไปร้องเพลงนกน้อยในไร่ส้ม ที่สมาคมนักข่าว หรือเข้าเวรอยู่ในโรงพิมพ์ ก็รู้ว่าเป็นวันนักข่าวรู้สึกลึกๆถึงตัวตน ที่แปลกแตกต่างกว่าคนอาชีพอื่นๆจำได้แม่น 5 มีนาฯ 2519 รับโล่รางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยมสมาคมช่างภาพสื่อมวลชน จากนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช โก้ไม่หยอก อย่าบอกใครแต่หลายปีมานี่ ตั้งแต่มีโลกออนไลน์ ใครก็เป็นนักข่าวได้ เขียน หรือถ่ายภาพอะไร ก็แค่กดปุ่ม ก็ส่งไปให้ผู้สนใจอ่านหรือดูได้ทันที ผลก็ชัด...ตัวตนของนักข่าวเดิมๆเล็กลงๆหนังสือพิมพ์เริ่มปิดตัวฉบับแรก ฉบับต่อไป และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงฉบับสุดท้ายเรื่องที่อยากจะทบทวนงานตัวเองและผองเพื่อน ในวันนี้ ผมขออนุญาตจำกัดอยู่ในกรอบของอาชีพนักข่าวหนังสือพิมพ์แบบเก่าๆ ก็แล้วกันราวๆปี 2504-2506 อ่านสักวา ที่คุณเทพ สุนทรสารทูล ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสงคราม เขียนลงใน “ข่าวแม่กลอง” ตอนนั้นไม่มีวี่แววจะเป็นนักข่าว แต่ก็จำได้สักวามีตาไว้หาเหตุ คอยสังเกตเรื่องราวของชาวบ้าน ใครไม่ดีเอามาด่าประจาน ถือเป็นการเก่งกล้าได้หน้ายาว ที่พวกพ้องของตัวทำชั่วผิด ก็ปกปิดแชเชือนกลบเกลื่อนข่าว ที่ตนกลัวหัวหดงดเรื่องราว สันดานชาว นสพ.ย่อๆเอยเป็นนักข่าวปีกกล้า นึกถึงกลอนบทนี้ทีไรก็ขำ ในบางมุมที่ถูกมอง ทำแต่ข่าวปิงปอง ถามทางโน้น แล้วเอามาถามทางนี้ ถนัดแต่ยั่วให้คนตีกัน เออหนอ มันใช่เลย คุณเทพช่างสรรหาคำมาจำลองภาพได้ดีจริงๆเด็กรุ่นใหม่คงรู้จัก “บ่าง” น้อยกว่าเด็กรุ่นปู่ รุ่นพ่อแม่ผม รู้จักบ่าง ในนิทานที่ครูให้อ่านนิทานเรื่อง บ่างช่างยุ เรื่องหนึ่งในนิทานสุภาษิต กรมศึกษาธิการ พิมพ์เมื่อ ร.ศ.128 พระจรูญชวนพัฒน์ (ทองสุก อินทรรัศมี) แต่ง ลองอ่านในป่าแห่งหนึ่ง ฝูงสัตว์ในจำพวกนก เช่น นกเค้าแมวหากินกลางคืน จำพวกลิงค่างหากินกลางวัน ต่างยอมรับค้างคาวเป็นเพื่อนนกเค้าแมวเข้าใจ ค้างคาวบินได้ เป็นพวกนกด้วยกัน ลิงค่าง เห็นว่าค้างคาวคล้ายกัน ปากมีเขี้ยวเหมือนกัน เป็นพวกเดียวกันยังมีบ่างตัวหนึ่ง อาศัยในโพรงไม้ในป่านั้น มันคิดว่าตัวมันโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน คิดประจบหาเพื่อน เมื่อไปหานกเค้าแมวก็บอกว่าค้างคาวชอบบินโฉบเฉี่ยวหากินผ่านหน้าดูหมิ่นท่าน จะอดทนไปทำไมค้างคาวก็ไม่ฟัง แต่เมื่อบ่างว่า ค้างคาวออกลูกเป็นตัว เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนนกเค้าแมวตกลูกเป็นไข่ ก็เริ่มเห็นตาม เริ่มรังเกียจค้างคาวบ่างไปหาพวกลิง บอกว่าค้างคาวเที่ยวหาผลไม้แย่งพวกท่าน ลิงว่าเป็นพวกเดียวกัน บ่างบอก ลิงโลดเต้นไปบนต้นไม้ แต่ค้างคาวบินไปด้วยปีก ลิงก็เริ่มเห็นว่าไม่ใช่เพื่อน ตั้งข้อรังเกียจเมื่อค้างคาวบินมาหากิน พวกลิงค่างก็ขับไล่ พวกนกก็ช่วยกันไล่ตี ค้างคาวทนไม่ไหว ต้องย้ายหนีไปอยู่ป่าอื่นฝ่ายบ่าง ถึงเวลาค่ำก็ออกหากิน นกเค้าแมวเห็นบ่างมีปีกบิน ก็เข้าใจว่าเป็นค้างคาวรุมไล่ บ่างหนีไปซ่อนในพุ่มไม้ พวกค่างก็กลัวว่าจะมาทำร้ายลูก ช่วยกันไล่กัดจนบ่างตายประเด็นคิดที่ผมได้จากนิทานเรื่องบ่างช่างยุ อยู่ที่ นักข่าวถ้ายังย่ำทำงานแบบเก่าๆ สนุกแต่ทำข่าวเร้าใจ ข่าวคนตีกัน...ในสังคมข่าวสารยุคใหม่...นับวันพื้นที่ของงาน ก็จะเหลือน้อยลงผมยังเห็นพื้นที่เล็กๆของนักข่าว คือเลือกทำข่าวและให้ข้อคิดที่เป็นสาระและน่าเชื่อ ในสังคมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง จุดยืนนักข่าว คือเป็นกรรมการ ชี้ทางออกที่ดีให้สังคมโอกาสร่ำรวยจากการเป็นบ่างช่างยุ แบบเดิมๆนั้นผ่านเลยไปไกล ยังไงๆก็ไม่หวนคืนมาอีกแล้ว.กิเลน ประลองเชิง