ผอ.กองคดีแฉ มี 'สีกากี' พัวพันคณะกรรมการฯสอบวันเดียวรู้ผล คดีเจ้าหน้าที่ ปปง.ระดับ ผอ. 2 นาย เรียกรับเงินสินบนนักธุรกิจเช่ารถ 2 ล้านบาท พื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ ที่แท้เป็นแค่เจ้าพนักงานระดับปฏิบัติการซี 3 รรท.เลขาฯ ปปง.เผย ทำเพียงคนเดียวและได้แอบอ้างไปถึง “บิ๊กป้อม” สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพร้อมทั้งสอบสวนวินัยร้ายแรง ตรวจสอบผู้กระทำผิดพบมีหมายจับจริงแต่ระเบียบก.พ.รับราชการได้เพราะคดียังไม่สิ้นสุด ด้าน ผอ.กองคดี 1 ออกโรงยืนยันไม่เกี่ยวข้องถูกสวมรอยอ้างชื่อ เตรียมแถลงเปิดโปงระบุมีตำรวจชั้นสัญญาบัตรร่วมขบวนการด้วยกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นตัวแทนผู้เสียหายนักธุรกิจเช่ารถรายหนึ่งใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมนำหลักฐานคลิปวิดีโอ ไฟล์เสียง และเอกสารข้อความไลน์ ร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อ้างว่าเป็นระดับ ผอ. 2 นาย เรียกรับเงินสินบน 2 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคดีโดยระบุว่าเหยื่อทำผิดกฎหมายลักลอบเล่นการพนันสกุลเงินดิจิทัล ฟอกเงิน และเลี่ยงภาษี ซ้ำยังแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นคนสั่งให้มาดำเนินการ โดยรักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง.รับลูกสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ทราบผลภายใน 7 วันที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 19 ต.ค. พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รรท.เลขาธิการ ปปง. แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า หลังจากได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลสรุปออกมาแล้วเมื่อวันที่ 18 ต.ค. พบว่า บุคคลที่เรียกรับเงินตามที่ร้องเรียนเป็นข้าราชการของ ปปง.จริง ส่วนที่อ้างว่ามีตำแหน่งเป็น ผอ.ส่วนคดี แท้จริงเป็นเพียงเจ้าพนักงานระดับปฏิบัติการ กองคดี 1 ดูแลรับผิดชอบคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อรูปคดี หลักฐานในชั้นนี้ปรากฏชัดว่าดำเนินการเพียงคนเดียวไม่มีผู้อื่นเกี่ยวข้องตามที่เป็นข่าว แต่หากการสอบสวนพบมีผู้อื่นเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการเพิ่มเติมขั้นเด็ดขาดพล.ต.ต.ปรีชากล่าวต่อว่า สำหรับผลการ สอบสวนวินัยร้ายแรงไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา อยากให้ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบมากที่สุดแต่จะทำให้เร็วที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้น ปปง.ก็รู้สึกเสียใจ อยากให้ประชาชนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ ปปง.ทุกคนยังมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างที่สุด และไม่กระทบต่อการทำงานแน่นอน กรณีผู้ที่กระทำผิดรายนี้แอบอ้างว่า ปปง.จะได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 20 จากการยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิด ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เมื่อมีการจับกุมยึดอายัดทรัพย์ ปปง.ต้องส่งเรื่องให้พนักงานยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายในคดี ไม่มีการรับเงินรางวัลจากการจับกุมเพราะยกเลิกไปตั้งแต่ปี 50 เจ้าหน้าที่ได้รับแค่เงินเดือนและเงินพิเศษเท่านั้น“กรณีนายอัจฉริยะบอกว่า ข้าราชการเรียกรับเงินมีหมายจับ แต่กลับเข้ารับราชการ ปปง.ได้อย่างไร ข้าราชการคนนี้เข้าสอบเมื่อปี 60 ในขั้นตอนการสมัครได้รับรองตัวเองว่า ไม่เคยต้องโทษจำคุก ตามระเบียบก.พ.กำหนดการขาดคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ คือ ต้องถูกคำพิพากษาถึงที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่เคยต้องโทษคดีถึงที่สุด มีเพียงแค่หมายจับ ยังมีสิทธิ์สอบและบรรจุข้าราชการได้ แต่หลังบรรจุ ปปง.ได้ตรวจสอบตามระเบียบ ก.พ.พบว่า เจ้าหน้าที่คนนี้มีหมายจับแต่ได้ไปรายงานตัวกับพนักงานสอบสวน ยืนยันไม่เคยต้องโทษคดีอาญา ในประเด็นนี้ ปปง.ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเช่นกัน” พล.ต.ต.ปรีชากล่าวรรท.เลขาฯ ปปง. กล่าวด้วยว่า ส่วนพฤติการณ์แอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นผู้ให้มาดำเนินการ ตรวจสอบแล้วเป็นการแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ เนื่องจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ผู้ที่มีอำนาจตรวจสอบต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ ผอ.กองคดีเท่านั้น ทั้งนี้ ต้องเชิญนายอัจฉริยะ และนักธุรกิจผู้เสียหายมาให้ข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมที่ ปปง.เร็วๆนี้มีรายงานว่า ข้าราชการสำนักงาน ปปง.ที่กระทำผิดถูกตั้งกรรมการสอบฯและให้ออกจากราชการไว้ก่อน คือ นายกิตติศักดิ์ พร้อมมูล นักสืบสวนสอบสวนปฏิบัติการกองคดี เคยถูกศาลออกหมายจับ ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ท้องที่ สภ.เมืองชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.59ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผอ.กองคดี 1 สำนักงาน ปปง.กล่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถูกนำชื่อไปแอบอ้าง ตนเห็นเอกสารหนังสือราชการที่แอบอ้าง ยอมรับว่าคล้ายกับลายเซ็นตนแต่ไม่ใช่ ตนจะแถลงเปิดโปงขบวนการที่แอบอ้างในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ทราบว่าผู้ต้องหาเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ส่วนบุคคลที่นายอัจฉริยะเปิดเผยเป็นเพียงข้าราชการ ปปง.ระดับซี 3 โดยอำนาจเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งเต้นช่วยคดีได้ จึงอ้างตัวเป็นผู้อำนวยการสำนักคดีซึ่งมีทั้งหมด 4 คน ปปง.มีมาตรฐานการทำงานและแบ่งแยกงานกันทำให้มีบุคลากรเกี่ยวข้องจำนวนมาก เชื่อว่าคงไม่มีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริต โดยเป็นไปตามมาตรฐานสากล กรณีที่นายอัจฉริยะนำข้อมูลมาเผยแพร่และสังคมพุ่งเป้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเรียกรับเงินนั้น ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน หากพาดพิงปรากฏชื่อให้เสื่อมเสีย อาจจะใช้สิทธิปกป้องตนเองตามกฎหมาย โดยตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายอัจฉริยะพาดพิง เป็นการสร้างข่าวเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียงหรือไม่