บ้านพัง 100 หลัง นํ้าท่วมถนนขาดฤทธิ์พายุ “เซินติญ” ถล่มประเทศ เวียดนาม ส่งผลให้ประเทศไทยหลายจังหวัดฝนกระหน่ำน้ำป่าทะลัก ที่ จ.แม่ฮ่องสอน น้ำจากลำห้วย แม่สะงีกับลำน้ำห้วยผาทะลักเข้าท่วมอุทยานถ้ำปลา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เจ้าหน้าที่อุทยานและแม่ค้า หนีออกมาไม่ทันติดอยู่ภายใน 4 คน หน่วยกู้ภัยระดมกำลังช่วยระทึกกลางดึก ส่วน อ.วังชิ้น จ.แพร่ บ้านเรือนไร่นาจมบาดาลเป็นวงกว้าง ถนนภายในหมู่บ้านถูก ตัดขาด จ.มุกดาหาร น้ำโขงหนุนสูงขึ้น ทำให้ตลิ่งปากห้วยมุกที่ตั้งของวัดศรีมงคลเหนือเกิดน้ำกัดเซาะตลิ่งทรุดได้รับความเสียหาย จ.นครพนม มวลน้ำจากหลายพื้นที่ไหลลงสู่ลำน้ำสาขาสายหลักของแม่น้ำโขง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็ว อ่างเก็บน้ำสำคัญมีปริมาณน้ำมากอย่างน่าหวาดกลัว จ.กระบี่ พายุพัดกระหน่ำต้นไม้โค่นล้มทับบ้านเรือนพังเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน กรมอุตุฯเตือนอีสานและเหนือยังมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ พายุดีเปรสชัน “เซินติญ” พัดถล่มประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ประเทศไทยฝนถล่มน้ำป่าทะลักท่วมหลายจังหวัด โดยผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ทำให้น้ำป่าจากลำห้วยแม่สะงี และลำน้ำห้วยผา ไหลทะลักเข้าท่วมวนอุทยานถ้ำปลา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด เจ้าหน้าที่อุทยานและแม่ค้าขายของที่ระลึกหนีออกมาไม่ทันติดอยู่ภายใน 4 คน หน่วยกู้ภัยร่วมกับตำรวจ อส. และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต้องลุยฝ่ากระแสน้ำเข้าไปช่วยเหลือออกมาได้อย่างทุลักทุเล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันให้วุ่นกระทั่งเช้าน้ำลดเข้าตรวจสอบ พบอาคารสำนักงานอุทยานฯถูกน้ำป่าพัดเอาดินโคลนและเศษซากไม้กับวัชพืชจำนวนมากมาทับถมต้องระดมกำลังกันทำความสะอาดครั้งใหญ่ ขณะที่อาคารที่ทำการอีก 2 แห่ง ยังมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 15 ซม. ส่วนร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกสร้างเป็นห้องแถวติดกัน ถูกน้ำป่าพัดเสียหายราบเป็นหน้ากลองรวม 8 ร้าน โชคดีที่บริเวณจุดถ้ำปลาที่มีปลาพลวงหิน หรือปลามุง อาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากน้ำป่าท่วมไม่ถึง ขณะที่บ้านเรือนชาวบ้านเสียหาย 6 หลังคาเรือน ถนนทางเข้าอุทยานฯมีดินสไลด์ ลงมาทับถม 1 ช่องทาง คาดต้องใช้เวลาฟื้นฟูไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ จึงจะสามารถเปิดให้เที่ยวชมถ้ำปลาได้ตามปกติ จ.แพร่ ฝนที่ตกติดต่อกัน 3 วันจนถึงเช้าวันเดียวกัน ส่งผลให้น้ำทะลักท่วมบ้านเรือน เรือกสวนไร่นาในพื้นที่ อ.วังช้ิน เป็นวงกว้าง น้ำป่าจากห้วยแม่สรอยซัดถนนสายแม่พุง-ป่าสัก ตัดขาดสะบั้น การประปาในหมู่บ้านพังเสียหายยับ ส่วนพื้นที่ อ.เมืองแพร่ มีมวลน้ำที่เอ่อมาจากถนน เนื่องจากปัญหา สร้างอาคารปิดทางระบายน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่หมู่ 2 ต.ทุ่งกวาง หลายสิบหลังคาเรือน เช่นเดียวกับพื้นที่ ต.ทุ่งศรี อ.ร้องกวาง ถนนภายในหมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมจนมิดและน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายจำนวนมาก ส่วน จ.พิษณุโลก ฝนเทกระหน่ำทั้งคืน ส่งผลให้น้ำป่าทะลักท่วมพื้นที่ ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย เป็นวงกว้าง 3 หมู่บ้าน ไร่ข้าวโพด นาข้าวเกือบร้อยไร่จมอยู่ใต้บาดาล ถนน สายบ้านป่าคาย-ห้วยเฮี้ย ถูกน้ำท่วมสูงเป็นช่วงๆ รถยนต์สัญจรไม่ได้ ชาวบ้านเดือดร้อนทั่วหน้า ขณะที่ จ.นครพนม มีมวลน้ำจากหลายพื้นที่ไหลลงสู่ลำน้ำสาขาสายหลักของแม่น้ำโขง อาทิลำน้ำก่ำ ลำน้ำสงคราม ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อ่างเก็บน้ำสำคัญของชลประทานก็มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮง ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม ถือเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีพื้นที่มากกว่า 2,000 ไร่ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำสูงกว่า 3.6 ล้านลูกบาศก์เมตร เกินความจุประมาณ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ นายเมืองเพชร ศิริ นายช่างชลประทาน ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 ห้วยส้มโฮง เผยว่า สำหรับแผนบริหารจัดการน้ำหลังปริมาณน้ำสูงเกินความจุ ได้เร่งผันน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำต่อเนื่องวันละประมาณ 5 แสนล้านลูกบาศก์เมตร โดยต้องประเมินสถานการณ์ให้น้ำอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมด้วย ส่วน จ.มุกดาหาร หลังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาภูพาน อันเป็นต้นน้ำของลำห้วยต่างๆไหลลงสู่แม่น้ำโขง โดยเฉพาะห้วยมุก เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ระดับน้ำค่อนข้างแรง ประกอบกับน้ำโขงหนุนสูงขึ้นทำให้ตลิ่งบริเวณปากห้วยมุก ที่ตั้งของวัดศรีมงคลเหนือ และฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า เกิดน้ำกัดเซาะตลิ่งทรุดได้รับความเสียหาย แท็งก์เก็บน้ำฝนขนาดใหญ่จำนวน 6 แท็งก์ ตั้งอยู่ด้านหลังกุฏิภายในวัดพังถล่มลงไปในลำห้วย นอกจากนี้ยังมีกุฏิพระที่อยู่ติดลำห้วยอีก 5 หลัง ที่พื้นทรุดตัวเกิดรอยแตกร้าวอย่างน่าหวาดกลัว จ.อำนาจเจริญ หลังฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ส่งผลให้น้ำที่ไหลมาจากภูเกษตรกัดเซาะถนนสายบ้านหนองไฮ-บ้านคุ้มคำมะเพียว ต.หนองไฮ อ.เสนางคนิคม ขาดเป็นระยะยาวกว่า 5 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ ชาวบ้านต้องเดินเท้าเพื่อไปยังหมู่บ้านอื่น พากันเดือดร้อนทั่วหน้าจ.อุดรธานี มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำหลักจำนวนมาก โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่คอยล่อเลี้ยงชาว จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าเกณฑ์ควบคุมที่กำหนดไว้แต่ทางอ่างยังไม่ระบายน้ำออก เนื่องจากอ่างยังคงสามารถรับปริมาณ น้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องได้ ขณะที่ พ.ต.อ. สิปปนันท์ สรณ์คุณแก้ว ผกก.ตชด.ที่ 23 ค่ายศรี-สกุลวงศ์ จ.สกลนคร เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2561 เพื่อเตรียมรับมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ หลังปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 18 อำเภอเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังฝนตกติดต่อกันหลายวันด้าน จ.กระบี่ มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะพื้นที่ ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก บ้านเรือนมากกว่า 15 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมเนื่องจากน้ำระบายไม่ทัน ชาวบ้านเร่งขนย้ายของหนีน้ำกันวุ่นวาย นอกจากนี้ยังมีต้นไม้หักโค่นล้มทับบ้านมากกว่า 100 หลังคาเรือน ในพื้นที่ อ.เขาพนม อ.อ่าวลึก อ.เหนือคลอง ขณะที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลหลายแห่งใน จ.กระบี่ ทำการติดตั้งธงแดงประกาศเตือนผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ให้งดนำเรือออกทะเลในช่วงนี้ เนื่องจากคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง บางแห่งคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เรือหางยาวมากกว่า 300 ลำ ต้องนำเรือไปหาที่จอดหลบลมและคลื่นกันเต็มชายฝั่ง ที่ จ.พัทลุง พายุกระหน่ำทำให้ต้นยางพาราล้มทับบ้านนางกุหลาบ พรหมจันทร์ อายุ 52 ปี เลขที่ 332 หมู่ 6 บ้านไทรพอน ต.หารเทา อ.ปากพะยูน ได้รับความเสียหายบางส่วน ขณะที่บ้านนายธีระวุฒิ หนูโหยบ อายุ 60 ปี เลขที่ 130 หมู่ 11 ตำบลเดียวกัน ต้นยางพาราโค่นล้มทับบ้านพังทั้งหลัง ทำเอาเดือดร้อนอย่างหนัก ส่วน จ.พังงา ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำพังงาเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัวแถมน้ำมีสีขุ่นเหลือง เจ้าหน้าที่เร่งเปิดประตูระบายน้ำเพื่อให้น้ำได้ไหลลงทะเลอย่างรวดเร็ว จนมีกิ่งไม้ เศษไม้ได้ไหลมากับน้ำมาติดอยู่ที่ประตูระบายน้ำจำนวนมาก ชาวบ้านต่างขนข้าวของขึ้นไว้ที่สูงกันให้วุ่น เพราะเกรงน้ำทะลักท่วมฉับพลันกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศพายุ “เซินติญ” ฉบับที่ 4 ระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ก.ค.พายุโซนร้อน“เซินติญ” (SON-TINH) บริเวณอ่าวตังเกี๋ย มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 300 กม.ทางตะวันออกของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 18.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 30 กม.ต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนามวันเดียวกัน จะส่งผลกระทบทำให้ในช่วงวันที่ 18-20 ก.ค. บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ ภาคเหนือ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งไว้ด้วยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่า ทางการเวียดนามสั่งให้เรือทุกลำกลับเข้าเทียบท่าเรือและเตรียมแผนอพยพประชาชนครั้งใหญ่ตามชายฝั่งภาคเหนือของประเทศ ขณะที่พายุโซนร้อน “เซินติญ” บ่ายหน้าเข้าสู่เวียดนาม คาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ซึ่งเต็มไปด้วยเรือประมง เรือโดยสาร ฟาร์มเลี้ยงปลา และสถานที่ท่องเที่ยวในคืนวันเดียวกัน โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเวียดนามแถลงว่า พายุเซินติญ ซึ่งมีความเร็วลมถึง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้เกิดฝนตกหนักถึง 350 มิลลิเมตร หรือ 13.8 นิ้ว อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและแผ่นดินถล่ม ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว ภัยธรรมชาติในเวียดนาม ส่วนใหญ่เป็นภัยน้ำท่วมและดินถล่มซึ่งเกิดจากพายุหลายลูก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 389 คน และเดือนที่แล้ว พายุฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มในเขตภูเขาที่จังหวัดลายเจิวและฮาเกียงทางภาคเหนือ มีผู้เสียชีวิต 24 คน