“บิ๊กเต่า” เผยผลการประชุมแก้ปัญหา ขยะอิเล็กทรอนิกส์ 1.4 หมื่นตันนำเข้าผิดเงื่อนไข ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดกระจาย อยู่ที่ไหน ก่อนส่งกลับประเทศต้นทางหรือกำจัดทิ้งในประเทศ เกรงหากส่งกลับอาจแอบทิ้งลงทะเล เตรียมเสนอ ครม.ออกประกาศห้ามนำเข้าต่อไป ขณะที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมตั้งทีมระดับจังหวัดลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทั่วประเทศ 2,265 โรง ให้เสร็จใน 30 วัน หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมติดตามผลตรวจโรงงานบดย่อยขยะอิเล็กทรอนิกส์ จ.ฉะเชิงเทรา 28 โรง พบทำผิด พ.ร.บ.วัตถุอันตรายและ พ.ร.บ.โรงงาน รวม 19 โรงเจ้าหน้าที่เดินหน้ากวาดล้างการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ก่อมลพิษในประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา นายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ตรวจโรงงานขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 105 เกี่ยวกับการคัดแยกขยะไม่อันตราย และโรงงานลำดับที่ 106 เกี่ยวกับการคัดแยกขยะผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอันตราย เพื่อควบคุมประเมินโรงงานให้ได้มาตรฐาน และตรวจสอบการลักลอบขนขยะอันตรายผิดกฎหมาย ก่อนนำเสนอฝ่ายบริหารกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไปนายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จ.ฉะเชิงเทรา มีโรงงานประเภทลำดับที่ 105 และ 106 มากที่สุด 302 โรง เป็นโรงงานบดย่อยขยะอิเล็กทรอนิกส์ 28 โรง พบการกระทำผิด พ.ร.บ.วัตถุอันตราย 5 โรง และทำผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน 14 โรง มีคำสั่งตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2535 มาตรา 37 ให้ปรับปรุงโดยไม่หยุดกิจการ 13 โรง สั่งตามมาตรา 39 ให้หยุดประกอบการเพื่อปรับปรุงแก้ไข 1 โรง ในวันที่ 26 มิ.ย. จะเข้าตรวจพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยองต่อไป ส่วนการตรวจเข้มโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ระยอง และชลบุรี ระยะแรกเสร็จเมื่อ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 148 โรง พบกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ 34 โรง กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายฯ 6 โรง ส่วนระยะที่ 2 มีการตรวจในพื้นที่ อ.แปลงยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 26 โรง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 10 โรง ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนการตรวจโรงงานรับอนุญาตนำเข้าของเสียเคมีวัตถุ ประเภทชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นวัตถุอันตราย ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯและชลบุรี ทั้งหมด 7 โรง พบไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 5 โรง ขณะนี้อยู่ ระหว่างการตรวจสอบเปิดตู้คอนเทนเนอร์ของโรงงานบดย่อยและรีไซเคิล นำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ 26 ราย พบมี 2 บริษัทนำเข้าอุปกรณ์เครื่องเล่นเกมและแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่สำแดงเท็จเป็นเศษพลาสติก ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรม สั่งให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ ประสานฝ่ายปกครอง และ กอ.รมน. ตรวจสอบโรงงาน 101 105 และ 106 ทุกโรง จำนวน 2,265 โรง ให้เสร็จภายใน 31 ส.ค.นี้พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมเตรียมการคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบ ว่าที่ประชุมได้ติดตามการทำงานของฝ่ายต่างๆ ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในเรื่องการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยได้สั่งการให้มีระบบติดตามขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 1.4 หมื่นตันที่นำเข้าอย่างผิดเงื่อนไข ต้องมีการตรวจสอบและติดตามว่ากระจายอยู่ที่ไหนบ้าง ก่อนเข้าสู่กระบวนการส่งกลับต้นทางหรือกำจัดทิ้งภายในประเทศ หากมีการส่งกลับประเทศต้นทางก็เกรงว่าอาจจะมีการลักลอบทิ้งขยะลงทะเลซึ่งจะเป็นปัญหาตามมาอีก ต้องมีการติดตามและตรวจสอบอย่างเข้มข้นพล.อ.สุรศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนในระยะยาวจะไม่ให้มีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และพลาสติกอีกต่อไป โดยกระทรวงอุตสาหกรรมกำลังเตรียมออกประกาศห้ามนำเข้า และเตรียมเสนอต่อที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้านี้ ส่วนจะกระทบต่อพันธะสัญญาระหว่างประเทศหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่กรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะพิจารณารายละเอียด ในส่วนของอนุสัญญาบาเซิลที่ประเทศไทยเป็นประเทศภาคีนั้น เชื่อว่าไม่กระทบเพราะเป็นอำนาจของเราที่พิจารณาว่าจะให้มีการนำเข้าหรือส่งออกขยะประเภทต่างๆหรือไม่รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนของโรงงานกำจัดและโรงงานคัดแยกขยะจำนวน 2,265 แห่ง ถือว่ามีจำนวนมากนั้น เป็นการสร้างเพื่อรองรับการรีไซเคิลขยะภายในประเทศ แต่ระยะหลังกลับเกิดปัญหามีการลักลอบนำเข้าขยะจากต่างประเทศขึ้น แต่ที่เป็นปัญหาซึ่งที่ประชุมในวันนี้มีการพูดถึงคือโรงงานเถื่อนที่ไม่มีการจดทะเบียนยังมีอีกจำนวนเท่าไร กระทรวงมหาดไทยจะตั้งทีมปฏิบัติการระดับจังหวัดที่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วย งานต่างๆ ดำเนินการตรวจสอบในแต่ละพื้นที่โดยให้เวลาในการตรวจสอบ 30 วัน ก่อนนำมารายงานต่อที่ประชุมและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากปัญหาที่เกิดขึ้นตนคิดว่าโรงงานคัดแยกขยะเป็นอาชีพที่ไม่มีอนาคตแล้ว หากทำไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย