ในยุคที่อินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดีย ได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของโลกในทุกมิติจนไม่เหลือเค้าเดิม “เกรฮาวด์ คาเฟ่” กลับกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจสัญชาติไทยแท้ๆ ที่ยืนหยัดครองความเป็นหนึ่งมาได้มากกว่า 2 ทศวรรษ โดยไม่เคยเปลี่ยนดีเอ็นเอ“แม้จะผ่านไป 20 ปี นับตั้งแต่เปิดร้าน “เกรฮาวด์ คาเฟ่” สาขาแรก ที่เอ็มโพเรียม แต่จิตวิญญาณของเกรฮาวด์ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง เราเป็นคนง่ายๆแคชวลมาตั้งแต่วันแรก เป็นแนวสตรีทสไตล์ ชีวิตก็วนเวียนกับการกินอยู่ง่าย แต่มีลูกเล่นเป็นไอเดียทวิสต์ซุกซ่อนอยู่ในทุกรายละเอียด เพราะดีเอ็นเอของเราคือ “Basic with a twist” ทุกอย่างต้องมีทวิสต์ให้เซอร์ไพรส์”...สองผู้ร่วมก่อตั้งเกรฮาวด์ คาเฟ่ “ภาณุ อิงคะวัต” และ “พรศิริ โรจน์เมธา” ประสานเสียงบอกเล่าถึงดีเอ็นเอของแบรนด์ยุคนี้การแข่งขันขับเคี่ยวรุนแรงมาก ทำยังไงให้คนอื่นไล่ตามไม่ทันภาณุ : ต้องไม่หยุดอยู่กับที่ เพราะแบรนด์เป็นสิ่งมีชีวิต ถ้าไม่ตัดตอนแต่งกิ่ง มันก็แคระแกร็น สุดท้ายเกรฮาวด์จะกลายเป็นร้านแฟชั่นเล็กๆไม่เติบโต สิ่งที่เราทำมาตลอดคือ การปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับชีวิตคนยุคใหม่ พรศิริ : เราทำร้านอาหารเหมือนทำเอเจนซี คือต้องมีความครีเอทีฟตลอดเวลาวางโพสิชั่นนิ่งของแบรนด์ชัดเจน การสื่อสารกับลูกค้าต้องสร้างสรรค์ไม่หยุด เหมือนขี่จักรยานต้องขี่ตลอดเวลา ถ้าหยุดขี่เมื่อไหร่ก็ล้ม!! ยุคนี้มีจักรยานขี่ตามมาเยอะด้วย สิ่งที่ต้องทำหยุดไม่ได้คือ ความต่อเนื่องในการพัฒนาตัวเอง ทั้งเรื่องบรรยากาศ บริการและคุณภาพอาหารว่าแต่ทั้งคู่เคมีเข้ากันขนาดไหน ถึงจับมือทำธุรกิจได้ยาวนานถึง 2 ทศวรรษภาณุ : เราแก่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ผมรู้จักเจี๊ยบมา 40 ปี เริ่มตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน ทำงานด้วยกันที่ลีโอเบอร์เนทท์ เขาเป็นเออี ผมเป็นครีเอทีฟ พอผมขึ้นเป็นซีอีโอ เขาก็เป็นเอ็มดี ตอนหลังชวนกันมาร่วมทุนทำ “เกรฮาวด์ คาเฟ่” โดยผมออกจากเอเจนซีมาก่อนหลายปี เพราะคิดว่าถึงเวลาของคนรุ่นใหม่ สักพักเจี๊ยบก็ลาออกตามมาช่วยทำเกรฮาวด์เต็มตัว ผมไม่ได้เป็นอาร์ทิสต์จ๋า ทำอะไรต้องสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ผมมองว่าธุรกิจต้องมี 2 ขา คือ เรื่องไอเดียความคิดสร้างสรรค์ อีกขาหนึ่งคือเรื่องการบริหารธุรกิจ ซึ่งเจี๊ยบถนัดเรื่องนี้ เขาจะเป็นครูใหญ่ที่คอยคุมหลังบ้านพรศิริ : ตอนนั้นเพิ่งมี 3 สาขา เราแบ่งหน้าที่กันเหมือนอยู่เอเจนซี คุณภาณุจะคุมเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ส่วนเจี๊ยบดูแลหลังบ้านเข้ามาปรับปรุงเรื่องการบริหารจัดการ ให้มีความเป็นมืออาชีพ มีการวางแผนงาน มีการติดตามงาน เมื่อก่อนเหมือนออแกนิกโกร็ธ โตตามธรรมชาติ เจี๊ยบก็เข้ามาเซตระบบใหม่หมด จนปัจจุบันเราขยายไป 35 สาขาแล้ว ในประเทศ 17 สาขา ทั่วเอเชีย 17 สาขา และสาขาล่าสุดกรุงลอนดอน เป็นสาขาที่ 35 จากร้านอาหารเล็กๆทำเพราะสนุก แล้วขยายสาขาเยอะขนาดนี้ ทำยังไงจึงสามารถคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานเดียวกันพรศิริ : ทานเกรฮาวด์สาขาไหนก็ต้องได้มาตรฐานเดียวกัน อันนี้สำคัญที่สุด นอกจากเราจะมีครัวกลางคอยจัดเตรียมวัตถุดิบให้เป๊ะ เรายังต้องมีผู้ตรวจไปตรวจสอบหน้าร้านหลังร้านเดือนละครั้งจนครบทุกสาขา มีการเรียกเชฟทุกคนมาแข่งขันทำเมนูในร้าน เพื่อทดสอบมาตรฐานจนครบทุกจานทั้ง 90 เมนู ภายในเวลา 5 วันรวด เราต้องเก็บคะแนนตลอด รวมถึงให้คะแนนการบริการของพนักงานด้วย เพื่อสามารถจับต้องได้นำมาพัฒนาต่อได้ คุณภาณุจะดูแลเรื่องไอเดียสร้างสรรค์ทั้งหมด ส่วนเจี๊ยบมีหน้าที่ควบคุมการบริหารจัดการทุกอย่าง เข้ามาวางระบบการออดิทพวกนี้ทั้งหมด จะมีการประชุมประเมินเพอร์ฟอร์แมนซ์ทุกเดือน เกรฮาวด์ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ต้องมีการเทรนนิ่งเชฟหน้าร้านและพนักงานตลอดเวลาเกรฮาวด์ไม่แก่ไม่เอาต์เลย และยังเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ ตรงนี้มีเคล็ดลับยังไงภาณุ : เราต้องหาเลือดใหม่เข้ามาเสริม เลือดใหม่ที่เข้าใจชีวิตของคนวันนี้ ผมเองก็ต้องรู้ว่าคนรุ่นใหม่ไปกินไปเที่ยวที่ไหนอย่างไร คนรุ่นใหม่เป็นลูกค้าของเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราต้องเข้าใจพวกเขาให้ได้ ถ้ายังจับแต่คนรุ่นเก่า สักวันมันก็จะหดหายไป เพราะกลายเป็นคุณตาคุณยายไปหมดแล้ว คุณเจี๊ยบบอกว่าคุณภาณุเป็นคนครีเอทีฟสูงมาก คิดเร็วคิดซับซ้อน ไปเอาขุมพลังมาจากไหนภาณุ : ผมเป็นคนทำอะไรก็อยากเห็นผลสำเร็จ ตั้งแต่เด็กๆเริ่มทำเสื้อผ้าเกรฮาวด์ วันไหนเห็นใครใส่เสื้อผ้าเรารู้สึกแฮปปี้มาก ไดรฟ์ในชีวิตผมคือทำอะไรแล้วต้องมีคนชอบ ถ้าทำแล้วคนไม่ชอบก็จ๋อย คนเป็นเชฟเปิดร้านอาหารอาจห่วงรสชาติ แต่ผมคิดถึงภาพใหญ่แบบโทเทิลเอ็กซ์พรีเรียนส์ เดี๋ยวนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่งซื้อที่ไหนก็ได้ มีตั้งแต่ 500-30,000 บาท แต่ทำไมคนยอมจ่ายเงินแพงๆ เพราะการช็อปปิ้งแบรนด์ที่ชอบเป็น “ความชื่นชูใจ” มันไม่ใช่แค่เสื้อตัวเดียว แต่เป็นบริการ บรรยากาศร้านและคุณภาพ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษกลุ่มมัดแมนทุ่มเงินเกือบ 2 พันล้านบาท เข้าซื้อธุรกิจเกรฮาวด์กรุ๊ป ทำให้ทิศทางบริหารเปลี่ยนไปไหมพรศิริ : เราทั้งคู่ยังทุ่มเทให้เกรฮาวด์ เหมือนเดิม เพียงแต่การเข้ามาของ “มัด–แมน” ทำให้ตัดสินใจก้าวกระโดดไปเปิดร้านสาขาแรกในยุโรป ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นโจทย์ที่หนักอึ้งไหมคะ ได้รับการตอบรับดีอย่างที่คิดไหมภาณุ : เป็นอะไรที่สนุกและท้าทายมาก เหมือนกับวันแรกที่เราเปิดเกรฮาวด์สาขาแรก ทุกอย่างต้องเรียนรู้ใหม่หมดเลย เราจะเข้าไปแนะนำตัวยังไงกับคนลอนดอน ตอนไปจับจองโลเกชั่นเปิดร้าน ฝรั่งก็ถามว่าคุณเป็นใคร เราต้องทำการบ้านเยอะมาก และค่อยๆปั้นแบรนด์ขึ้นใหม่จากวัตถุดิบเดิม ร้านอาหารไทยที่คนอังกฤษชอบเป็นแบบไทยแท้ๆ ถ้าขายไทยร่วมสมัยคงไม่เวิร์ก หลังทำเซอร์เวย์ค้นพบว่า เราควรเป็น “แบงค็อก คาเฟ่” นำเสนอไลฟ์สไตล์การกินอยู่แบบคนกรุงเทพฯพรศิริ : “เกรฮาวด์ คาเฟ่ ลอนดอน” เปิดเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2560 วันนั้นรู้สึกภูมิใจมาก เหมือนเอาธงชาติไทยไปปักกลางกรุงลอนดอน เปิดตอนแรกใกล้คริสต์มาส ยังนึกว่าจะเงียบเหงามาก แต่ปรากฏว่าได้แฟนๆนักศึกษาไทยและเอเชีย พอมีสื่ออังกฤษรีวิวยกให้เป็นร้านอาหารเปิดใหม่ที่มาแรงที่สุด ลูกค้าก็หลั่งไหลใหญ่ภาณุ : ที่น่าตื่นเต้นมากคือ “เจย์ เรย์เนอร์” นักวิจารณ์อาหารจากเดอะการ์ดเดียน ซึ่งมีอิทธิพลในลอนดอน สามารถแจ้งเกิดหรือแจ้งดับร้านอาหาร เคยแวะมาทานอาหารร้านเรา พอเห็นปุ๊บทุกคนก็จำหน้าได้ แต่ผมบอกไว้ว่าไม่ต้องไปยุ่งกับเขามาก ให้ดูแลดีที่สุดเหมือนลูกค้าคนหนึ่ง ปรากฏว่ารีวิวออกมาดีมาก ขนาดบริษัทพีอาร์ที่เราจ้างยังแปลกใจและบอกว่านี่คือรีวิวบวกที่สุดอันหนึ่งของนักเขียนฝีปากร้ายคนนี้ ปีนี้ยังจะมีเซอร์ไพรส์อะไรใหม่ๆจากเกรฮาวด์อีกภาณุ : “เกรฮาวด์ ออริจินัล” จะไม่ได้เป็นแค่แบรนด์แฟชั่น แต่วันนี้เราเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์เต็มตัว อย่างในเมืองนอกเทรนด์นี้ก็มาแรงมาก ไม่ว่าจะเป็น “เควิน ไคลน์” ที่จับมือกับบริษัทน้ำหอม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง เราเองก็สามารถจับมือกับธุรกิจอื่นๆอีกมาก เพื่อทำอะไรใหม่ๆ ปีนี้เราได้จับมือกับ “เอ.พี.ฮอนด้า” เปิดธุรกิจใหม่ “เกรฮาวด์ คอฟฟี่” ที่ย่านเอกมัย เป็นไลฟ์สไตล์โชว์รูมของเอ.พี.ฮอนด้า บวกกับเกรฮาวด์ คอฟฟี่ ภายใต้คอนเซปต์ “CUB House” มาจากคำว่า Culture-Unique-Bikes ทางฮอนด้าจะเปิดตัวโปรดักส์รุ่นพิเศษ ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ของมอเตอร์ไซค์ เพื่อดึงดูดกลุ่มฮิปสเตอร์ หน้าที่ของเราคือทำแหล่งแฮงก์เอาต์ใหม่ของคนรักมอเตอร์ไซค์ โดยจะมีกาแฟ เสื้อผ้า แอคเซสเซอรี่ตกแต่งมอเตอร์ไซค์ สำหรับคนชอบมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่สามารถมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้สบายๆ และเร็วๆนี้เกรฮาวด์จะเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ชื่อว่า“กินเฮ” ขยายวงสู่กลุ่มคนยังแอทฮาร์ท เอาสตรีทฟู้ดของไทยอย่างง่ายๆขึ้นห้าง ยังมีแพสชั่นอะไรที่คันไม้คันมืออยากทำอีกไหมภาณุ : อะไรสนุกผมก็ทำ โลกเปลี่ยนไปเยอะมาก ยังมีอะไรให้ทำอีกมาก วันนี้คนใช้เงินกับเสื้อผ้าน้อยลง แต่ยอมจ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ใหม่ๆ ต่อไปเกรฮาวด์อาจลุกขึ้นมาทำโรงแรม ชีวิตผมคงไม่มีวันรีไทร์ ถ้าทำอะไรออกมาแล้วยังขายได้ก็คงทำต่อไป แต่วันไหนถ้าเด็กถามว่าลุงทำอะไรอ่ะ ผมคงต้องกลับไปอยู่บ้านปลูกต้นไม้เงียบๆ.ทีมข่าวหน้าสตรี