นิทานเรื่องใครโง่กว่าใคร จาก“นิทานไทย คุณตาคุณยายเล่าไว้” ยุทธ เดชคำรณ รวบรวม ยุพเรศ วินัยธร เรียบเรียง (สำนักพิมพ์ รวมทรรศน์ พ.ศ.2536) อ่านสักกี่ครั้งๆก็ยังสนุกนานมาแล้ว พระรูปหนึ่งบวชเรียนหลายพรรษา ความรู้แตกฉาน สึกออกมา ชาวบ้านเรียกว่า “ทิดคง” มีเมียหนึ่ง ลูกสาวหนึ่งทุกเช้ากินมื้อเช้าแล้ว ทิดคงจูงควายออกจากบ้านไปทำนา ตอนสายลูกสาวก็หิ้วหม้อข้าวหม้อแกงไปส่งให้พ่อกินมื้อเที่ยงวันนั้น เมียทิดคงได้ปลาตัวใหญ่ ตั้งใจแกงส้มสุดฝีมือกว่าจะเสร็จก็สายกว่าทุกวัน ตอนลูกสาวหิ้วหม้อข้าวหม้อแกงก็เลยเที่ยง อากาศวันนั้นก็ให้บังเอิญร้อนมากลูกสาวทิดคงเดินไปได้พักใหญ่ก็หมดแรง ต้องแวะพักใต้ร่มไม้ใหญ่ลมพัดโชยมาเย็นสบายก็เผลอหลับไป แล้วฝันเป็นเรื่องเป็นราวว่า ได้เป็นลูกสะใภ้เศรษฐี ตั้งท้องจนคลอดลูกชายอ้วนจ้ำม่ำน่ารักน่าชัง ออกมาคนหนึ่งแต่ลูกชายยังไม่ทันโตก็เกิดป่วยไข้ตาย นางเสียใจมาก ตีอกชกตัวเหมือนคนบ้า ขณะนั้นมือไม้ก็ปัดป่ายไปถูกชนหม้อข้าวหม้อแกงคว่ำ นางก็หิ้วข้าวของกลับบ้านไปบอกแม่แม่ฟัง ก็ให้มีอันเสียอกเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟายไปอีกคน“โธ่ หลานเอ๋ย ไม่ทันไร ก็มาด่วนตายจากยาย ยายยังไม่ได้ทำขวัญหลานเลย”ทิดคงรอข้าวมื้อเที่ยงจนบ่าย หิวจนทนไม่ไหวก็เดินกลับบ้าน เห็นเมียและลูกสาวร้องไห้ฟูมฟายกับเรื่องในฝัน ก็หมดน้ำอดน้ำทนที่จะอยู่ด้วยต่อไป หอบข้าวของพายเรือออกจากบ้านระหว่างทาง เห็นชายคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ริมตลิ่ง จอดเรือเข้าไปถามได้ความว่า เอามือออกจากไหเกลือไม่ได้ ทิดคงก็แนะให้แบมือปล่อยเกลือ เอามือออกจากไหได้ทิดคงพายเรือต่อไป เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเอาเชือกผูกหัวเสาสองข้าง ดึงกันไปมา ถามได้ความว่า ต้องการดึงให้เสายาว ทิดคงแนะให้ไปหาเสาอีกต้น ตัดเอามาต่อให้ยาวได้เท่าที่ต้องการทิดคงยังพายเรือต่อไป จนถึงหมู่บ้านหนึ่ง มีคนกำลังก่อสร้างตึก ตึกหลังนั้นไม่มีหน้าต่าง คนพวกนั้นช่วยกันเอาตะกร้า กระบุง หีบและถัง ออกมาตากแดดครู่ใหญ่ แล้วขนเข้าไปในตึก“พวกเรา เอาแดดไปเทไว้ ให้แสงสว่างในบ้าน”ชาวบ้านบอก ทิดคงก็แนะว่า ไม่เห็นจะต้องเหนื่อยกับการขนกระบุงตะกร้า...เลย ก็แค่เจาะช่องผนังตึกเป็นหน้าต่างก็จะได้แสงแดดเข้าไปในบ้านเองชาวบ้านเจาะหน้าต่างแล้ว ก็ไชโยโห่ร้องที่ไม่ต้องเหนื่อยกับการ “ขนแสงแดดเข้าบ้าน” ทิดคงแนะนำแล้ว ก็ได้ความคิดว่า ตลอดเส้นทางที่พายเรือมาก็เจอแต่คนโง่เง่า ไร้สติปัญญาทั้งนั้นเมียและลูกสาวที่ตัวเองหนีมาเพราะทนความโง่ไม่ได้ ก็ไม่ได้ต่างจากคนพวกนั้นคิดได้แล้ว ทิดคงก็หันหัวเรือ บ่ายหน้ากลับบ้าน ใช้ชีวิตอยู่กับเมียและลูกต่อไปเหมือนเดิมนิทานเรื่องนี้จบลงตรงนี้แหละครับ คนเล่าก็ไม่ได้ “สอนคติอะไร” จึงพอเป็นที่เข้าใจ เมื่อคนฉลาดทนอยู่กับคนโง่ได้ ชีวิตในบ้านเมืองก็จะเป็นไปตามเป้าไทยแลนด์ 4.0 มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สมดังที่รัฐบาลท่านตั้งใจลืมๆกันไปเสียเถิด...นาฬิกากี่เรือน ของมันยืมเพื่อนได้ ตำรวจใหญ่จะยืมเงินเพื่อน เจ้าของอาบอบนวดสักสองสามร้อยล้าน เงินทองก็ของมันยืมกันได้รวมทั้งเรื่องเจ้าสัวท่านตั้งใจไปพักผ่อนในป่า บังเอิญเสือมันหลงเข้ามาถูกลูกปืนตาย...เรื่องมันเป็นได้...เกิดมาเป็นคนในบ้านเมืองเหมือนทิดคงจะไปคิดอะไรให้มากกว่านี้.กิเลน ประลองเชิง