จ.เชียงใหม่ ได้ชื่อเป็นเมืองรถติดอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ พื้นที่ 20,107 ตาราง กิโลเมตร มีประชากร 1,735,762 คน ไม่รวม ประชากรแฝงและนักท่องเที่ยวยอดตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์กว่า 5 แสนคัน รถจักรยานยนต์ 8 แสนคัน วิถีชีวิตในปัจจุบัน ช่วงเวลาเร่งด่วน เส้นทางในตัวเมืองและเส้นทางเข้าออก ถนนสายหลัก เชียงใหม่–หางดง, เชียงใหม่–สันกำแพง ทั้งสายเก่า และใหม่ ดอยสะเก็ด–สันทราย–แม่ริม ติดหนึบ ทุกทาง เข้าขั้นวิกฤติเป็นอัมพาต สาเหตุหลัก ถนนหนทางมีน้อยและคับแคบ ไม่เพียงพอต่อจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นมหาศาล แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้ทุกวิถีทาง ทุกรูปแบบ แก้ปัญหา อีกทั้ง พยายามเปลี่ยนพฤติกรรมชาวบ้าน ให้ไปใช้บริการขนส่งสาธารณะแต่ไม่สำเร็จ ติดขัดที่ระบบขนส่งมวลชนยังไม่ดีพอย้อนหลังเกือบ 24 ปี เคยมี แผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในหัวเมืองใหญ่ โดย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย วางแผน จัดสร้างระบบขนส่งในรูปแบบรถไฟฟ้ารางเบา แต่แล้วก็ถูกจัดเก็บเข้าลิ้นชัก ภายหลังการจัดตั้ง องค์การรถไฟฟ้ามหานครเข้ามาดูแลแทนผู้รับผิดชอบเดิม นาย ชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่จวบจนปัจจุบัน ปัญหาการจราจรของ จ.เชียงใหม่ วิกฤติหนักขึ้นกว่าเดิม จนมีเสียงเรียกร้องให้ปัดฝุ่นขุดโครงการรถไฟฟ้ารางเบา เชียงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหารศ.ดร.บุญส่ง สัตโยภาส อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้บริหาร ศูนย์วิจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี การขนส่งสีเขียว ได้ทำ โครงการศึกษาฯระบบ ขนส่งมวลชนเชียงใหม่ มาแต่เดิมได้ให้ความเห็นว่า หากจำเป็นต้องสร้างจริงๆ ระบบรถไฟฟ้ารางเบา มีความเหมาะสมที่สุด โดยเลือกเชื่อมต้นทาง ปลายทาง ระดับพื้นในเขตตัวเมืองและอำเภอรอบนอก รศ.ดร.บุญส่ง สัตโยภาสรายละเอียด โครงการรถไฟฟ้ารางเบาเชียงใหม่ ประกอบไปด้วย 3 เส้นทางหลัก ทั้งใต้ดิน บนดิน เขตนอกเมืองจะเป็นบนดิน เขตในเมืองจะเป็นใต้ดิน รวมกันแล้วมีความยาว 40 กิโลเมตร โดยทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้กำหนดโครงข่าย เส้นทางและรูปแบบของระบบขนส่งทางสาธารณะ โดยวิเคราะห์จากสภาพข้อเท็จจริงและการรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนเส้นทางที่ 1 เส้นบนดิน เริ่มต้นจาก โรงพยาบาลนครพิงค์-ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ สนามกีฬา 700 ปี-ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ และเริ่มใช้ ทางวิ่งใต้ดิน ที่บริเวณแยกข่วงสิงห์-โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่- ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ แล้วกลับขึ้นใช้ทางวิ่งบนดิน ก่อนไปสิ้นสุดที่ทางแยกแม่เหียะสมานสามัคคี (แยกบิ๊กซีหางดง) ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตรเส้นทางที่ 2 เริ่มต้นจากแยกรวมโชคเข้าสู่ เส้นทางวิ่งใต้ดินที่แยกแม่โจ้ (แยกโรงพยาบาลเทพปัญญา)-ตลาดวโรรส-เชียงใหม่ไนท์บาซาร์-ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่แอร์พอร์ต ก่อนจะไปสิ้นสุดที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร เส้นทางที่ 3 เริ่มต้นเส้นทางวิ่งใต้ดินจาก สวนสัตว์เชียงใหม่-มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หักเลี้ยวลงมาตามถนนคันคลองชลประทาน-แยกตลาดต้นพะยอม-โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ พบจุดตัด ในช่วงผ่านใต้คูเมือง-จุดตัดบริเวณเชียงใหม่ไนท์บาซาร์ และกลับขึ้นใช้เส้นทางบนดิน ที่แยก หนองประทีป-ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ก่อนสิ้นสุดที่แยกศรีบัวเงินพัฒนา (แยกพรอมเมนาดา) ระยะทาง 12 กิโลเมตร โดยยังมีทางเลือกที่ 2 โครงข่าย ที่ใช้ทางวิ่งบนดินทั้งหมดนอกจากนี้ ยังมีตัวเลือก สร้างรถไฟฟ้า ใต้ดินเหมือนในกรุงเทพฯ ทำเวลาได้ และไม่ติดขัด ปัญหาใดๆ แต่ ทางสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) บอกว่า ค่าก่อสร้างแพง ขอให้ศึกษาระบบอื่นรศ.ดร.บุญส่ง กล่าวต่อไปว่า การสร้าง รถไฟฟ้าบนดินจะใช้เวลาสร้าง 3 ปี งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจจะตัดสินใจ แต่โดยส่วนตัวแล้ว จ.เชียงใหม่ ควรสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินดูเหมาะสมกว่าขณะที่ นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัด เชียงใหม่ กล่าวว่า ถึงแม้ทาง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้สรุปผลการศึกษา โครงการระบบขนส่งเชียงใหม่ ไปยัง สนข.แล้ว ในส่วนตัวรู้สึกว่า การสร้างรถไฟฟ้ารางเบาบนดิน จะไม่แก้ปัญหาการจราจรเลย เพราะต้องไปแย่ง เส้นทางกับรถยนต์ปกติ ยิ่งจะทำให้เกิดปัญหาแก่ ผู้ร่วมทาง อีกทั้งไม่ได้รับความนิยมหากเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน จะช่วยแก้ปัญหา ได้มาก แต่ค่าก่อสร้างมีราคาแพงมากเช่นกัน ทั้งนี้ อยู่ในช่วงการศึกษาและยังต้องรออีกหลายขั้นตอนที่ สำคัญ เมื่อสร้างแล้วจะคุ้มทุน แก้ปัญหาได้จบหรือไม่ นายวัลลภ นามวงศ์พรหมด้าน นายวัลลภ นามวงศ์พรหม ประธานฝ่ายส่งเสริมประเพณี วัฒนธรรม พิธีกรรม สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้ความเห็น ต่อการแก้ปัญหาการจราจรในตัวเมืองเชียงใหม่ ว่า การเติบโตของเมืองเชียงใหม่ ทำให้มีคนต่างถิ่นเข้ามาอาศัยจำนวนมาก ส่วนการสร้างระบบขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รางเบา ทั้งใต้ดิน บนดิน เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เพราะ เชียงใหม่จะถูกนำ เสนอเข้าเป็น มรดก โลก จึงควรอนุรักษ์เมืองไว้หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณหมื่นล้าน แสนล้านเพื่อมาสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า น่าจะใช้ งบประมาณส่วนนี้ ย้ายสถานที่ราชการ หรือ โรงเรียนขนาดใหญ่ออกไปนอกตัวเมือง จะแก้ปัญหาได้ดีกว่าการเติบโตของเมืองเชียงใหม่รวดเร็วมาก อยากให้ปรับรูปแบบเป็นเมืองแฝด เกิดขึ้น และนำความเจริญไปไว้ที่จุดนั้นมากกว่า ส่วนตัวเมืองดั้งเดิม ควรอนุรักษ์ไว้ เช่นนี้ตลอดไป.ชัยพินธิ์ ขัติยะ รายงาน