จันทร์เมื่อวาน ผมรับใช้ถึงตอนที่รัฐบาลพรรคสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือพรรคนาซีของฮิตเลอร์ สร้างวาทกรรมเพื่อให้คนในชาติเกลียดชังกัน จากนั้นก็ให้นักกฎหมายออกกฎหมายกำจัดสิทธิของคนอื่น เช่น 14 กรกฎาคม 1933 ออกกฎหมายทำหมันคนหูหนวก ตาบอด ร่างกายไม่สมประกอบ ฯลฯ เพื่อไม่ให้สืบพันธุ์ สร้างศาลสุขภาพด้านพันธุกรรม ทำให้มีคนเยอรมันถูกศาลนี้ตัดสินให้ต้องทำหมันไปมากกว่า 400,000 คนรวมทั้งออกกฎหมายห้ามคนเยอรมันเชื้อสายยิวเป็นแพทย์ ครู ทนายความ นักหนังสือพิมพ์ นักดนตรี และนักแสดง ฯลฯหลังจากเร้าความรู้สึกของประชาชนคนเยอรมันจนคลั่งในความเป็นเผ่าพันธุ์อารยันแล้ว ฮิตเลอร์ก็ขอความเห็นจากที่ประชุมของพรรคนาซีเพื่อ ร่าง พ.ร.บ.นูเรมเบิร์ก 2 ฉบับ และให้ประธานสภาไรค์ชตากอ่านและผ่านร่างทั้ง 2 ฉบับที่ว่าพ.ร.บ.ฉบับแรกว่าด้วยความเป็นพลเมืองเยอรมัน พ.ร.บ.ฉบับที่ 2 ว่าด้วยการปกป้องสายเลือดและเกียรติภูมิเยอรมันฉบับแรกมีผลบังคับใช้เมื่อ ค.ศ.1935 มีเพียง 3 มาตรากำหนดว่าคนเยอรมันที่มีสายเลือดอารยันเท่านั้นคือพลเมืองของจักรวรรดิไรค์ พวกนี้มีสิทธิทางการเมืองสมบูรณ์ ต่อมาออกกฎหมายลูกอีก 7 มาตรา ว่ายิวคนใดมีพ่อแม่เป็นยิว หรือมีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นยิว แม้จะเกิดในเยอรมนี ก็ให้ถือว่าเป็นยิวเต็มตัว เยอรมันคนไหนแต่งงานกับยิวจะถูกถอนสิทธิพลเมือง คนเยอรมันเชื้อสายยิวที่เคยเป็นทหารผ่านศึกช่วยเยอรมนีรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ได้รับบำนาญฟือเรอร์ หรือผู้นำมีอำนาจสูงสุดในการถอนสิทธิความเป็นพลเมืองของใครก็ได้ฉบับที่สอง ใช้เมื่อ 1 มกราคม 1936 มีเนื้อหาห้ามยิวแต่งงานกับเยอรมัน จดทะเบียนในหรือนอกประเทศก็ให้ถือว่าโมฆะ ห้ามยิวมีเพศสัมพันธ์กับคนเยอรมัน หากฝ่าฝืนจะถูกจำคุกและใช้แรงงานหนัก ห้ามยิวจ้างสตรีเยอรมันที่อายุต่ำกว่า 45 ปี ทำงานในบ้าน ห้ามชาวยิวใช้ธงชาติเยอรมัน ฯลฯต่อมามีการแก้ไขกฎหมาย ให้ลูกครึ่งที่ถึงแม้ไม่ได้นับถือศาสนายูดาห์และไม่ได้แต่งงานกับชาวยิว แต่มีปู่ย่าตายายจำนวน 2 คนขึ้นไปเป็นยิว ให้ถือว่าพวกนี้เป็นลูกครึ่ง พวกแรกที่จะต้องถูกกำจัด แต่ถ้ามีปู่ย่าตายายเป็นยิวเพียง 1 คนก็อยู่ในพวกที่จะไม่ถูกกำจัดเมื่อกฎหมายนูเรมเบิร์กถูกใช้ปุ๊บ รัฐบาลนาซีก็ปล่อยนโยบาย Jewish-free พื้นที่ปลอดชาวยิว ไล่คนยิวให้ออกจากสถานอาศัยที่อยู่มาหลายชั่วอายุคนปั๊บ ในห้วงนี้นี่เองครับ ที่คนยิวซึ่งมีศักยภาพ มีฐานะดีและมีคอนเนกชั่นอพยพอย่างถูกกฎหมาย บ้างหนีออกนอกประเทศ คนยิวเหล่านี้เป็นแพทย์ วิศวกร นักธุรกิจ ฯลฯ เมื่อต้องออกจากเยอรมนีแล้ว ก็ไปสร้างความเจริญให้สหรัฐฯ อังกฤษ และอีกหลายประเทศยิวที่หนีไม่ทัน ก็ถูกฮิตเลอร์สั่งฆ่าตายไป 6 ล้าน แผ่นดินเยอรมันสมัยนั้นจึงเหลือแต่คนเยอรมันซึ่งถูกล้างสมองให้หลงในเผ่าพันธุ์ตนเองและบ้าสงคราม สุดท้ายก็ไปไม่รอด แม้แต่ทายาทของฮิตเลอร์ทั้ง 2 คนก็ยังตีตัวออกห่าง จอมพลเกอริงทายาทคนที่ 1 ลอบติดต่อกับแม่ทัพอังกฤษ และฮิมเลอร์ทายาทคนที่สอง ลอบติดต่อกับประธานสภากาชาดสวีเดนความโหดอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้คนใกล้ชิดหูตาสว่าง เมื่อกองทัพโซเวียตบุกมาถึงกรุงเบอร์ลิน ฮิตเลอร์ก็ฆ่าตัวตาย อิวาบราวด์ภรรยาลับก็ดื่มยาพิษ พอเยอรมนีแพ้สงคราม พวกนาซีก็ต้องหนีบ้าง ยิงตัวตายบ้าง คนที่ตอนมีอำนาจมีส่วนออกกฎหมายอยุติธรรมอย่างพลเอก เฮย์ดริช รองอธิบดีกรมตำรวจ และ ดร.มาร์ติน นอร์มันน์ ก็ถูกยิงตายที่โดนจับและต้องขึ้นศาลอาชญากรสงครามมี 21 คน ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ 16 คน ไม่ว่าจะเป็น รมว.ต่างประเทศ รมว.เศรษฐกิจ รมว.ยุติธรรม ประธานธนาคารชาติ เจ้ากรมยุวชนทหาร เสนาธิการกลาโหม หัวหน้าปรัชญาการเมือง/ที่ปรึกษาพรรคนาซี ฯลฯกฎหมายอยุติธรรมที่เป้าหมายของการร่างอยู่ที่การกีดกันฝ่ายที่ไม่ใช่พวกของตน หรือต้องการทำลายล้างเพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สุดท้ายจะกลายเป็นกงจักรเหวี่ยงกลับมาฟันคอกลุ่มคนที่ออกทุกแห่ง ประวัติศาสตร์เป็นอย่างนี้ครับ.กฎหมายของฮิตเลอร์ (1)นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com