สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น จัดอันดับเทคโนโลยีสุดอันตรายที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางลบเมื่อถูกนำไปใช้ผิดประเภท และนี่คือ 7 เทคโนโลยี ที่ซีเอ็นเอ็นคัดเลือกมาให้ได้ระมัดระวังกัน1.ฝูงโดรน (Drone) จากกรณีฝูงโดรนเข้าโจมตีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ในซาอุดีอาระเบีย ตลอดจนล่าสุดที่โดรนลึกลับบินเข้าไปหย่อนกัญชาและมือถือให้นักโทษในคุกรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา บ่งชี้ให้เห็นถึงมหันตภัยจากโดรนหากถูกนำไปใช้ผิดวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโดรนทำงานร่วมกันเป็นฝูง รัฐบาลอังกฤษ จีน และสหรัฐอเมริกา จึงกำลังคิดกันหัวแตกว่าต้องเสริมกำลังฝูงโดรนให้กับกองทัพหรือไม่2.อุปกรณ์อัจฉริยะในบ้านที่อาจกลายเป็นเครื่องสอดแนม ในยุคที่ 5 จีกำลังมา ซึ่งทำให้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงในอุปกรณ์ทุกสิ่งอัน (Internet of Things-IoT) ดีไวซ์อัจฉริยะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นลำโพงอัจฉริยะ สมาร์ททีวี หรือตู้เย็นอัจฉริยะ สามารถรับคำสั่งได้อย่างชาญฉลาด แถมติดต่อสื่อสารกันได้เอง แต่ก็อาจกลายเป็นเครื่องสอดแนมชั้นดีรุกล้ำความเป็นส่วนตัวในบ้านได้เช่นกัน3.เทคโนโลยีสแกนและจดจำใบหน้า (Facial Recognition) มีกรณีที่พิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลในหลายประเทศ ใช้เทคโนโลยีนี้ในการจดจำใบหน้าบุคคลทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบุคคลนั้นๆ ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่ยังไม่แม่นยำพอ อาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดได้4.เทคนิคโคลนนิงของ AI ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) สามารถเลียนแบบ หรือทำซ้ำเสียงคน รวมทั้งวิดีโอต้นแบบได้ ชนิดแยกไม่ออกว่าเวอร์ชันไหนจริง เวอร์ชันไหนโคลนนิง จึงเป็นเรื่องง่ายดายที่ AI จะเลียนแบบเสียงใครก็ได้ หรือทำคลิปวิดีโอปลอมของใครก็ได้ แล้วเผยแพร่ออกมา คนที่เสี่ยงน่าจะเป็นเหล่าคนดังทั้งหลายที่มีข้อมูลหาได้ทั่วไปบนโลกอินเตอร์เน็ต 5.ไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่โดย AI และโปรแกรมหุ่นยนต์ แม้ทุกวันนี้ AI จะถูกใช้ช่วยสกัดอาชญากรรมไซเบอร์ แต่อีกทางหนึ่ง แฮกเกอร์และอาชญากรก็ยิ่งมีเครื่องมือทำมาหากินที่ล้ำสมัย มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย แน่นอนกลเม็ดเคล็ดลับในการต้มตุ๋น แยบยล ง่ายดาย และรุนแรงขึ้น กดผิดแค่คลิกเดียว ชีวิตอาจย่อยยับ6.ฝุ่นอัจฉริยะ (Smart Dust) มีขนาดเท่าเม็ดเกลือ แต่บรรจุไว้ด้วยระบบสื่อสารทั้งหมด ตั้งแต่เซ็นเซอร์ แหล่งพลังงาน และกล้อง ปกติถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางสุขภาพ ความมั่นคง แต่หากนำไปใช้ผิดประเภทจะกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัว7.หุ่นยนต์ผลิตข่าวปลอม AI ที่ชื่อว่า Grover ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อผลิตข่าวและเขียนนิยาย โดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งสเปซเอ็กซ์สนับสนุนอยู่ ทีมงานค้นพบว่ามันมีศักยภาพในการปั้นข่าวปลอมหรือ Fake News ได้แนบเนียนกว่ามนุษย์ จนในที่สุดตัดสินใจไม่นำออกมาใช้ คุมกำเนิดไว้แค่ในห้องทดลอง เพราะดูแล้วเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติอย่างยิ่งยวด.