ผ่านฉลุยวาระแรก มติ 311 ต่อ 177 มติพรรคฝ่ายค้านคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 67 “ชัยธวัช” ซัดไม่สะท้อนตอบโจทย์รัฐบาลแก้วิกฤติประเทศ รับมรดกบาปรัฐบาลเก่า ครม.ขาดวุฒิภาวะแจงข้อมูลบิดเบือนรับอภิปรายกร่อย ตีปี๊บรอชมฉากดุเดือดศึกซักฟอก “ศิริกัญญา” ขยี้ซ้ำสอดไส้ ไม่ตรงปก ไร้แผนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน มีแต่เทงบฯสร้างถนน ทุ่มสร้างตึก ผิดหวัง “บิ๊กทิน” ยอมศิโรราบต่อกองทัพ ปชป.ทิ้งทวนขย่ม พท. “สุณัฐชา” ถล่มรหัสดีเอ็นเอนายใหญ่-นายหญิงตระกูลชิน ฟัดเลือกปฏิบัติจัดงบฯไม่เป็นธรรม โวยคนใต้ถูกเมินงบฯพัฒนาต่อหัวต่ำสุดในประเทศ เด็ก พท.ดิ้นป้อง 2 อดีตนายกฯ “พิเชษฐ์” ขึงขังปิดไมค์เบรกเกม “วิโรจน์” เฉ่ง ศธ.ยัดสารพัดโครงการคนดี สกัดถูกตัดงบฯซ้ำซ้อน บี้หั่นทิ้ง 2 พันล้าน แฉ กอ.รมน.แปะงบฯขอฝากเลี้ยง

การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายตอกย้ำการจัดงบฯที่ไม่สะท้อนว่ารัฐบาลกำลังแก้วิกฤติที่ประเทศกำลังเผชิญ กลับมีการสอดไส้ ไม่ตรงปก ไม่ตรงแผน ขณะที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยต่างออกโรงปกป้อง 2 อดีตนายกฯที่ถูกพาดพิงการเลือกปฏิบัติจัดสรรงบฯลงพื้นที่

พท.ดิ้น ปชป.แตะนายใหญ่–นายหญิง

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 5 ม.ค.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรกต่อเนื่องเป็นวันที่สาม มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เกิดปะทะคารมตั้งแต่ช่วงเช้าระหว่าง สส.พรรค ปชป.กับพรรค พท.หลัง น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรค ปชป.ลุกขึ้นอภิปราย ตั้งคำถามถึงนายเศรษฐาเป็นนายกฯที่มีอำนาจตัดสินใจเต็มที่หรือไม่หรือเป็นเพียงนายกฯที่รอรับใบสั่งจากใครบางคน ได้ฉายาจากนักข่าวว่า เซลส์แมนแสตนด์ชิน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีดีเอ็นเอหรือรากเหง้ามาจากพรรคไทยรักไทย ที่มีนายใหญ่สายชินเจ้าของความคิด จังหวัดไหนไม่เลือกให้รอการพัฒนาไปก่อน เป็นที่กล่าวขานว่าเป็นยุครัฐบาลที่มีข้อครหาการจัดทำงบฯมากที่สุด ต่อมาถูกแปรสภาพเป็นพรรคพลังประชาชนจบลงด้วยการถูกยุบพรรค จนท้ายที่สุดกลายเป็นพรรคเพื่อไทยที่เริ่มต้นภายใต้การนำของรัฐบาลสายชิน นายกฯหญิงคนแรกของไทย ที่เมินการจัดสรรงบฯลงภาคใต้ แต่ใช้งบฯสูงถึง 1.39 ล้านล้านบาทไปกับนโยบายจำนำข้าวประสิทธิผลกลับต่ำ สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นน้ำตาชาวนาทั้งประเทศ

...

เจอตอกไม่ได้แตะทูนหัวของบ่าว

จากนั้นทำให้บรรดา สส.พรรค พท.ลุกประท้วง อาทิ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. ประท้วงให้อภิปรายอยู่ในประเด็น ส่วนนายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ลุกสวนว่า น.ส.สุณัฐชา ยังพูดในประเด็นเรื่องงบฯไม่ได้กระทบกระทั่งทูนหัวของบ่าวอะไรเลย นายสรวงศ์ ลุกโต้อีกบอกให้ถอนคำพูดเพราะประชาชนดูอยู่ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ผลมันออกมาแล้ว สุดท้ายนายพิเชษฐ์ วินิจฉัยตัดบทให้อภิปรายต่อ

“สุณัฐชา” โวยงบฯพัฒนาต่อหัวคนใต้ต่ำสุด

น.ส.สุณัฐชาอภิปรายต่อว่า อย่าลืมท่านหนีอดีตไม่พ้น หนีความจริงไม่ได้ ตนและชาวใต้เกือบ 10 ล้านคน เกรงว่าดีเอ็นเอความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรงบฯจะถูกส่งต่อมาถึงตัวนายกฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯฉบับนี้จากวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท รัฐบาลทุ่มเม็ดเงินพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกว่า 58,000 ล้านบาท ชาวใต้ 14 จังหวัดได้งบฯพัฒนาเพียงแค่ 3,973 ล้านบาท หมุนเวียนอยู่ใน 200 โครงการจากโครงการทั้งหมดที่ถูกจัดสรรในเล่มงบฯทั้งประเทศ 1,577 โครงการ ภาคเหนือได้ 179 โครงการ 3,162 ล้านบาท อีสาน 20 จังหวัดได้ 537 โครงการ 9,794 ล้านบาท ภาคตะวันออก 7 จังหวัดได้ 121 โครงการ 2,232 ล้านบาท ภาคตะวันตก 5 จังหวัดได้ 101 โครงการ 1,847 ล้านบาท ภาคกลาง 21 จังหวัดได้ 391 โครงการ วงเงิน 7,345 ล้านบาท สุดท้ายภาคใต้ 14 จังหวัดได้เพียง 209 โครงการ แค่ 3,973 ล้านบาท ภาคที่ได้เงินงบฯพัฒนาเฉลี่ยต่อหัวน้อยที่สุดตกอยู่ที่ 421.19 บาท ทั้งที่ประชากรมากกว่าภาคตะวันตกถึง 3 เท่า แต่กลับได้รับงบฯต่อหัวน้อยที่สุดแบบนี้
จัดสรรงบฯลงพื้นที่เป็นธรรมหรือไม่

“พิเชษฐ์” ออกหน้าออกตาป้อง “เศรษฐา”

น.ส.สุณัฐชาได้เปิดภาพนายเศรษฐากำลังยิ้มแฉ่ง ใส่ที่คาดผมกวางเรนเดียร์ฉลองคริสต์มาสที่ทำเนียบรัฐบาลเทียบกับภาพชาวบ้านหลายคน นั่งอยู่บนหลังคาท่ามกลางระดับน้ำท่วมสูง พร้อมอภิปรายต่อว่า เมื่อพูดถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ พี่น้องต้องทนทุกข์ระทมกับอุทกภัยที่หนักสุดในรอบหลายสิบปี ความจริงใจวัดกันตรงนี้ ขณะที่ชาวบ้านกำลังสวดภาวนาให้น้ำลดระดับอยู่บนหลังคาบ้าน วันนั้นท่านนายกฯกลับสนุกอยู่ นายพิเชษฐ์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถึงกับขึงขังปิดไมค์กะทันหัน ถามเจ้าหน้าที่ว่ารูปที่ น.ส.สุณัฐชานำมาเปิดได้รับอนุญาตหรือยัง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ประท้วงประธานที่ประชุมว่าเบรกกลางอากาศแบบนั้นไม่ดี ขอให้ใช้อำนาจด้วยความเป็นกลาง จะมีข้อครหาว่าประธานไม่เป็นกลาง นายพิเชษฐ์อ้างว่าเจ้าหน้าที่เพิ่งส่งเอกสารมาให้กำลังตรวจสอบ ถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาเสร็จแล้วยินดี พร้อมวินิจฉัยอนุญาตให้นำสไลด์ขึ้นได้และอภิปรายต่อ

ขยี้นักโทษเทวดาชั้น 14 น่าอายกว่าเยอะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมยังคงมีการประท้วงอยู่อย่างต่อเนื่อง น.ส.สุณัฐชา อภิปรายว่า รูปเมื่อสักครู่ที่นายกฯสวมใส่เสื้อสีแดงปาร์ตี้ที่ทำเนียบฯ ไม่มีอะไรน่าเสียหาย ไม่มีอะไรน่าอาย เพราะการเป็นนักโทษเทวดาอยู่ชั้น 14 น่าอายกว่าเยอะ ทำให้นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรค พท.ประท้วง อภิปรายนอกประเด็น เป็นรูปที่ทำเนียบรัฐบาลจริง แต่เหตุการณ์ไม่ได้เกิดพร้อมกัน นายกฯได้ไปติดตามเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่านายกฯไม่สนใจ อย่างที่พยายามทำให้สังคมเข้าใจ ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป.ประท้วงว่านายศรัณย์ ประท้วงข้อใดและ น.ส.สุณัฐชาเสียดสีทำผิดข้อบังคับข้อไหน นายศรัณย์สวนว่าการเอารูปขึ้นมาพร้อมกันแล้วเสียดสีว่านายกฯไปงานสังสรรค์แทนที่จะไปดูปัญหาภาคใต้ เหตุการณ์ไม่ได้เกี่ยวกัน ไม่ใช่ว่านายกฯเลือกไปงาน แทนที่จะดูแลพี่น้องภาคใต้ อีกประเด็นคือเรื่องที่บอกว่าเทวดาจากที่อื่น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงบฯเลย

“ชัยชนะ” เฉ่งน้ำท่วมใต้แต่ “นิด” ดี๊ด๊า

นายชัยชนะกล่าวสวนกลับว่าผู้ประท้วงกล่าวเท็จในสภาฯ สิ่งที่ผู้อภิปรายกำลังอภิปรายบอกว่าขณะที่ชาวบ้าน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เจอวิกฤติน้ำท่วม นายกฯเหมือนลิงได้แก้วมีความสุขอยู่ที่รัฐบาล และตนถามว่าผู้อภิปรายกล่าวเท็จตรงไหน และที่ท่านบอกนายกฯลงพื้นที่ ท่านไปดูภาพไหมไปที่น้ำลึก อย่าไปที่น้ำตื้น อย่ากล่าวเท็จในสภาฯ ประธานต้องควบคุมให้ดำเนินการได้ด้วยดี ขณะที่นายพิเชษฐ์วินิจฉัยตัดบทให้ดำเนินการต่อไป

ลั่นโหวตคว่ำดีเอ็นเอทิ้งคนใต้

น.ส.สุณัฐชาอภิปรายต่อว่า ระหว่างชาวบ้านกำลังทุกข์ระทม นายกฯกำลังปาร์ตี้ที่ทำเนียบฯ ท่านตั้งงบฯแก้ปัญหาให้พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ไว้ในส่วนไหนหรือว่าช่วงนั้นนายกฯไม่ทราบเพราะว่าท่านทำงานไม่ทันเนื่องจากลาราชการถึง 4 วัน ทั้งที่เพิ่งเริ่มทำงานได้ 4 เดือน จากตัวอย่างโครงการในภาคใต้ที่ถูกทำให้อันตรธานหายไปจากข้อมูลค่าเฉลี่ยต่อหัว ที่คนใต้ได้รับงบฯพัฒนาน้อยที่สุด ส่อเค้าลางว่างบฯปีแรกของรัฐบาลเศรษฐา ไม่ต่างจากยุครัฐบาลนายใหญ่ พท.เมื่อหลายสิบปีก่อน การจัดทำงบฯลักษณะนี้ ยิ่งทำให้มั่นใจว่า แม้เป็นคนละคนกันแต่พฤติกรรมทอดทิ้งคนใต้ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาถึงนายกฯชื่อเศรษฐา ทวีสิน ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 จึงไม่สามารถรับหลักการร่างงบฯนี้ได้

“ไอติม” จี้นายกฯปรับหลักสูตรศึกษาใหม่

ช่วงบ่าย สส.พรรคก้าวไกล เริ่มอภิปรายงบฯกระทรวงศึกษาธิการ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายเสนอผ่าตัดหัวใจ 4 ห้องของงบฯการศึกษาคืองบบุคลากร เงินอุดหนุนนักเรียน งบลงทุนและงบนโยบาย เช่น งบฯนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กไม่เกิน 100 ล้านบาท มีกลุ่มก้อนเดียวที่ใหม่คือพัฒนาระบบการเรียนรู้แบบดิจิทัลในหลายหน่วยงานกว่า 600 ล้านบาท แต่ขอให้ รมว.ศึกษาธิการรับประกันว่าจะไม่ซ้ำซ้อนและโปร่งใส โครงการที่ไม่ควรมีหรือควรมีแต่ต้องปรับลดงบฯลง เช่น โครงการรวมมิตรความดีทุกปี พยายามทำให้นักเรียนโตมาไม่เลว ไม่โกง ไม่เสพยา ปีนี้ยิ่งกว่าเดิมงบฯโครงการจริยธรรมคุณธรรมต่อต้านการทุจริต อยู่ที่ 160 ล้านบาท งบฯโครงการด้านยาเสพติดรวม 115 ล้านบาท มีโครงการใหม่ชื่อโครงการส่งเสริมคนดีตามหลักการศาสนาที่ถูกต้อง 273 ล้านบาท ไม่คิดว่าการเอางบฯและเวลาครูไปลงกับโครงการเช่นนี้เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนเป็นคนดีแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพมากที่สุด ถึงเวลาต้องทบทวนพฤติกรรมของผู้ใหญ่ จะคาดหวังนักเรียนให้ตระหนักถึงการทุจริตได้อย่างไร หากมีโรงเรียนเรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือรับเงินใต้โต๊ะจากผู้รับเหมา จะคาดหวังนักเรียนหยุดบูลลี่กันและกันได้อย่างไร หากไม่กล้าลงโทษครูที่กลั่นแกล้งนักเรียน ส่วนโครงการที่ควรมีกลับยังไม่มี คือการเดินหน้าจัดทำหลักสูตรฉบับใหม่ขอให้นายกฯยืนยันได้หรือไม่ว่าจะจัดทำให้เรียบร้อย

ซัดงบฯลงทุนเทลงพื้นที่เจ้ากระทรวง

นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า งบลงทุนใช้เกณฑ์อะไรปรับลด อาคารสำหรับเด็กด้อยโอกาสและพิการถูกตัดมากที่สุดเป็นพิเศษ เรียกว่าอ่อนแอก็แพ้ไป ใช้เกณฑ์อะไรว่าจังหวัดใดได้มากน้อย เพราะโครงการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ถูกกระจายอย่างน่าสงสัย ทำไมจังหวัดที่มี สส.เขตที่มาจากพรรคเดียวกับ รมต.จึงได้งบฯสูงกว่าจังหวัดที่ไม่มี สส.เขตที่มาจากพรรคเดียวกันกับ รมต. กลับได้งบฯส่วนนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ หวังว่าเกณฑ์จะอยู่บนพื้นฐานความเดือดร้อนของนักเรียน ไม่ใช่ผลประโยชน์ตอบแทนกันทางการเมือง

“วิโรจน์” ชงหั่นทิ้งงบฯศธ. 2 พันล้าน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายงบดำเนินงานและงบรายจ่ายอื่นของ ศธ.ว่า งบส่วนนี้เป็นตัวแสบ ศธ.รู้อยู่แก่ใจพยายามปรับลด แต่ถ้าไม่เกรงใจกัน งบดำเนินงานและงบรายจ่ายอื่นที่ซ่อนไว้กับโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์ทางตรงกับนักเรียนหรือผู้เรียนยังมีอีกมาก วงเงินต้องสงสัยนี้อยู่ราวๆ 8,256 ล้านบาท ถ้าลงรายละเอียดดีๆจะปรับลดได้อีก ถ้าเอาโครงการที่ภารกิจซ้ำซ้อน โครงการที่บูรณาการเนื้อหาเข้าไปยังวิชาสอนปกติได้ โครงการที่สร้างภาระงานธุรการให้ครูผู้สอน โครงการที่ดึงเด็กมาทำกิจกรรมนอกโรงเรียน โครงการที่เต็มไปด้วยการว่าจ้างที่ปรึกษามากาง กาแล้วจิ้มทีละรายการรวมกันได้ 2,117 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย

สารพัดตั้งชื่อโครงการคนดีสกัดถูกตัด

นายวิโรจน์อภิปรายอีกว่า เพราะโครงการเหล่านั้น มักใช้เล่ห์เพทุบาย เอาชื่อที่ดูเหมือนเป็นคนดีมาเป็นเกราะป้องกันการตัดงบ พอดูรายละเอียดจะ
พบว่า โครงการเต็มไปด้วยภาระของครูและนักเรียน ซึ่งหลายโครงการไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของ ศธ. เพราะมีหน่วยงานอื่น เช่น หน่วยงาน ความมั่นคงรับผิดชอบอยู่แล้ว เช่น โครงการสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันยาเสพติด โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โครงการสร้างคุณธรรมจริยธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา โครงการเสริมสร้างระเบียบ วินัย คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทั้งที่ทำได้ผ่านการสอดแทรกในวิชาต่างๆ ไม่เห็นต้องแยกโครงการออกมาถลุงงบฯ เป็นต้น

แฉ กอ.รมน.แปะงบฯขอฝากเลี้ยง

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เช่น โครงการบริหารจัดการการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ โครงการพัฒนาสังคมพหุวัฒนธรรม เราอย่าดูแค่ชื่อ ต้องเจาะดูไส้ในของมันด้วย ดูเบื้องต้นล้วนมีหน่วยงานอื่น ไม่ว่ากองทัพหรือ กอ.รมน.ทำอยู่แล้ว มีภารกิจซ้ำซ้อนหลายภารกิจ หลายโครงการไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษา และน่าจะเป็นงบที่ กอ.รมน.เอามาฝากเลี้ยงเอาไว้ โดยคำว่า ศตวรรษที่ 21 เป็นคำที่เจอบ่อยในกระทรวงศึกษาธิการ และถ้าเรายังจัดงบกันแบบนี้ ผลการศึกษาของประเทศไทย จะตกต่ำไปตลอด ศตวรรษที่ 21 และพอพ้นศตวรรษที่ 21 ชื่อโครงการแบบเดิมก็ยังอยู่ แต่เปลี่ยนนามสกุลห้อยท้ายเป็น
ศตวรรษที่ 22 ไส้ในเต็มไปด้วยการจ้างที่ปรึกษา บังคับให้ครูอบรมในหัวข้อที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอน หลายภารกิจซ้ำซ้อนกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นอำนาจจากส่วนกลางและเขตพื้นที่การศึกษาในการใช้งบฯและอาจจะหวังเงินทอนเสียด้วย แต่มาถลุงเวลาครู

ต่อให้ตายเป็นเถ้าถ่านไม่โหวตผ่านให้

นายวิโรจน์กล่าวว่า มิติด้านการศึกษาประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่ไหงจัดงบแบบนี้ เหมือนกำลังบอกให้พ่อแม่ทุกคนยอมให้ลูกหลานตัวเองเรียนหนังสือแบบเดิมๆในระบบการศึกษาที่สิ้นหวัง ยอมจำนนให้กับอำนาจนิยมและการกดขี่ ยอมให้หลักสูตรที่ไม่ได้ปรับปรุงเป็นหลักสูตรล้างสมอง ขโมยเวลาชีวิตไปอย่างสูญเปล่า สุดท้ายเด็กๆต้องเติบโตขึ้นมาเป็นพลเมือง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าฝัน ไม่กล้าแม้แต่จะคิดตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจ เป็นแค่บ่าวไพร่ที่คอยทำงานตามคำสั่งของผู้เป็นนายแล้วค่อยๆแก่ตัวแล้วตายจากไปในประเทศที่ต้องสาปแห่งนี้ จะอภิปรายเรื่องการศึกษาครั้งสุดท้ายในสภาฯแห่งนี้ นี่คือเหตุผลที่ถึงตายกลายเป็นเถ้าถ่าน อย่างไรก็ไม่สามารถเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 ได้

“เพิ่มพูน” ลุกขอสนับสนุนงบ ศธ.

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ อภิปรายชี้แจงว่า ที่สมาชิกอภิปรายเป็นเรื่องที่เกิดก่อนรัฐบาลนี้จะเข้ามา ทุกข้อห่วงใยขอชี้แจงว่างบศธ. 5 ปีย้อนหลังแนวโน้มลดลง แม้ปีนี้ปรับเพิ่ม 0.31% ถ้าดูโครงสร้างงบส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่งบบุคลากรและเงินอุดหนุน รวมถึงค่าใช้จ่ายเงินลงทุน อีกส่วนหนึ่งที่บอกว่าเป็นปัญหา แต่เชื่อว่าเป็นความท้าทายการศึกษาที่ต้องประเมินร่วมกัน ไม่ว่าการเพิ่มความเสมอภาคทางการศึกษา หรือผลคะแนน PISA ที่ลดลง ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก บุคลากรคุณภาพการศึกษาไม่เพียงพอ ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องงบ ศธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามสร้างโอกาสการศึกษา นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก กำหนดนโยบายเพื่อให้นักเรียนเข้าถึงการเรียนการสอนที่มีความรู้เท่าเทียมกัน ภายใต้นโยบายเรียนดี มีความสุข เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาขยายการเรียนรู้ทุกช่วงวัย ตั้งใจที่จะนำระบบสอบเทียบกลับมาใช้อีกครั้ง เชื่อมั่นว่านโยบายการศึกษาตามที่แถลงต่อสภาฯ จะช่วยสร้างโอกาสความเสมอภาคทุกช่วงวัย จึงขอให้สมาชิกสนับสนุนงบฯ ปี 67 เพื่อผลักดันนโยบายเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบการศึกษาต่อไป

“หมิว” ร่ำไห้ขออย่าเมินงบกรมสุขภาพจิต

ช่วงเย็น น.ส.สิริลภัส กองตระการ สส.กทม. พรรค ก.ก.อภิปรายงบกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยเฉพาะการจัดสรรงบฯให้กรมสุขภาพจิตว่า
ได้แค่ 1.8% จากงบของ สธ. เงินอุดหนุนรายโครงการที่ดูแลสุขภาพจิตวัยรุ่นและวัยทำงานมีน้อย เทียบกับโครงการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติดโครงการเดียวได้งบฯถึง 1 ล้านบาท รัฐบาลต้องกลับไปทบทวนความคุ้มค่า ค่าตอบแทนที่จะสร้างแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่จิตเวชทำงานต่อไป ตอนท้าย น.ส.สิริลภัสถึงกับร้องไห้ อภิปรายทั้งน้ำตาว่า มีรอยกรีดอยู่ที่แขนทั้ง 2 ข้าง รักษาบำบัดโรคนี้มาหลายปี รอยกรีดนี้ไม่ได้กรีดแค่ที่แขนของตน พ่อกับแม่บอกว่ามันกรีดไปที่ใจเขาด้วย ในชีวิตนี้ทำมามากกว่า 3 ครั้ง วันนี้ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตต่อได้ มาเป็นผู้แทนฯพูดแทนประชาชน หากรัฐให้ความสำคัญกับปัญหานี้ จะรักษาบุคลากรที่ขับเคลื่อนประเทศนี้ได้มากมายแค่ไหน ขอเรียกร้องอย่ามองข้ามคนกลุ่มนี้ ทุกวันนี้มีคนพยายามฆ่าตัวตายอยู่ ขอให้ทำให้พวกเขาเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้พร้อมจะยืนเคียงข้าง ทำทุกวิถีทางให้เขามีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ได้ หลัง น.ส.สิริลภัสอภิปรายจบ สส.พรรค ก.ก.พากันเข้าไปให้กำลังใจ จับมือสวมกอด สส.บางคนพลอยร้องไห้ตาม น.ส.สิริลภัสไปด้วย

“เศรษฐา” ยันใส่ทั้งเงินใส่ทั้งใจให้ปักษ์ใต้

กระทั่งเวลา 18.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ชี้แจงว่าตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.มีเรื่องที่ติดใจอยู่ การดูแลพี่น้องภาคใต้ขอแยกเป็นเรื่องความมั่นคงและมั่งคั่ง การใส่เงินและการใส่ใจ ตั้งแต่เป็นนายกฯลงพื้นที่ภาคใต้มาหลายหน มีเมกะโปรเจกต์ใหญ่ๆ เช่น แลนด์บริดจ์ ขยายสนามบินภูเก็ต ไม่ใช่แค่ใส่งบฯอย่างเดียว การใส่ใจได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้ว 2 ครั้ง ไปพูดการสร้างสะพาน สร้างนิคมอุตสาหกรรม พัฒนาด่านตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ สอดคล้องกับความมั่นคงทำให้เหตุรุนแรงแรงน้อยลง สิ้นเดือนหน้าจะลง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปดูเรื่องเศรษฐกิจพร้อม รมว.การท่องที่ยวฯและ รมว.วัฒนธรรม 3 จังหวัดมีของดีอยู่มาก ถ้าใส่ใจหลายอย่างจะถูกนำขึ้นมาโปรโมตเชื่อว่าจะเกิดสิ่งดีๆ นำเงินเข้าประเทศได้เยอะ เช่น ปลาหน้าตก หรือปลานิลสายน้ำไหลมูลค่าสูงถึงตัวละ 3 พันบาท แต่ไม่มีใครโปรโมต จ.ยะลา มีสนามบินที่เปิดให้บริการโปรโมตให้นักท่องเที่ยวเข้ามา หวังว่าจะมีสายการบินไปเปิดบริการในอนาคต แต่เครื่องบินเจ็ตลงไม่ได้ ต้องล้ำแดนประเทศเพื่อนบ้าน จะไปเจรจาขอตอนเครื่องบินขึ้นลง มั่นใจ 4 ปีเป็นนายกฯจะมั่งคั่งมั่นคงได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน

ย้ำ 4 เพิ่ม 1 ลดยกระดับใช้ภาษีคุ้มค่า

จากนั้นเวลา 20.08 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวปิดการอภิปรายสรุปว่า แม้การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบฯจะถูกจัดทำใน
เวลาเร่งด่วน มีไฮไลต์สำคัญคือ 4 เพิ่ม 1 ลด คือ 1.เราจัดงบฯเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน 2.เพิ่มเงินลงทุนยกระดับชีวิตประชาชน 3.เงินคงคลังเพิ่มขึ้นจากการจ่ายเงินคืนเพื่อรักษาวินัยการเงินการคลัง และ 4.รายได้เพิ่มขึ้น มั่นใจเราจะขยายฐานภาษีได้จากการจัดเก็บรายได้ให้เป็นธรรมและ 1 ลด คือจะขาดดุลลดลง จะเป็นการลงทุนทางการเงินที่คุ้มค่า มั่นใจว่าแม้เหลือเวลาใช้งบฯปี 67 ไม่นาน แต่รัฐบาลจะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้คุณค่า มีเป้าหมาย ให้คุ้มกับเงินภาษีประชาชนทุกบาททุกสตางค์ ความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆขอฝากให้ กมธ.วิสามัญ นำไปประกอบการพิจารณาตรวจสอบรายละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ต่อมาหลังสภาฯลงมติร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 67 นายเศรษฐาเดินทางกลับ โดยยกมือทักทายสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกล่าวย้ำ 2 ครั้งว่า “Have a good weekend”

สภาผ่านวาระแรกงบฯปี 67 ฉลุย

เมื่อเวลา 20.11 น.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯเปิดให้แสดงตน โดยมีผู้แสดงตนทั้งหมด 495 คน จากนั้นได้เปิดให้ลงมติว่า จะ
รับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ.งบฯปีหรือไม่ โดยมีผู้เห็นด้วยจำนวน 311 คน ไม่เห็นด้วย 177 คน งดออกเสียง 4 คน และไม่ออกเสียง 0 คน ก่อนจะตั้งคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 จำนวน 72 คน มีสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี 1 ใน 4 หรือ 18 คนและอีก 54 คนเป็นสัดส่วนของพรรคต่างๆ ดังนี้ พรรคก้าวไกล 16 คน พรรคเพื่อไทย 15 คน พรรคภูมิใจไทย 8 คน พรรคพลังประชารัฐ 5 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 4 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติและพรรคไทยสร้างไทย พรรคละ 1 คน โดยกำหนดเวลาในการแปรญัตติ 30 วัน

“ไหม” ตอกย้ำงบฯ 67 สอดไส้ไม่ตรงปก

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงสรุปการอภิปรายงบฯ ปี 67 ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 67 ไม่สะท้อนว่ารัฐบาลจะแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ฝุ่น PM 2.5 อย่างไร มีการสอดไส้ไม่ตรงปก แทนที่จะมีแผนสร้างความสามารถการแข่งขันกับต่างประเทศ กลับแทรกแผนการสร้างถนน สร้างตึกเข้ามาแทน กรณีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่าเอกสารจากสำนักงบประมาณ ผิดเพียงแค่จุดเดียวที่เป็นการแสดงตัวเลข Nominal GDP ไม่ได้หักผลของเงินเฟ้อ ส่วนหน้าอื่นเป็น Real GDP หากยอมรับเป็นข้อผิดพลาดไม่ต้องถกเถียงกันถึง 2 วัน การคำนวณแบบนี้ไม่มีใครเขาทำ คาดหวังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง จะชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจมากกว่านี้แต่กลับให้นายจุลพันธ์ตอบอย่างน่าผิดหวัง ส่วนวิกฤติการณ์ด้านความมั่นคง ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม งบบุคลากรกองทัพยังคงเพิ่มขึ้น ยังเห็นจำนวนทหารที่เพิ่มขึ้นทุกปี เรื่องเรือดำน้ำเหมือนนายสุทินจะยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง เพราะชี้แจงว่า เราผิดสัญญาแต่ความจริงเราไม่ได้ผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียว วันนี้เกินระยะเวลาที่ต้องส่งมอบเรือดำน้ำแล้ว สรุปจะเอาอย่างไรกันแน่

“จุรินทร์” ฉะนายกฯเมินหน้าตาคนไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายงบฯปี 67 เป็นงบเป็ดง่อยว่า สะท้อนตามเนื้อผ้าตามข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบ ที่นายกฯพูดเรื่อง FTA สำเร็จในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องการไปพูดเปรียบเทียบกับ รมว.พาณิชย์คนใหม่ ไม่ประสงค์จะไปมีปัญหาอะไรกับใคร แต่ว่านายกฯเอามาชนกันเสียผู้ใหญ่เปล่าๆ เรื่องถุงเท้าแดง ถุงเท้าชมพู นายกฯพูดถูก ถุงเท้าสีอะไรทำงานได้ ถ้าเป็นรสนิยมทำงานส่วนตัวไม่เป็นไร แต่ถ้าปฏิบัติราชการแผ่นดินไปเจรจาความกับผู้นำต่างประเทศ นายกฯต้องตระหนักด้วยมันแบกหน้าคนไทยติดตัวไปด้วย คนไทยมีสิทธิ์จะมีความรู้สึกมีความเห็นได้ เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบ ต่างให้เกียรติกันและกัน

ซัด “ครูมานิตย์” องครักษ์แทนคุณนาย

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป.กล่าวถึงกรณีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาตอบโต้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.พรรค ปชป.ที่อภิปรายถึงคนติดคุกทิพย์ชั้น 14 ว่า ประชาชนเข้าใจดีว่า นายครูมานิตย์เป็นหนี้บุญคุณนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายจุรินทร์อภิปรายตรวจสอบงบเพื่อติติงรัฐบาลในฐานะผู้ใช้งบให้บริหารโปร่งใส เพราะประชาชนมีข้อสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มาแล้วกว่า 120 วันไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว นายจุรินทร์พูดถึงความเท่าเทียม การไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทั้งประเทศในการใช้งบ แล้วทำไมถึงพูดถึงการเลือกปฏิบัติที่ใช้งบดูแลผู้เสมือนถูกต้องขังเทวดาไม่ได้

“อนุสรณ์” เย้ย ปชป.ตกยุคอนาคตต่ำสิบ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 67 สส.รัฐบาลทำหน้าที่ได้อย่างสร้างสรรค์ มีเพียง สส.ฝ่ายค้านบางคนบางพรรคที่อาจมีปัญหา สอดคล้องกับที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ออกมายอมรับว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เป็นเอกภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ เห็นได้จาก สส.พรรค ปชป.บางคนไม่มุ่งเน้นเสนอแนะพยายามปลุกผีความขัดแย้งแบ่งแยก สร้างภาคนิยม จมปลักอยู่กับการผลิตวาทกรรมนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังซ้ำในสังคม เสียดสีโดยใช้คำว่า ทูนหัวของบ่าวหลายครั้ง เป็นการด้อยค่า สส.ที่ประชาชนเลือกมา ด้อยค่าสภา ด้อยค่าตัวผู้พูดเอง ทำงานการเมืองแบบโบราณหลงยุคขุดอดีตที่บิดเบือนขึ้นมาหาประโยชน์ได้ไม่คุ้มเสีย ทำให้พรรคตกต่ำจนอาจกลายเป็นพรรคต่ำสิบในอนาคตหรือไม่ ผู้ใหญ่ในพรรค ปชป.ควรเรียกไปอบรม ปล่อยให้เดินไปแบบนี้ยิ่งเสียหายหนักจนกู่ไม่กลับ

นายกฯเชื่อขยี้งบฯใต้ ปชป.ติเพื่อก่อ

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีพรรค ปชป.พุ่งเป้าจัดสรรงบฯไม่เท่าเทียม โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ว่า เป็นการติเพื่อก่อในหลายๆเคส และมีหลายเคสที่พยายามอธิบายไป ต้องเข้าใจว่างบฯปี 67 เรามีมรดกมาและเราพยายามทำให้ดีที่สุด ภาคใต้เชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์ดีอยู่แล้ว ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 ครั้ง ลงไป จ.ภูเก็ตหลายครั้ง งบฯเป็นเรื่องหนึ่งที่บ่งบอกถึงการจะทำให้พื้นที่มั่นคงมั่งคั่งขึ้นได้ แต่อีกเรื่องหนึ่งไม่อยากให้ลืมไปคือการใส่ใจ รัฐบาลจะดูแลประชาชนทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง จบ 4 ปีนี้เชื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนทุกภาคจะดีขึ้น เราต้องมาโฟกัสว่าจะทำอย่างไรจะดูแลประชาชนทุกภาคส่วนให้เท่าเทียมเสมอภาค ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นมากกว่า ไม่ใช่เรื่องงบฯอย่างเดียว

มติฝ่ายค้านคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 67

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้านประกอบด้วยพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พรรคเป็นธรรม พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และพรรคใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวถึงจุดยืนพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะโหวตไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 โดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก.ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงว่า เข้าสู่วันสุดท้ายของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นพ้องกันว่ากฎหมายงบประมาณไม่สะท้อนว่ารัฐบาลกำลังแก้ปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญ อาทิ วิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติสิ่งแวดล้อม ทำงบฯที่ไม่แตกต่างจากรัฐบาลเก่า และยังพบการสอดไส้งบฯ ไม่ตรงปก ไม่ตรงแผน ฝ่ายค้านได้วิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามและให้ข้อเสนอแนะ แต่คณะรัฐมนตรีชี้แจงไม่ตรงกับคำถาม ขาดวุฒิภาวะให้ข้อมูลที่บิดเบือน พรรคฝ่ายค้านจึงมีมติว่าจะลงมติไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้

รับงานกร่อยรอบหน้าเดือดศึกซักฟอก

เมื่อถามว่าจะมีบทลงโทษอย่างไร หากโหวตสวนกลับมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่มีบทลงโทษ เพราะเชื่อมั่นว่าอย่างไรก็โหวตไปในทิศทางเดียวกัน ทุกพรรคมีเอกภาพ ไม่มีการแตกแถว พรรคประชาธิปัตย์ได้คุยกันแล้วเมื่อวันที่ 2 ม.ค. มีมติจะไม่รับหลักการ เมื่อถามย้ำว่าหากมีเสียงแตกไปสนับสนุนงบฯจะทำอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า อย่าเพิ่งคิด มั่นใจว่าไม่มีเสียงแตกแน่นอน อย่างที่พรรค ปชป.ได้บอกไว้ถึงจะมี สส.ลาป่วย เราจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน และกลางปีจะมีร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 68 หวังว่ารัฐบาลจะไม่มีข้ออ้างจัดทำงบฯ ได้ประสานงานกับหัวหน้าพรรค ปชป.ว่าเราจะนัดประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ เพื่อวางแผนงานและเป้าหมายร่วมกัน เพื่อให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นเอกภาพ ส่วนที่หลายคนรู้สึกว่าการอภิปรายรอบนี้ยังไม่ได้ดุเดือด อยากจะบอกกับประชาชนว่าเป็นการประชุมร่าง พ.ร.บ.งบฯไว้ค่อยดูการอภิปรายซักฟอกที่ดุเดือดในอนาคต เพราะการอภิปรายงบฯควรจะให้ข้อมูลแก่ฝ่ายบริหาร และประชาชน ไม่ได้ดุเดือดเผ็ดร้อน

ปชป.ยันไม่ลงมติเห็นชอบให้

ด้านนายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบ คีรีขันธ์ พรรค ปชป. กล่าวว่า งบฯปี 67 ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศได้ งบฯทำฝนเทียมมีน้อย นักบริหารไม่มีใครออกมาพูดเรื่องฝนหลวงของกระทรวงเกษตรฯ หากยังอยู่ในลักษณะนี้ไม่ว่าภาคเกษตรกรหรืออุตสาหกรรม ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชนได้ ราคาพรรคประชาธิปัตย์ได้ลงมติแล้วว่า เราจะไม่รับหลักการ ขอฝากไปที่กรรมาธิการให้นำไปแก้ไขและดูแล

ไม่เชื่อมือนายกฯจะบริหารงบฯได้

ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า งบลงทุน 710,000 ล้านบาท ไปลงอยู่แค่ 4 กระทรวง คือกระทรวงคมนาคม กลาโหม มหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ และเป็นงบฯผูกพันจากรัฐบาลที่แล้ว งบการลงทุนที่เกิดในรัฐบาลนี้จริงมีเพียง 200,000 กว่าล้านบาท รัฐบาลที่แถลงไว้กับรัฐสภาวันที่ 11 ก.ย.66 คงไม่สามารถนำมาพัฒนาได้มาก การศึกษาของไทยได้งบน้อย อยากให้นำเงินมาลงทุนด้านการศึกษาและการสาธารณสุข ดูแลผู้สูงอายุ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เราไม่สามารถรับหลักการในร่าง พ.ร.บ.นี้

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า การตัดสินใจของพรรคฝ่ายค้านคือเสียงสะท้อนของประชาชน ต้องการการเปลี่ยนแปลงจากการบริหารจัดการประเทศ 9 ปีที่ผ่านมา เราไม่รับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เพราะยังไม่ไว้ใจการบริหารประเทศของนายกฯเศรษฐา เรายังไม่เห็นศักยภาพในการบริหารงบประมาณ

กฟผ.แจง สส.ก้าวไกลใช้ข้อมูลเก่า

วันเดียวกัน นายชัยวุฒิ หลักเมือง รองโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงกรณี สส.พรรคก้าวไกลอภิปรายฐานะการเงินของ กฟผ.ในที่ประชุมสภาฯพิจารณา พ.ร.บ.งบฯปี 67 ระบุสภาพคล่องกระแสเงินสดของ กฟผ.จะลดลงเหลือ 10,000 ล้านบาทในเดือน ต.ค. และจะติดลบเดือน ธ.ค. อ้างอิงข้อมูลมาจากรายงานการประชุมของ กฟผ.ว่า เป็นข้อมูลคาดการณ์เก่า ณ เดือน ต.ค.66 ใช้สมมติฐานรายรับจากค่าไฟฟ้าที่ใช้ตัวเลขสมมติฐานหน่วยละ 3.99 บาทจนถึงเดือน ธ.ค.67 ไม่ใช่ข้อมูล ณ ปัจจุบันของ กฟผ.ล่าสุดผลประกอบการและสถานะการเงินจริงของ กฟผ.ณ สิ้นปี 2566 มีกระแสเงินสด 91,000 ล้านบาท ไม่ใช่ 61,623 ล้านบาท ตามข้อมูลสมมติฐานที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ต.ค.2566 กฟผ.มีมาตรฐานการรักษาระดับเงินสดขั้นต่ำที่ต้องคงไว้ 60,000 ล้านบาท กฟผ.ต้องบริหารทางการเงินเพื่อรักษาระดับเงินสดให้อยู่ในระดับ 60,000 ล้านบาทอย่างเคร่งครัด

สมช.ไฟเขียว “บิ๊กรอย” นั่งเลขาฯ

เมื่อเวลา 16.10 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ทวีตภาพขณะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่รัฐสภา และข้อความผ่าน X ระบุว่า ที่ประชุมได้เห็น ชอบการแต่งตั้ง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แต่ยังมีกระบวนการอีกหลายขั้นตอนตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการก่อนนำเรื่องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

คปท.นัดม็อบกดดัน รบ.ช่วย “ทักษิณ”

เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สำนักงานพรรคไทยภักดี (ทภด.) ถนนนครอินทร์ จ.นนทบุรี เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ เข้าหารือกับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรค ทภด.เพื่อขยายแนวร่วมเคลื่อนไหวกรณีนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้สิทธิ์พักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยไม่ต้องเข้าไปรับโทษในเรือนจำ นายพิชิตกล่าวว่า ในวันที่ 12-14 ม.ค.นี้ คปท.นัดหมายประชาชนมารวมตัวกันชุมนุมแบบปักหลักค้างคืน ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อคัดค้านกรณีรัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้ น.ช.ทักษิณ ร่วมกันออกมาปกป้องกระบวนการยุติธรรม

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่