นายกฯพบ นศ.ไทยที่ ม.สแตนฟอร์ด ชวนกลับสู่มาตุภูมิ จัดคิวถี่ยิบพบซีอีโอยักษ์ใหญ่โลก “วอลมาร์ต-Western Digital-AWS-Google-Microsoft” ปลื้มปริ่มดึง 3 บิ๊กดาต้าฯลงทุนในไทย หวังกล่อม ChatGPT อีกราย ฟุ้งเม็ดเงินลงทุนพุ่ง 8.5 แสนล้าน “เศรษฐา” รอกฤษฎีกาวินิจฉัย มั่นใจได้แจกเงินหมื่นแน่ แย้มให้รอแถลงใหญ่แก้หนี้ทั้งระบบ “วันนอร์” พร้อมเปิดวิสามัญถกพ.ร.บ.กู้เงิน กมธ.เรียก “จุลพันธ์” ชี้แจง เจ้าตัวย้ำออกเป็น พ.ร.บ.เหมาะสมสุด มั่นใจเสียงรัฐบาลโหวตผ่าน “จุรินทร์” เย้ยวิกฤติปลอม กู้มาแจกแค่สนองหาเสียง “สมชัย” แซะเลิกดัดจริต แจกเป็นเงินสดจบๆไป “ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.ฟัน พท.เข้าข่ายหลอกลวง “ภูมิธรรม” หยอดอีก 4 ปีได้ใช้ รธน.ใหม่ “มายด์” ชงคำถามแก้ไขทั้งฉบับขอ ส.ส.ร.มาจากเลือกตั้งทั้งหมด กกต.ชักใบแดงแรก ฟันเด็ก ปชป. ศาลจำคุก 3 แกนนำม็อบ 9 เดือนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ใช้โอกาสในการเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย. พบปะหารือกับกลุ่มผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ ระดับโลก เจรจาดึงเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงใช้ไทยเป็นศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย นายกฯพบ นศ.ไทย ม.สแตนฟอร์ดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโกช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง) ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยังคงปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ที่นครซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย. พบปะหารือกับผู้บริหารและนักศึกษาไทยที่มาศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) เชิญชวนมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นพันธมิตรแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัยและการพัฒนา หลังมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในหลักสูตรอบรม Big Data หวังเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างคณะในมหาวิทยาลัยไทยในโครงการแลกเปลี่ยน (Faculty Exchange Program) เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่งหารือบิ๊กวอลมาร์ต-แอมะซอนต่อมาที่โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน นายเศรษฐาพบปะหารือกับภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ ประกอบด้วย ผู้บริหารบริษัท วอลมาร์ต (Walmart) บริษัทค้าปลีกสัญชาติอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้บริหารวอลมาร์ต คาดว่าในไตรมาสแรกของปีหน้าจะเดินทางไปเยือนเมืองไทย เพื่อไปหาสินค้าและวัตถุดิบใหม่ๆ หากไทยเห็นว่ามีสินค้าใดที่มีศักยภาพสามารถแนะนำได้ จากนั้นนายกฯพบปะผู้บริหารบริษัท Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิต Hard Disk Drive ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท และเป็นโรงงานผลิต HDD เพียงแห่งเดียวที่มีขั้นตอนการประกอบ การทดสอบขั้นสุดท้าย ฝ่ายไทยย้ำความพร้อมเปิดประเทศเพื่อรับการลงทุน โอกาสนี้บริษัทฯยังกล่าวชื่นชมมาตรการวีซ่าประเภทใหม่ของไทย “Long-Term Resident (LTR)” ที่เอื้อและเพิ่มความน่าดึงดูด และพิจารณาที่จะย้ายสำนักงานใหญ่มาตั้งที่ไทยด้วย รวมถึงพบปะหารือผู้บริหารบริษัท AWS (Amazon Web Services) ผู้บริหารบริษัท Google ดำเนินธุรกิจบริการด้านซอฟต์แวร์และโซลูชันชั้นนำระดับโลก และยินดีกับบริษัท Microsoft ที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลไทยรอกฤษฎีกามั่นใจได้แจกเงินหมื่นนายเศรษฐายังให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมแผนสำรองกรณี พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ในโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กรณีไม่ผ่านการตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า เชื่อว่าไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยที่กังวล แต่ประชาชนในต่างจังหวัดที่ประสบปัญหา ทุกคนคงเป็นห่วงว่านโยบายนี้จะเป็นอย่างไร เคยพูดไปแล้วว่าประเทศไทยสภาพเศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤติ จำเป็นต้องกระตุ้น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตถือเป็นนโยบายสำคัญที่เราจะผลักดันให้เกิดขึ้น เรามั่นใจว่าจะเกิดขึ้น เมื่อถามว่า นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงจุดยืนพรรคก้าวไกลไม่ได้ขัดขวางนโยบายแจกเงินดิจิทัล แต่อยากให้รัฐบาลเตรียมแผนสำรองไว้หากอยากเดินหน้าต่อ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่อยากบอกว่ามีแผนสำรองหรืออะไร แต่แน่นอนเราทำงานต้องมีหลายๆมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้โฟกัสเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตถือว่ารัฐบาลแสดงจุดยืนชัดเจนที่จะทำ ต้องคอยคณะกรรมการกฤษฎีกา และขออนุมัติจากรัฐสภาไม่อคติ ก.ก.น้อมรับความเห็นต่างเมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยังหวังว่าความเห็นต่าง ที่ได้สะท้อนออกมา อยากให้รัฐบาลมองอย่างไม่มีอคติ นายกฯตอบว่า ไม่มีอคติอยู่แล้ว ยืนยันว่าทุกคำแนะนำน้อมรับ อะไรที่เราแก้ไขได้ปรับปรุงได้ และตนก็ชัดเจนว่ารับฟังความเห็นของทุกฝ่าย ต้องขอบคุณสำหรับความหวังดีจากพรรค ก.ก.ให้รอแถลงใหญ่แก้หนี้ทั้งระบบนายเศรษฐากล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะคำนวณภาระหนี้ของลูกหนี้ที่ยังชำระไม่หมดให้กลับไปคำนวณเงินต้น และลูกหนี้ที่ชำระมากกว่า 150% สามารถหยุดจ่ายหนี้ได้ว่า นี่เป็นเรื่องนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวมของรัฐบาลนี้ ทั้งหนี้ กยศ. หนี้ครู หนี้นอกระบบ และเอสเอ็มอีที่ติดมาตรา 21 ประมาณปลายเดือน พ.ย. หรืออีก 2 สัปดาห์ จะแถลงใหญ่ถึงมาตรการแก้ไขหนี้ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ กยศ.อย่างเดียว เข้าใจว่าเป็นการแถลงรวมทั้งหมดให้ได้มากภาคส่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้อยากเห็นเด็กไทยกลับมาตุภูมินายเศรษฐากล่าวถึงการพบปะนักศึกษาไทยที่มาเรียน ม.สแตนฟอร์ด ว่าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นระดับท็อป ระดับมันสมองของประเทศ แต่ส่วนมากบอกว่าหลังสำเร็จการศึกษาแล้วจะหาประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศก่อนถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ทำให้มีความกังวลว่าคนเหล่านี้จะกลับไปทำงานที่ประเทศไทยหรือไม่ เป็นหน้าที่ต้องทำให้นักศึกษาเหล่านี้สบายใจว่าเมื่อกลับประเทศแล้วจะมีงานที่เหมาะสม มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นอนาคตที่ดีของประเทศต่อไป นักศึกษาเหล่านี้รักบ้านแต่ก็ห่วงอนาคตตัวเอง เมื่อกลับไทยอยากมีงานที่ดีรองรับ หลายคนเป็นนักศึกษาทุนต้องกลับไปใช้ทุน แต่หลายคนที่เรียนด้านวิจัย ทำงานงานวิจัยอยู่ที่สหรัฐฯจะมีรายได้สูงกว่า เพราะได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน หากกลับไปเมืองไทยรายได้ต่ำจึงกังวลเรื่องนี้ปลื้ม 3 บิ๊กดาต้าฯมาลงทุนในไทยนายกฯกล่าวว่า ส่วนการหารือกับผู้บริหารวอลมาร์ต ห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก มีความต้องการจะเปิดตลาดในไทยมากขึ้น พูดคุยถึงซอฟพาวเวอร์ไทยที่เป็นอาหารพื้นเมืองให้เข้าไปขายในวอลมาร์ต รวมทั้งอาหารฮาลาล ส่วนการพบปะกับบริษัท Western Digital เขาต้องการลงทุนเพิ่มในไทย และต้องการย้ายฐานการผลิตจากฟิลิปปินส์มาไทย ส่วนผู้บริหารบริษัท AWS บริษัทในเครือแอมะซอน เซ็นสัญญาเข้ามาลงทุนแล้ว จะเปิดดำเนินการเร็วๆนี้ เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะลงทุนเพิ่มเติมอีก ขณะที่การหารือกับ Google เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้มีการลงนามเอ็มโอยูกันเรียบร้อยแล้วที่จะมาทำดาต้าเซ็นเตอร์เช่นกัน สำหรับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่มาทำดาต้าเซ็นเตอร์ ได้แก่ AWS, Google และไมโครซอฟท์ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลไทย จะยกระดับภาคอุตสาหกรรมของไทยให้ได้รับการยอมรับในอนาคต พอใจกับการเดินทางมาสหรัฐฯครั้งนี้ หวังโน้มน้าวใจ ChatGPT อีกรายนายเศรษฐากล่าวต่อว่า มีโอกาสพบกับนายแซม อัลท์แมน ผู้บริหารสูงสุดของ Open AI เจ้าของ ChatGPT เป็นคนมีชื่อเสียงที่สุดในโลกคนหนึ่ง มีศูนย์วิจัย (Research Center) อยู่ที่อังกฤษ และสหรัฐฯ ยังขาดที่เอเชีย เราต้องโน้มน้าวให้เขาเข้ามาตั้งในไทย ถือเป็นภารกิจหลักที่จะทำให้สำเร็จต่อไป ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมคาดว่า Open AI จะสนใจ จ.เชียงใหม่ หรือ จ.ภูเก็ต เพราะเป็นจังหวัดที่มีระบบนิเวศ (ecosystem) ที่เหมาะสม แต่ยังต้องดูประเด็นอื่นประกอบ และทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ไม่สามารถไปบังคับกำหนดทิศทางได้ ส่วนตัวเชื่อว่าการที่ผู้บริหารสูงสุดเบอร์ 1 เปิดโอกาสให้พบ แสดงว่าเขาสนใจประเทศไทย ทั้งนี้ ได้สั่งให้ทีมงานสรุปแผนการชักชวนนักลงทุนต่างชาติในรอบ 3 เดือน ว่านักลงทุนรายใดลงทุนแล้ว ใครอยู่ลำดับไหน ใครเพิ่งจีบกันหรือใครได้ชวนไปดูหนังแล้ว เรื่องที่ไทยจะผลักดันในเวทีการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก คือเรื่องเศรษฐกิจ BCG เป็นเรื่องใหญ่ที่ไทยผลักดันมาตั้งแต่การประชุมเอเปก 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้ยังมีกำหนดการหารือกับผู้นำออสเตรเลีย ญี่ปุ่น แคนาดา และรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา ที่มีบทบาทสำคัญให้สหรัฐฯไปลงทุนข้ามชาติในไทยฟุ้งแต่ละบริษัทลงทุนนับแสน ล.นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวถึงความสำเร็จการมาเยือนสหรัฐฯในครั้งนี้ว่า เกิดการลงทุนในไทยจาก 3 บริษัทชั้นนำระดับโลก คือ AWS, Microsoft และ Google ด้วยมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อบริษัท นายกฯมุ่งมั่นนำเสนอนโยบายของรัฐบาล และศักยภาพของไทยต่อบริษัทชั้นนำในหลายประเทศ เพื่อให้เกิดการลงทุนในไทย เห็นเป็นผลสำเร็จในการเดินทางครั้งนี้ เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของความสำเร็จ รัฐบาลยังดำเนินการต่อเนื่องในการเชิญชวนบริษัทชั้นนำร่วมลงทุนในไทย เปิดศักยภาพของประเทศ กำหนดนโยบายที่ดึงดูดการลงทุน เพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั่วโลกปลื้มปริ่มดึงเงินลงทุน 8.5 แสน ล.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานของนายกฯ ได้สรุปผลการเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปกในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายเศรษฐาได้พบปะหารือกับผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก สามารถดึงเงินลงทุนเข้ามาในไทยได้มหาศาล ดังนี้ 1.ดึงเงินลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ แต่ละบริษัทลงทุนประมาณ 5 พันล้านเหรียญ หรือราว 170,000 ล้านบาท โดยได้ดึง Microsoft Google AWS Tencent และ Alibaba มา 850,000 ล้านบาท เท่ากับ 4.8% ของจีดีพี 2.ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางด้าน AI ของภูมิภาค 3.สร้างความพร้อมในการพัฒนาให้ไทยเป็น smart city 4.ดึงให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องขยายการผลิตในไทย เช่น ผู้ผลิต Hardisk Drive 5.สร้างงานเป็นจำนวนมาก 6.ทำให้เกิดการพัฒนาความรู้ความสามารถสำหรับโลกอนาคต เช่น AI Cloud Infra structure และ Robotics 7.สร้างความต้องการมหาศาลให้เกิดการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า พลังงานสะอาด (renewable) และเกิดการใช้พลังงานที่ประเทศไทยผลิตเกินทำให้ค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าลดลง 8.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้รัฐบูรณาการข้อมูลให้บริการประชาชนได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการนำ AI มาช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น และ 9.ลดการซ้ำซ้อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐสภาฯพร้อมเปิดวิสามัญ ก.ม.กู้เงินด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการที่รัฐบาลเตรียมออก พ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หากรัฐบาลส่งมาที่สภาฯ แต่ยังอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม จะต้องขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ว่า ขึ้นอยู่กับ พ.ร.บ.กู้เงินของรัฐบาลที่จะเสนอมา หากเป็นเรื่องเร่งด่วนก็ขอให้สภาฯเปิดประชุม วิสามัญได้ หากรัฐบาลขอมาสภาฯพร้อมให้ความร่วมมือ เพราะเป็นเรื่องสำคัญของประชาชน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับรัฐบาล “พิชัย” ชี้แก้ ศก.ถดถอยต้องกระตุ้นนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น่าเป็นห่วงว่าเงินเฟ้อของไทยในเดือน ต.ค. ติดลบที่-0.31% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 25 เดือน หลังจากที่เงินเฟ้อของไทยขยายตัวต่ำมา 5 เดือนติดต่อกัน การที่เงินเฟ้อต่ำจนมาติดลบและน่าจะติดลบต่อเนื่องนี้ เป็นสัญญาณอันตรายว่าคนไทยขาดกำลังซื้อ เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) และอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรากฏ และเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำกว่าคาดการณ์มากไม่ถึง 2% ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่สหรัฐฯอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยอีก ยิ่งทำให้เราต้องหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นกำลังซื้อของประชาชน ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและภาวะเศรษฐกิจถดถอย อยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันคิดและหาทางแก้ปัญหานี้เร่งด่วน ก่อนเศรษฐกิจไทยจะทรุดหนัก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยปีละ 1.9% เท่านั้น ต่ำกว่าศักยภาพมาก หากเป็นเช่นนี้จะพัฒนาได้ช้ามาก และจะล้าหลังกว่าประเทศอื่นมาก ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้นกมธ.เรียก “จุลพันธ์” แจง ก.ม.กู้เงินวันเดียวกันที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร มีนายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการเงินฯ เป็นประธานการประชุมเชิญนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง มาให้ข้อมูลโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท นายณัฐพงษ์ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมว่า กมธ.เป็นห่วงหลายประเด็น เพราะมีทั้งผู้คัดค้านและเห็นด้วย ทั้งเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน หลักเกณฑ์แจกเงิน ต้องการสอบถามว่าเหตุใดต้องออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน ไม่ออกเป็น พ.ร.ก.หรือใช้แหล่งเงินอื่น เช่น เงินในงบประมาณ แต่การกู้เงินสามารถทำได้ เพราะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังบอกชัดเจนว่า หากเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือต้องการรักษาเสถียรภาพการเงินสามารถกู้เงินได้ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเรื่องเร่งด่วน นอกจากนี้ อาจเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาชี้แจงต่อไปออก พ.ร.บ.กู้เงินวิธีเหมาะสมนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า รัฐบาลมองว่าช่องทางออก พ.ร.บ.กู้เงินเป็นช่องทางเหมาะสม ได้รับการตรวจสอบจากรัฐสภา เป็นเรื่องดีหากมีการตรวจสอบจากองค์กรอิสระก่อนดำเนินการ เมื่อถามว่ามีแผนสำรองหรือไม่ถ้ากฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านสภา นายจุลพันธ์ตอบว่า ไม่มี ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินหน้า พ.ร.บ.กู้เงิน มุมมองทางข้อกฎหมายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับการตีความ ส่วนที่มองว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องจีดีพีในระยะยาวได้นั้น เราเชื่อมั่นกลไกที่เป็นตัวเงินผ่านระบบดิจิทัล และมีเงื่อนไขกำหนดจะทำให้เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจที่มากกว่าแน่นอน ขณะนี้ไทยอยู่ในสถานะถดถอย จำเป็นต้องพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เข้มแข็งรองรับเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมั่นใจเสียงรัฐบาลช่วยโหวตผ่านเมื่อถามว่าหาก พ.ร.บ.กู้เงินไม่ผ่านจะเกิดความเสี่ยงทางการเมืองหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า เราเชื่อมั่นเสียงในฝั่งรัฐบาล จริงๆฝ่ายค้านไม่ได้ปฏิเสธนโยบาย แต่อาจมีข้อสงสัยในกระบวนการ ทุกคนเห็นความเดือดร้อนของประชาชน และสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศที่เปราะบาง ส่วนการให้องค์กรอิสระมีส่วนตรวจสอบนโยบายรัฐบาลนั้น ยินดีให้ตรวจสอบพร้อมไปชี้แจง วันนี้เราพร้อมชี้แจงคลายข้อสงสัยกับองค์กรอิสระ เพราะโครงการใหญ่ เริ่มชัดเจน ตอบได้ทุกประเด็น เราไม่ได้อยู่ในความประมาทและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย วันนี้เราปรับเปลี่ยนรูปแบบบางประเด็น พยายามปรับให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จสูงสุด ยืนยันว่าไม่มีการทยอยจ่ายแน่นอน “จุรินทร์” เย้ยวิกฤติปลอมกู้มาแจกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ฟังการชี้แจงของทางรัฐบาลว่าทำไมต้องออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ กับเหตุผลที่อ้างว่าจำเป็นเร่งด่วนเพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังวิกฤตินั้น มันยังย้อนแย้งกันอยู่ เกิดคำถามว่าถ้าโครงการนี้จำเป็นเร่งด่วนตามที่นายกฯและรัฐบาลกำลังพยายามอ้าง คำถามคือ ทำไมจึงไม่ออกเป็น พ.ร.ก.เสียเลย เพราะสามารถบังคับใช้ได้ทันที แต่การออกเป็น พ.ร.บ.ยังต้องผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลานาน เชื่อว่ายังจะมีปัญหาในภาคปฏิบัติตามมาอีกมาก ฉะนั้น รัฐบาลควรบอกประชาชนตรงๆว่าอะไรคือเหตุผลที่แท้จริง ต้องการถ่วงเวลาหาเงิน หรือเพราะรู้ว่าเสนอเป็น พ.ร.ก.ก็อาจจะมีปัญหา เพราะไม่ได้จำเป็นเร่งด่วนจริง เป็นแค่เรื่องก่อหนี้เพื่อสนองนโยบายหาเสียงพ.ร.บ.ไม่ผ่านผู้นำต้องรับผิดชอบนายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่านโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ดี ต้องยอมรับว่าในช่วงข้ามขั้วทางการเมือง เครดิตและความเชื่อมั่นของพรรคเพื่อไทยกลายเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อข้ามขั้วแล้วนโยบายและผลงานถือเป็นสิ่งสำคัญ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะถอยไม่ได้ในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันถ้าเดินหน้าก็ต้องถูกกระบวนการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน เช่น ป.ป.ช. เมื่อถามว่าหากสุดท้ายกฎหมายไม่ผ่านสภารัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างไร นายยุทธพรตอบว่า ตามธรรมเนียมนายกฯในฐานะหัวหน้ารัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ แม้ว่ากฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าต้องทำอย่างไรในกรณีกฎหมายสำคัญไม่ผ่าน แต่คงต้องแสดงความรับผิดชอบแซะเลิกดัดจริตแจกเงินดิจิทัลขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ใครจะเก็บเงินดิจิทัลไว้หมุนหลายรอบ ในเมื่อแลกเป็นเงินสดแล้วใช้ประโยชน์ได้มากกว่า แนวความคิดตื้นๆของรัฐบาลคือเมื่อออกเงินดิจิทัล 500,000 ล้านบาท ลงไปในระบบเศรษฐกิจ จะวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลนำไปสู่สังคมไร้เงินสด ให้เศรษฐกิจพัฒนายกระดับสูงขึ้น ถามคนที่ถือเงินดิจิทัล เขาจะถือต่อ ใช้ต่อให้เกิดพายุหมุนหรือหากเป็นร้านในระบบภาษีที่มีสิทธิแลกเป็นเงินสดคืนจากรัฐ เขาจะถือต่อหรือรีบแลก คำตอบคือไม่มีใครอยากถือต่อ เพราะศักดิ์ศรีเงินสองแบบแตกต่างกัน เงินสดจ่ายหนี้ ค่าแรงลูกน้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าเทอม ซื้อเหล้ากิน ซื้อทองซื้อเพชรเก็บได้ ลงทุนซื้อหุ้นกู้ ซื้อพันธบัตร และมีดอกเบี้ย ฯลฯ แต่เงินดิจิทัลกลับถูกเงื่อนไขต่างๆที่รัฐบาลพันธนาการไม่สามารถจ่ายรายการสารพัด กลายเป็นเงินชั้นสองในสังคม อาจถูกตีราคาการซื้อสินค้าที่ต่ำกว่าเงินสด “อุตส่าห์คิดจนหัวแตก สร้างนวัตกรรมใหม่ทางการเงิน แค่คิดตื้นๆแบบนี้คิดไม่ออก มีข้อเสนอคือแจกเงินสด ไม่ต้องดัดจริตดิจิทัล”“ศรี” ร้อง กกต.ฟัน พท.หลอกลวงที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 73 (5), (1) ประกอบมาตรา 159 หรือไม่ นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ช่วงหาเสียงเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ทวีสิน พูดมาตลอดว่าจะไม่กู้เงินมาใช้กับโครงการนี้ แต่จะใช้การบริหารงบประมาณปกติ แต่กลับจะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เห็นว่าเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาลงคะแนนเสียงให้หรือไม่ เรื่องนี้ท้าทาย กกต.อย่างมากว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ กกต.เคยยกคำร้องลักษณะนี้ไปแล้ว ระบุว่าไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ นายศรีสุวรรณตอบว่า ตอนนั้นเขาอ้างว่าเป็นการใช้เงินงบประมาณปกติ แต่การจะออกเป็นกฎหมายกู้เงิน ถือว่าเข้าข่ายความผิดแล้ว และวันที่ 17 พ.ย.จะไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพราะอาจเข้าข่ายความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้ “อิ๊ง” มุ่งสร้างตัวตนประเทศไทยวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวบรรยายพิเศษ “Soft Power The Great Challenger” ในการสัมมนา “THAILAND 2024 : beyond RED OCEAN เส้นทางใหม่ เป้าหมายใหม่ที่มั่นคง”จัดโดยประชาชาติธุรกิจและประชาชาติธุรกิจออนไลน์ว่า ในช่วง 10 ปีหลัง มีทั้งเกาหลีและจีนเข้ามาอยู่ในใจเราเรื่องซอฟต์พาวเวอร์มากขึ้น โปรโมตสิ่งต่างๆในรูปแบบวัฒนธรรมผ่านภาพยนตร์ สถานที่ท่องเที่ยว โซเชียลมีเดียต่างๆทำให้เราได้เห็นและโอบรับวัฒนธรรมนั้นโดยไม่รู้ตัว พื้นที่ว่างของซอฟต์พาวเวอร์ยังมีอยู่เสมอ แค่เราเริ่มแล้วต้องไม่หยุด โจทย์ใหญ่คือ เราจะทำอย่างไรให้ต้นทุนวัฒนธรรมที่เรามี สร้างซอฟต์พาวเวอร์ที่นำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เราจะตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า Thacca- Thailand Creative Content Agency ประกอบไปด้วยคณะอนุกรรมการทั้งหมด 12 คณะ อาทิ แฟชั่น หนังสือภาพยนตร์ ขับเคลื่อนด้วยนโยบาย “1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์” ต้องมีนโยบายต่างประเทศเชิงรุก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานสำคัญที่รับผิดชอบร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้ประเทศไทยกลับมามีตัวตนอีกครั้ง เพื่อยกระดับชีวิตพี่น้องประชาชนสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง41 คนไทยพ้นเล้าก์ก่ายกลับบ้านที่สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีกระทรวงกลาโหมเปิดเผยแผนการรับคนไทยที่ถูกล่อลวงไปทำงานในเมืองเล้าก์ก่าย รัฐฉาน ประเทศเมียนมา 41 คน จาก จ.ท่าขี้เหล็ก กลับประเทศไทยว่า ต้องรอเวลา 1-2 วัน ประมาณวันที่ 16-17 พ.ย. เราต้องพยายามต่อไปเพื่อช่วยเหลือคนไทยกลับมาให้ได้ ขณะที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ล่าสุดกองทัพบก (ทบ.) เตรียมแผนรับคนไทย 41 คนไว้แล้ว คาดจะส่งตัวกลับได้ภายในวันที่ 17 พ.ย. ทบ.ได้ใช้กลไกความร่วมมือด้านการทหารประสานขอให้ทหารว้า เคลื่อนย้ายคนไทยกลุ่มนี้ส่งมอบให้กับทหารเมียนมาส่งต่อมายัง จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ส่วนคนไทยที่ยังติดอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย กระทรวงการต่างประเทศประสานการกับเมียนมาและจีน เพื่อขอรับตัวกลับโดยเร็วที่สุดมท.1 สั่งห้ามงุบงิบออกโฉนดเมื่อเวลา 09.00 น. ที่อาคารรังวัดและทำแผนที่ กรมที่ดิน จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ประจำปีงบฯ 2567 ก่อนปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ออกสำรวจและรังวัดที่ดินให้เป็นมาตรฐานครอบคลุมทั่วประเทศ นายอนุทินกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2528 ถึงปัจจุบันกรมที่ดินสำรวจออกโฉนดที่ดินให้ประชาชนทั่วประเทศไปมากกว่า 14 ล้านแปลง มากกว่า 70ล้านไร่ โครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐ เจ้าหน้าที่ต้องซื่อสัตย์สุจริต รอบคอบ ระมัดระวัง ขออย่าออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ต้องห้าม ทั้งป่าไม้ ที่สาธารณประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐอื่นๆเป็นอันขาด อย่าเรียกรับผลประโยชน์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม พึงระลึกไว้เสมอว่า เป้าหมายของเราคือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขถ้วนหน้าขึ้นบัญชีจังหวัดผู้มีอิทธิพลอื้อที่กระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลครั้งที่ 1/2566 โดยที่ประชุมรับทราบรายงานบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลจากคณะกรรมการระดับจังหวัด 66 จังหวัด มี 10 จังหวัดที่ประเมินแล้วไม่พบผู้มีอิทธิพล เป็นพื้นที่สีเขียว ส่วนจังหวัดที่เหลือจัดอยู่ในพื้นที่ต้องสงสัยเป็นผู้มีอิทธิพล หรือพื้นที่สีแดงและสีเหลือง แบ่งตามพฤติการณ์การกระทำผิด โดยส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รองลงมาคือนายทุนปล่อยกู้นอกระบบ บุกรุกที่ดินสาธารณะหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เปิดบ่อนพนันออนไลน์ รวมถึงยังได้รับรายงานว่ามีรายชื่อบุคคลต้องสงสัยเป็นผู้มีอิทธิพลมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย “ภูมิธรรม” ย้ำอีก 4 ปีใช้ รธน.ใหม่ช่วงสายที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เป็นประธานประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน นายภูมิธรรมกล่าวภายหลังการประชุมว่า การรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ กทม.เรียบร้อยแล้ว วันนี้มีกลุ่มตัวแทนสลัมสี่ภาค กลุ่มพีมูฟ กลุ่มหลากหลายทางเพศ กลุ่มสมัชชาคนจน กลุ่มไอลอว์ เป็นต้น บรรยากาศเป็นไปด้วยดี เปิดให้เสนอเต็มที่ ความเห็นหลักวันนี้คือ แก้ทั้งฉบับไม่มีข้อจำกัด ได้ชี้แจงและอธิบายเพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือการเมือง และเรื่องนี้กระเทือนพระราชอำนาจ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ต้องนำมาพูด เพราะจะกลายเป็นความขัดแย้งไม่จบสิ้นทำให้การแก้ไขยาก ยืนยันในหลักการรัฐบาลที่เสนอต่อรัฐสภาคือไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 และไม่กระทบกับพระราชอำนาจ วันที่ 20 พ.ย. จะไปรับฟังภาคอีสาน วันที่ 23 พ.ย.ไปภาคตะวันออก วันที่ 28 พ.ย. ไป จ.เชียงใหม่ วันที่ 7 ธ.ค. ไป จ.สงขลา รัฐบาลยืนยันแน่วแน่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออกกฎหมายลูกให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ปี และเลือกตั้งใหม่“มายด์” ชงคำถามแก้ไขทั้งฉบับน.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มราษฎร กล่าวหลังเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าจะให้ดีต้องตั้งคำถามประชามติว่าสามารถเขียนใหม่ทั้งฉบับ และสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มันถึงจะตอบโจทย์ว่า คืนอำนาจกลับมาให้ประชาชนอย่างแท้จริง และให้ประชาชนเป็นผู้กำหนด จัดสรรอำนาจใหม่ ส่วนหมวด 1 หมวด 2 จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในคำถามประชามติ ควรไปคุยในชั้น ส.ส.ร.หรือในรัฐสภาน่าจะดีกว่า เพราะจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การทำประชามติของการแก้ไขและรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเดินไปได้ ดังนั้นในส่วนตัวควรหยุดถกเถียงเรื่องนี้ก่อนหวั่น ก.ม.ประชามติทำตกม้าตายนายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเห็นชอบให้ทำประชามติ 2 ครั้ง ต้องพิจารณาทั้งในแง่กฎหมายและประเด็นทางการเมือง ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ส่วนตัวคิดว่าต้องทำประชามติ 2-3 ครั้ง ที่หนักใจคือเรื่องของการทำประชามติ เพราะมีกฎหมายประชามติเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดเรื่องของการรณรงค์ให้มีการโนโหวต นั่นคือ ให้อยู่บ้าน ไม่ออกมาใช้สิทธิ ทำให้เสียงประชามติไม่ถึงกึ่งหนึ่ง และเป็นไปได้จะตกม้าตายตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลย แต่ถ้าเสียงขั้นตอนแรกเกินกึ่งหนึ่ง ขั้นที่ 2 ก็ต้องเกินกึ่งหนึ่งอีก เมื่อถามว่า ต้องแก้ไขกฎหมายประชามติก่อนใช่หรือไม่ นายยุทธพร ตอบว่า มีโอกาสที่จะต้องทำอย่างนั้นกกต.ชักใบแดงฟันเด็ก ปชป.วันเดียวกัน เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ น.ส.เกศกานดา อินช่วย ผู้สมัคร สส.เขต 16 กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และนางดวงฤดี พันธุ์สมตน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง พร้อมดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสอง หลังไต่สวนแล้วรับฟังได้ว่า นางดวงฤดีผู้ถูกร้องที่ 2 ประธานหมู่บ้านร่มทิพย์ และผู้ช่วยหาเสียงของ น.ส.เกศกานดา ผู้ถูกร้องที่ 1 ติดต่อผู้ร้องให้หารายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยจะให้เงินคนละ 500 บาท เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ น.ส.เกศกานดา ปรากฏหลักฐานตามคลิปเสียงการสนทนาและจากแอปพลิเคชันไลน์ อันควรเชื่อได้ว่า น.ส.เกศกานดาก่อหรือสนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นางดวงฤดีให้เงินเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง ฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของ กกต.ยังได้สั่งให้กันผู้ร้องในคดีไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีศาลจำคุก 3 แกนนำม็อบ 9 เดือนที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลมีคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องรุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ขอนแก่น เป็นจำเลย 1-3 ฐานมั่วสุมเกิน 10 คน ให้เกิดความวุ่นวายตาม ป.อาญา ม.215 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง กรณีร่วมชุมนุม “ตีหม้อไล่เผด็จการ” เรียกร้องสิทธิประกันตัวให้กับนักกิจกรรมทางการเมือง ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร วันที่ 10 ก.พ.2564 ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อาญา ม.215 กีดขวางทางสาธารณะ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 700 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกคนละ 9 เดือน ปรับคนละ 525 บาท ไม่รอลงอาญา และให้ยกฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทำร้ายเจ้าพนักงาน ทำให้เสียทรัพย์ และ พ.ร.บ.ความสะอาด ต่อมาได้รับการประกันตัวไปในราคาคนละ 25,000 บาทอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่