รัฐบาลใหม่เครื่องร้อน “เศรษฐา-สุทิน-ปานปรีย์” ตั้งวงหม่ำมื้อเที่ยงว่าที่ ผบ.เหล่าทัพ นำโดย “บิ๊กอ๊อบ-บิ๊กต่อ-บิ๊กดุง” มากันพร้อมหน้า ขาดเพียง “บิ๊กไก่” ติดภารกิจไปต่างประเทศ แนะนำตัวหวังประสานความร่วมมือ “สุทิน” โวกองทัพพร้อมทำตามนโยบายรัฐบาล มั่นใจลดการเกณฑ์ทหารเห็นผลทันที จ่อยกเครื่องงานพีอาร์กลาโหม “นิพัทธ์” ตอบรับเทียบเชิญนั่งผู้ช่วย รมว.กห. พท.ยันเงินหมื่นให้งวดเดียวจบ นายกฯนัด 17 รมต.เพื่อไทยกินข้าวก่อนลุยงาน ตอบแทน สส.สอบตกช่วยงานเป็นเลขาฯ รมต. “ภูมิธรรม” ลุ้นดึงผู้นำจิตวิญญาณช่วยรัฐบาล โพลชี้ 3 นโยบาย พท.คนไม่เชื่อว่าทำได้ ขอรัฐบาลใหม่ส่งเสริมท่องเที่ยว

รัฐบาลใหม่เครื่องร้อน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง พร้อมนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นัดว่าที่ ผบ.เหล่าทัพรับประทานมื้อเที่ยง ถือโอกาสแนะนำตัวพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อประสานความร่วมมือการทำงานร่วมกัน และรวบรวมความเห็นนำไปบรรจุเป็นแนวนโยบายของรัฐบาลชุดนี้

...

“เศรษฐา” หม่ำมื้อเที่ยงเหล่าทัพ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 ก.ย.ที่โรงแรมโรสวูด เพลินจิต กทม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ ได้เชิญว่าที่ ผบ.เหล่าทัพคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง อาทิ “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด ว่าที่ ผบ.ทหารสูงสุด “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. ว่าที่ ผบ.ทบ. “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ ว่าที่ ผบ.ทร. ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน มีเพียง “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผช.ผบ.ทอ. ว่าที่ ผบ.ทอ. ที่ไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากติดภารกิจไปต่างประเทศ

แนะนำตัว-ประสานความร่วมมือ

มีรายงานว่าบทเจรจาระหว่างการรับประทานอาหาร การพูดคุยเป็นไปอย่างเป็นกันเอง เพื่อแนะนำตัวและทำความรู้จักกับว่าที่ ผบ.เหล่าทัพคนใหม่ เน้นไปที่การรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากว่าที่ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล และกองทัพ โดยเฉพาะให้สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมือง ก่อนนำมาบรรจุไว้ในนโยบายภาพรวมของรัฐบาลที่มี 11 พรรคการเมืองร่วมกันขับเคลื่อน รวมถึงชี้แจงเหตุผลที่เลือกนายสุทินมาทำหน้าที่ รมว.กลาโหม ทั้งนี้ก่อนหน้านี้นายกฯเคยพูดคุยในเรื่องการทำงานระหว่างรัฐบาล และกองทัพมาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม การนัดหมายดังกล่าวไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามทำข่าว

โวกองทัพพร้อมทำตามนโยบาย

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับว่าที่ ผบ.เหล่าทัพว่า พูดคุยกันถึงสถานการณ์ของประเทศ สอบถามปัญหาและแลก เปลี่ยนความต้องการของแต่ละฝ่าย ทางฝ่ายการเมืองแจ้งว่าอยากผลักดันนโยบายต่างๆ อาทิ การเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ ร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชนมากยิ่งขึ้น รวมถึงสอบถามความต้องการของกองทัพว่ามีความต้องการอยากให้รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องใดบ้าง รวมถึงมีความกังวลหรืออุปสรรคอะไรเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพมีความเห็นไปทิศทางเดียวกับรัฐบาล ที่เขาเองก็ปรับปรุงองค์กรมาตลอด ไม่ขัดข้องอะไรและยินดีปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนจะทำได้ช้าหรือเร็ว จะสะท้อนให้รัฐบาลทราบถึงข้อติดขัดให้รัฐบาลช่วย

ลดการเกณฑ์ทหารเห็นผลทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ นายสุทินตอบว่า จะเห็นผลเป็นรูปธรรมในทันที ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจในเดือน เม.ย.2567 ที่จะมีการเกณฑ์ทหารอีกครั้ง จะเห็นอัตราการเกณฑ์ทหารลดลงจากเดิมอย่างแน่นอน และจะค่อยๆหมดไปจนเหลือเพียงการเข้ากองทัพแบบสมัครใจ รวมถึงการปรับลดขนาดกองทัพ ที่สังคมมองว่ามีนายพลมากเกินไปนั้น เท่าที่คุยกับทางกองทัพเขามีแผนปรับลดในส่วนนี้อยู่ ภายในปี 2570 หรือในรัฐบาลนี้กองทัพจะกระชับลง จำนวนนายพลจะหายไปจำนวนมาก ส่วนจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์นั้นกองทัพกำลังทำตัวเลขมาให้ดู ที่ผ่านมาเขามีแผนอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์และเท่าที่ได้พูดคุยกันเมื่อนายกฯได้ฟังความเห็นของกองทัพแล้วมีความสบายใจ

จ่อยกเครื่องงานพีอาร์กองทัพ

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับการมาคุมกองทัพ นายสุทินตอบว่า เดิมหนักใจ แต่มาถึงตอนนี้สบายใจขึ้นมาก เพราะการทำงานกับคนมีวินัยเขาพูดง่าย เท่าที่ได้พูดคุยกับว่าที่ ผบ.เหล่าทัพ ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดใหม่ๆ ถือเป็นจังหวะที่ดีของตนได้เข้าไปพัฒนา ส่วนนโยบายที่จะเอาทหารออกมาเพิ่มบทบาทการพัฒนาให้เป็นที่พึ่งประชาชน เขาก็ตอบรับว่าเป็นภารกิจกองทัพอยู่แล้ว ความยากจนเป็นภัยชนิดหนึ่งกองทัพยินดีปฏิบัติ เช่น ใช้ทหารเข้ามามีส่วนร่วมแก้ภัยแล้งเขาก็พร้อม นำที่ดินของทหารที่ไม่ได้ใช้งานมาให้ประชาชนทำกิน หรือให้หน่วยงานอื่นไปใช้ประโยชน์ เช่น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งน้ำเขาก็ยินดี แต่รัฐบาลต้องจัดระเบียบปฏิบัติให้ รวมถึงเรื่องปราบยาเสพติด ทหารเคยรับบทบาทนี้มาตลอด ยินดีสนองนโยบายรัฐบาล โดยทั่วไปถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ทำให้มั่นใจว่ากองทัพจะมีบทบาทออกมาช่วยแก้ปัญหาประเทศร่วมกับรัฐบาล และจากการพูดคุยสิ่งที่ทั้งฝ่ายการเมืองและกองทัพเห็นตรงกันคือ กองทัพต้องมีการยกเครื่องงานประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมากองทัพทำเรื่องที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก แต่สังคมรับรู้อีกอย่างทำให้มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกองทัพ

เล็ง “นิพัทธ์” เลขานุการ รมว.กห.

นายสุทินกล่าวด้วยว่า หลังจากพูดคุยกับว่าที่ผบ.เหล่าทัพแล้ว จะไปพบกับ พล.อ.อ.สุกําพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม รวมถึง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต รมว.กลาโหม และกำลังประสานเข้าพบ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯและ รมว.กลาโหม รวมถึงพบปะกับนักวิชาการด้านความมั่นคง อาทิ นายสุรชาติ บำรุงสุข นายปราโมทย์ นาครทรรพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นแง่มุมต่างๆด้านความมั่นคงต่อไป

มีรายงานว่า ตำแหน่งเลขานุการ รมว.กลาโหม ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม ตามรายงานหนึ่งในนั้นมีชื่อ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่วมอยู่ด้วย

“นิพัทธ์” ตอบรับ “บิ๊กทิน” ทาบทาม

ด้าน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เชิญไปพูดคุยแล้ว แจ้งให้ทราบว่าจะให้มาช่วยงานที่กระทรวงกลาโหม ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยได้มอบหมายงานในบางส่วนให้แล้ว เป็นนโยบายของรัฐบาล อาทิ การปรับวิธีการคัดเลือกทหารกองเกิน การปรับโครงสร้างกองทัพ การทำหน่วยทหารให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงมากขึ้น โดยหน่วยทหารใดที่มีโรงพยาบาลทหารให้เปิดรับรักษาประชาชนเพิ่มมากขึ้น การใช้พื้นที่ของทางราชการทหารให้เป็นประโยชน์ทางด้านการเกษตรมากขึ้น และการทำกองทัพให้ทันสมัย เป็นต้น ปัจจุบันหน่วยทหารเราไม่ได้ไปรบกับใครแล้ว แต่ละประเทศต่างทำมาหากินกัน ประเทศเพื่อนบ้านเราก็พูดกันรู้เรื่องหมด เราเป็นเพื่อนกันหมดแล้ว ทหารก็มาทำให้ประชาชนได้กินอิ่มนอนอุ่นกัน เตรียมยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้

พท.ยันเงินหมื่นให้งวดเดียวจบ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า โซเชียลมีเดียทางการของพรรคเพื่อไทย โพสต์ชี้แจงประเด็นโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล ระบุว่า กระแสข่าวแบ่งจ่ายเงินในนโยบาย Digital Wallet เป็นหลายงวด เป็นความเห็นส่วนตัวในเชิงวิชาการ พรรคเพื่อไทยยืนยัน 10,000 บาท “งวดเดียว” สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ กระตุ้นทั้งการบริโภคและการลงทุนทั่วประเทศ

“เศรษฐา-หมอมิ้ง” ย่องดูห้องทำงาน

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่คาดว่าจะเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อดูห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า แต่ยังไม่มีการนำเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ส่วนตัวเข้าไปแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดตึกไทยคู่ฟ้าไว้รอรับแล้ว ขณะที่นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางเข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อดูห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 ด้วยเช่นกัน

นัด รมต.พท.กินข้าวก่อนลุยงาน

มีรายงานเพิ่มเติมจากพรรคเพื่อไทยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ได้นัดรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้ง 17 คน มาร่วมทานข้าวเที่ยงที่พรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 ก.ย. เพื่อพบปะพูดคุยเตรียมความพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ และเป็นการแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน เพราะถือเป็นการเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาครั้งแรก หลังได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรี สำหรับการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อเข้ารับหน้าที่ ทางรัฐมนตรีได้รับการประสานจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้เข้าไปเตรียมความพร้อมที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เวลา 10.30 น. วันที่ 5 ก.ย. เพราะได้รับการแจ้งเปลี่ยนเวลาเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน จากเดิมเวลา 17.00 น. เป็นเวลา 14.00 น.

ตอบแทนอดีต สส.ช่วยงาน รมต.

ทั้งนี้หลังจากมีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางพรรคเพื่อไทยจะเร่งจัดทำรายชื่อข้าราชการทางการเมือง เพื่อเข้าไปช่วยงานรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด อาทิ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี โดยพรรคให้ความสำคัญกับผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง คนที่ทำงานกับพรรคมาเป็นเวลานาน เช่น บรรดาอดีต สส. หรือคนที่อยู่ในส่วนกลางของพรรค ให้เข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว รายชื่อที่มีการวางตัวไว้ อาทิ นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี นายคุณากร ปรีชาชนะชัย อดีต สส.สุรินทร์ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต สส.กทม. นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา อดีต สส.กทม. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

ลุ้นดึงผู้นำจิตวิญญาณช่วยรัฐบาล

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐ มนตรี ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอย่างไรว่า เราคงห้ามผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ มีทางเดียวที่ทำได้คือต้องพิสูจน์จากการทำงานว่าเราตั้งใจจริง เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกัน ความเป็นจริงจะคลี่คลายเอง เวลาและสถานการณ์จะคลี่คลายด้วยตัวมันเอง เมื่อถามว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องแก้โจทย์ใหญ่ของประเทศ จำเป็นต้องปรึกษาหารือกับนายทักษิณ เพื่อหาทางออกประเทศหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ต้องดูข้อกฎหมายอนุญาตให้ทำทั้งการร่วมมือกัน การอำนวยประโยชน์ที่มีส่วนเกี่ยวกันกับพรรคการเมืองทำได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าทุกคนยอมรับสิ่งนี้ได้ ถ้ากฎหมายอนุญาตให้ทำได้ ก็ไม่รีรอที่จะคุย และใช้ทรัพยากรของท่านให้ท่านได้มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ ดังนั้นถ้าพรรค การเมืองสามารถใช้ทรัพยากรที่มีคุณค่าจากท่าน ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการระดมกำลังช่วยสร้างชาติได้อย่างแท้จริง

“เศรษฐา” ควบคลังมุ่งแก้เศรษฐกิจ

เมื่อถามว่าทำไมนายกฯนั่งควบ รมว.คลัง นายภูมิธรรมตอบว่า กระทรวงการคลังเป็นหัวใจของการบริหารจัดการเศรษฐกิจทั้งหมด เมื่อนายกฯลงมาดูเองก็เป็นหัวใจหลักการบริหารของรัฐบาลที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแก้เศรษฐกิจครั้งนี้ยากลำบาก ต้องการลงแรงที่หนัก ความเอาใจใส่ความใกล้ชิด ระยะเริ่มต้นกระทรวงนี้สำคัญต่อทุกกระทรวง ทุกกลไก การที่นายกฯต้องควบ รมว.คลัง เพราะยึดมั่นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได้ยึดมั่นการแสวงหาอำนาจ เมื่อถามถึงการวางตัวนายสุทิน คลังแสง นั่ง รมว.กลาโหม มีหลักคิดอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง ชี้ให้เห็นถึงการเมืองศิวิไลซ์มากขึ้นหรือไม่ไม่รู้ ว่ากันไป ขอให้ดูระยะยาว วันนี้เรากล้าริเริ่มเปิดประตูบานแรก จะมุ่งมั่นและทำให้เต็มที่ ถ้าทำได้และต่อเนื่องไป ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเมืองไทยในอนาคต เชื่อว่า รมว.กลาโหมที่เป็นพลเรือน จะสร้างมิติการเมืองใหม่เกิดขึ้น

รทสช.ลุยตามนโยบายที่หาเสียง

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงนโนบายพรรค รทสช.ที่จะบรรจุไว้ในนโยบายภาพรวมของรัฐบาลว่าเป็นนโยบายที่พรรคได้หาเสียงไว้ และพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยแล้วเพื่อให้นโยบายสอดคล้องกัน แต่ต้องรอแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาก่อน อย่างกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลังอดีตปลัดกระทรวงการคลังถือว่ามีประสบการณ์เยอะ ไปช่วยทำนโยบายในภาพใหญ่ของรัฐบาลอย่างเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท และที่คุยกันบางเรื่องที่เห็นว่าดี อย่างเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ควรเก็บไว้ แต่จะออกมารูปแบบไหนอย่างไร นายกฤษฎาพูดคุยอยู่จะไม่ทำให้คนเดิมที่เคยได้ต้องเสียโอกาส ส่วนเรื่องพลังงานการลดค่าไฟ ลดค่าครองชีพเป็นนโยบายเราตั้งแต่หาเสียงไว้แล้ว เตรียมการบ้านไว้พอสมควรถือเป็นข่าวดี ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม พรรคประกาศนโยบายหารายได้เข้าประเทศ ก็ต้องไปส่งเสริมทางอุตสาหกรรมใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และดึงนักลงทุนเข้าประเทศ ขยายฐานนิคมอุตสาหกรรม การอำนวยความสะดวกขอใบอนุญาตวันสต็อปเซอร์วิส และส่งเสริมการลงทุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพด้วย เหล่านี้เตรียมไว้หมดแล้ว ทุกอย่างเป็นนโยบายรัฐบาลทั้งหมด

ชาวสวนมังคุดตั้งตารอ “ผู้กอง”

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีกำหนดการลงพื้นที่ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกรชาวสวนมังคุด หลังจากราคามังคุดตกต่ำหนักเหลือเพียง กก.ละ 5 บาท จนต้องมีการนำมังคุดไปเททิ้งบนถนนเป็นการประชด โดย ร.อ.ธรรมนัสจะไปรับฟังปัญหากับชาวสวนมังคุดเพื่อนำไปแก้ปัญหาต่อไป เกษตรกรรายหนึ่งกล่าวว่า เชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัสจะช่วยแก้ปัญหาได้ หากไม่ยึดติดกับเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวของกลุ่มทุนที่มีการสนับสนุนนักการเมืองก็แก้ได้ไม่ยาก เพียงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดราคามังคุดจะไม่ตกต่ำถึงขนาดนี้ วิธีการของกลุ่มทุนที่รับซื้อผลไม้มังคุด เงาะ ทุเรียน ที่มีเพียงไม่กี่เจ้าเขาแบ่งพื้นที่กันชัดเจน ห้ามยุ่งเกี่ยวข้ามพื้นที่เด็ดขาด ในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีล้งใหญ่หรือนายทุนใหญ่อยู่เพียงคนเดียว แบ่งไปให้เครือข่ายรายย่อยรับซื้อในแต่ละอำเภอแต่ละจุด สั่งการกดราคารายวัน เครือข่ายทุกล้งฟังนายทุนใหญ่คนเดียว ราคาส่งออกปัจจุบันสูง กก.ละหลายสิบบาท ตามห้างใหญ่ราคาสูงถึง กก.ละ 140-170 บาท แต่มาซื้อจากเกษตรกรแค่ กก.ละ 5-8 บาท

3 นโยบาย พท.คนไม่เชื่อว่าทำได้

วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “นโยบายพรรคเพื่อไทย ทำได้หรือไม่?” สำรวจระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่านโยบายที่อยากได้มากที่สุด คือ พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ทั้งต้น ทั้งดอกทันที รองลงมาได้แก่ รายได้ต่อครัวเรือนไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570 จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน มีโรงพยาบาลประจำเขต ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 จัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดนำร่อง รถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย และการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้ยังพบว่ามี 3 นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าทำได้ ได้แก่ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570 ขณะที่นโยบายรายได้ต่อครัวเรือนไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน มีอัตราส่วนที่เท่ากันระหว่างเชื่อว่าทำได้ กับไม่เชื่อว่าทำได้

ขอรัฐบาลใหม่ส่งเสริมท่องเที่ยว

ด้านสวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “รัฐบาลใหม่กับการท่องเที่ยว” จำนวน 1,114 คน ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.-1 ก.ย. พบว่า ในช่วง Green Season (ช่วงฤดูฝน) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ร้อยละ 40.13 มีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยว จังหวัดที่อยากไปมากที่สุด คือ เชียงใหม่ รองลงมาคือเพชรบูรณ์ โดยคาดว่ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปต่อคนประมาณ 7,932.52 บาท และเห็นด้วยหากภาครัฐจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วง Green Season สำหรับสิ่งที่ควรดำเนินการ คือ มีมาตรการหรือกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนี้โดยเฉพาะ ส่วนสิ่งที่กังวลในการท่องเที่ยวช่วง Green Season คือ สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอาจกระทบต่อการเดินทาง และสิ่งที่อยากฝากบอกรัฐบาลชุดใหม่ คือ ควรมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีลักษณะเฉพาะถิ่นในแต่ละภูมิภาค

“ชัยชนะ” โวชาวระยองตอบรับดี

อีกเรื่อง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นคร ศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ช่วย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขต 3 หาเสียงว่า หลังแกนนำและบุคคลสำคัญของพรรค อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรค นายทรงศักดิ์ มุสิกอง สส.นคร ศรีธรรมราช ลงพื้นที่ช่วย นพ.บัญญัติ พบว่าประชาชนให้การตอบรับดีมาก มีประชาชนส่วนหนึ่งมาบอกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเลือกไปเพราะกระแสวาทกรรมที่สร้างขึ้น โดยไม่ได้ดูละเอียดถี่ถ้วนว่าผู้ที่ได้รับเลือกนั้นมีปัญหาคุณสมบัติตามข้อกฎหมาย จึงอธิบายไปว่าการเลือกตั้งซ่อมคราวนี้เป็นโอกาสดีที่จะกลับมาเลือก นพ.บัญญัติ ที่มีประวัติซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีข้อด่างพร้อยให้เป็นที่ครหา เป็นนักการเมืองมีคุณภาพสมควรได้กลับไปทำหน้าที่ในสภา เพื่อผลักดันปัญหาให้ได้รับการแก้ไข เป็นแนวทางที่สามารถทำได้จริง มากกว่าบางพรรคที่หวังเอาคะแนนเสียงเฉพาะหน้าเท่านั้น

“พงศธร” ปูดมีเก็บบัตรประชาชน

ที่ จ.ระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำคณะลงพื้นที่ช่วยนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขต 3 หาเสียงไปตามถนนเส้นหลักหลายจุด ของ อ.แกลง ก่อนพบปะประชาชนที่วัดกระแสบน ล่องเรือชมตัวลั้ง กิ้งก่าขนาดใหญ่สายพันธุ์หนึ่งที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวใน ต.กระแสบน ก่อนที่ช่วงเย็นจะเปิดเวทีปราศรัยหน้าตลาดนัดตึกขาว ได้รับความสนใจจากชาวระยองที่เดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก นายพงศธรกล่าวปราศรัยว่า ตลอดเส้นทางการพบปะประชาชนทั้ง 2 อำเภอ 19 ตำบล ได้กำลังใจจากทุกคน เราต่างมีเป้าหมายเดียวกัน วันที่ 10 ก.ย.นี้ เรามีนัดกันที่หน่วยเลือกตั้ง 207 หน่วย ช่วยกันกาก้าวไกลให้ถล่มทลาย แต่ทราบข่าวว่าขณะนี้เริ่มมีหัวคะแนนมาจดรายชื่อและเก็บบัตรประชาชนบ้างแล้ว มีคลิปเสียงส่งมาให้บ้างแล้ว ขอแรงคนที่มีเบาะแสในลักษณะนี้ มาช่วยกันทำให้การเมืองสร้างสรรค์ ยิ่งได้หลักฐานเยอะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินเรื่องต่อกับ กกต. และตำรวจ ไม่เชื่อว่าเราจะแพ้เงิน

“พิธา” ขอด้อมส้มอย่าให้ฟันหลอ

ด้านนายพิธากล่าวว่า ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง จันทบุรี ตราด เป็นสีส้มด้วยกันทั้งหมด ที่ระยองมีทั้ง 5 เขตที่เป็นสีส้มมาแล้ว การเลือกตั้งซ่อมวันที่ 10 ก.ย.นี้ อย่าปล่อยให้เขต 3 เป็นฟันหลอ ไหนๆก็ส้มแล้วก็ให้ส้มต่อทั้งจังหวัด ถ้าพี่น้องเชื่อในคุณค่า วิธีคิด นโยบาย และการทำงานการเมืองแบบพรรคก้าวไกลแบบนี้ เอาไปผลิตซ้ำได้เลย ช่วยกันประชาสัมพันธ์ในโค้งสุดท้าย ช่วยกันบอกต่อ ไม่ว่าอยู่ในหรือนอกพื้นที่ ให้วันที่ 10 ก.ย. มาใช้สิทธิให้ถล่มทลายอีกครั้ง รักษาคุณค่าของความเป็นระยองไว้ การเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว และในวันที่ 10 ก.ย. เราจะมาฉลองชัยชนะของเราไปด้วยกัน