จ.เชียงใหม่ วันนี้ไม่ได้มีดีเพียงทะเลหมอก หรือภูเขาสูง ให้ได้รับไอหนาวชุ่มฉ่ำเย็นสบาย...!แต่ยังมีโบราณสถานสำคัญและศาสตร์ศิลป์สถาปัตยกรรมงดงามแห่งหนึ่งเป็นวัดร้างอายุกว่า 700 ปี ในสภาพทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ไม่ได้ทำให้ “วัดล่ามช้าง” ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ ด้อยค่าลงแต่อย่างใดเล่ากันว่ามีมาแต่ครั้ง พญามังรายมหาราช กษัตริย์แคว้นล้านนา สร้างบ้านแปงเมืองเชียงใหม่ ราวปี พ.ศ.1835-1839 ช่วงเตรียมก่อสร้าง ประทับ ณ เวียงเล็ก หรือเวียงเชียงมั่น ปัจจุบันคือ วัดเชียงมั่นพระองค์ทรงเชิญ พญาร่วง หรือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แคว้นสุโขทัย และ พญางำเมือง กษัตริย์แคว้นพะเยา มาปรึกษาหารือด้วย เมื่อสร้างเสร็จ ขนานนามเมืองว่า “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่”สันนิษฐานว่า ด้านทิศตะวันออก เป็นป่าไม้มีหนองน้ำใหญ่ น่าจะเป็นที่ล่ามช้างราชพาหนะ และของข้าราชบริพาร เรียกกันว่า “เวียงเชียงช้าง” เมื่อทรงย้ายไปนครเวียงพิงค์ จึงสร้าง “วัดล่ามช้าง” ไว้เป็นอนุสรณ์พร้อมกับปั้นรูปช้างถูกล่าม เป็นสัญลักษณ์ของวัด นอกจากนี้ ยังมีเสาหินที่เคยล่ามช้างทรงอยู่ด้วยเวลาต่อมา กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ ได้จากวัดร้างต่างๆนับร้อยองค์ไว้ในวิหารแบบล้านนาประยุกต์สร้างเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนพระครูปลัดอานนท์ วิสุทโธ เจ้าอาวาสวัด เล่าว่า พระแต่ละองค์งดงามทรงคุณค่า จึงต้องทำกรงเหล็กป้องกันการถูกโจรกรรม โดยเฉพาะ “พระเจ้ามุกดอกไม้ สมปรารถนาศรีเมืองเชียงใหม่” หน้าตัก 39 นิ้วสร้างในพิธีเฉลิมฉลองนครเชียงใหม่ ครบ 720 ปี เมื่อปี พ.ศ.2559 โดยรวบรวมดอกไม้นานาชนิด น้ำหนัก 1,500 กก. นำมาบดและผสมมวลสาร จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งในประเทศและจากทั่วโลก แล้วอัดเป็นองค์พระหลังจากนิมนต์เกจิล้านนา ทำพิธีปลุกเสก จึงนำไปประดิษฐานให้ประชาชนกราบไหว้สักการะเดือนมีนาคม-เมษายน จะส่งกลิ่นหอมไปทั่ววิหารอย่างน่าอัศจรรย์ ใครอยากสัมผัสไปได้ช่วงนั้น...!ชัยพินธ์ ขัติยะ