พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เร่งสอบพยานคดีสาวใหญ่ถูกทางเลื่อนสนามบินดอนเมืองหนีบขาขาดต้องรอผลตรวจที่เกิดเหตุจากกองพิสูจน์หลักฐานเป็นสำคัญ พร้อมจัดทีมเข้าสอบปากคำเหยื่อที่ รพ.บำรุงราษฎร์ เช้าวันที่ 1 ก.ค.ด้านวิศวกรรมสถานฯ ลงพื้นที่เกิดเหตุตรวจสอบ สันนิษฐานสาเหตุอาจเกิดจากมีวัสดุตกหล่นไปขัดบริเวณปลายหวี ทำให้ล้อกระเป๋าเดินทางไปติดเกิดการขัดตัวจนปลายหวีแตกหักและหลุดเข้าไปในระบบทางเลื่อนอัตโนมัติ เป็นเหตุให้ไปง้างแผ่นพื้นทางเลื่อนจนนอตที่ล็อกแผ่นพื้นกับรางขาด ทำให้มีช่องว่างกว้างพอให้ขาผู้บาดเจ็บหล่นลงไปได้ ด้านลูกชายเหยื่อโพสต์เศร้า ขอบคุณทุกกำลังใจ เผยการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่ทีมแพทย์หวั่นติดเชื้อต้องดูแลใกล้ชิดนอนห้องปลอดเชื้อ นอกจากนี้ยังเป็นห่วงสภาพจิตใจ เพราะร่ำไห้หวั่นการดำเนินชีวิตในอนาคต ขอหมอด้านจิตวิทยาช่วยดูแลแม่แล้ว
กรณีทางเลื่อนอัตโนมัติภายในอาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมืองเกิดอาการสะดุดทำให้ น.ส.สุพรรณี กิตติรัตนา อายุ 57 ปี ผู้โดยสารที่ยืนอยู่บนทางเลื่อนกำลังไปขึ้นเครื่องบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 552 เดินทางกลับ จ.นครศรีธรรมราช ล้มลงพร้อมกระเป๋าเดินทาง เท้าหลุดเข้าไปใต้ทางเลื่อน เป็นเหตุให้ขาซ้ายขาดช่วงเหนือหัวเข่าไม่สามารถต่อกลับมาใช้งานได้ นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผอ.ท่าอากาศยานดอนเมือง ออกมาแสดงความเสียใจ ประกาศรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายให้เหยื่อเต็มที่ พร้อมเร่งตรวจสอบอุบัติเหตุสยองเกิดขึ้นได้อย่างไร ขณะที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง เริ่มสอบสวนว่า มีผู้ใดเข้าข่ายความผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่
ความคืบหน้าจาก สน.ดอนเมือง เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมือง กล่าวว่า พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง กำลังเร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง แต่ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เพื่อพิจารณาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นความผิดบกพร่องตรงไหนหรือไม่ ความรับผิดชอบนั้นเป็นของการท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบว่า บริษัทเอาท์ซอร์ซ (outsource) ที่ดูแลทางเลื่อนดำเนินการตรวจสอบการใช้งานอย่างไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ พนักงานสอบสวนส่งหนังสือไปยังบริษัทดังกล่าวแล้ว เพื่อขอสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
...
“ขณะนี้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหาย เมื่อเช้าโทรศัพท์ไปสอบถามกับทางญาติผู้เสียหายทราบว่า ขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ห้องไอซียูโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยังไม่พร้อมให้การ วันที่ 1 ก.ค. ผมกับพนักงานสอบสวนจะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อน” ผกก.สน.ดอนเมืองกล่าว
ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) ซอยรามคำแหง 39 เวลา 14.30 น. นายบุญพงษ์ กิจวัฒนาชัย ที่ปรึกษาคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) แถลงข่าวอุบัติเหตุทางเลื่อนอัตโนมัติที่สนามบินดอนเมืองทำให้มีผู้บาดเจ็บ นายบุญพงษ์กล่าวว่า หลักการทำงานและความแตกต่างของทางเลื่อนอัตโนมัติและบันไดเลื่อน แตกต่างกันเห็นได้ชัด 2 เรื่องคือ มุมที่วัดจากแนวระนาบสำหรับทางเลื่อนอัตโนมัติจะไม่เกิน 11 องศา เพื่อให้แผ่นพื้นเรียบ หากมุมแนวระนาบเกินกว่านี้ต้องทำแผ่นพื้นให้เป็นขั้นบันไดเลื่อน และข้อแตกต่างการรับน้ำหนัก ทางเลื่อนอัตโนมัติ 1 แผ่นพื้นสามารถรับน้ำหนักได้ 160 กก. ส่วนบันไดเลื่อนจะรับน้ำหนักได้ 75 กก.ต่อคน ทั้งนี้น้ำหนักที่ใช้ออกแบบสำคัญกับการออกแบบอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยทั้งระบบบันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติ นอกจากนี้อุปกรณ์ยังปลอดภัยตามมาตรฐานสากล EN115
“จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเช้า การบำรุงรักษาของสนามบินดอนเมืองและผู้ตรวจสอบ (QA) ของระบบบันไดเลื่อนทั้งหมดพบว่า ทางเลื่อนอัตโนมัติและอุปกรณ์ต่างๆสมบูรณ์ดี บำรุงรักษาอย่างถูกวิธีตามมาตรฐาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาต้องตรวจสอบการทำงานของระบบก่อนเปิดใช้งานทุกวัน จึงไม่เป็นเหตุให้ระบบบันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ดังนั้นการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว สันนิษฐานเป็นลำดับได้ว่า อาจเกิดจากการมีวัสดุตกหล่นไปขัดอยู่บริเวณปลายหวี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ล้อกระเป๋าเดินทางไปติดอยู่ที่ปลายหวีด้วย เมื่อล้อกระเป๋าเดินทางไม่สามารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ จึงเกิดการขัดตัวจนปลายหวีแตกหักและหลุดเข้าไปในระบบทางเลื่อนอัตโนมัติ เป็นเหตุให้ไปง้างแผ่นพื้นทางเลื่อนเกิดกระตุกจนนอตที่ล็อกแผ่นพื้นกับรางเลื่อนขาด ทำให้มีช่องว่างกว้างพอให้ขาผู้บาดเจ็บหล่นลงไปในช่องว่าง ขณะที่ทางเลื่อนยังทำงานตามปกติ” นายบุญพงษ์กล่าว
นายบุญพงษ์กล่าวด้วยว่า ส่วนระบบเซ็นเซอร์ของทางเลื่อนยังทำงานตลอดเวลา แต่หากจะให้เซ็นเซอร์หยุดทำงานโดยอัตโนมัติต้องใช้เวลา 20 วินาที ทำให้เกิดการบาดเจ็บดังที่ปรากฏตามเป็นข่าว อย่างไรก็ตามวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ มีความจำเป็นต้องแสวงหาข้อเท็จจริงโดยละเอียดและมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชนต่อไป นอกจากนี้ ยังฝากเตือนประชาชนในการใช้ทางเลื่อนอัตโนมัติและบันไดเลื่อน 4 ข้อ 1.มีสติ 2.หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์สื่อสารระหว่างอยู่ที่บันได 3.เอามือจับราวบันได และ 4.หากตรวจพบเสียงดังผิดปกติให้หยุดใช้บันไดทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤตย์ กิตติรัตนา ลูกชาย น.ส.สุพรรณี กิตติรัตนา ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทางเลื่อนสนามบินดอนเมือง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว kit kit ระบุข้อความว่า “สวัสดีครับทุกท่าน ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงได้ข่าวกรณีผู้โดยสารหญิงประสบอุบัติเหตุบนทางเลื่อนสนามบินดอนเมืองจนทำให้ขาขาด เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจขณะนี้ ผู้โดยสารหญิงท่านนี้คือคุณแม่ของผมเองครับ ก่อนอื่นครอบครัวต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครอบครัวในตอนนี้จริงๆ เมื่อวานคือวันที่เกิดเรื่อง ครอบครัวอยู่ในความตกใจและเศร้าเสียใจ แต่เราต้องรีบตั้งสติบริหารจัดการวิกฤติที่เกิดกับครอบครัวเราให้เร็วและดีที่สุด
หลังเกิดอุบัติเหตุ พวกเรายังไม่ได้พูดคุยถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ แต่โฟกัสที่การรักษาเพื่อกู้ภาวะวิกฤติเป็นความสำคัญอันดับแรก เนื่องจากคุณแม่เสียเลือดมาก ยังไม่มีโอกาสออกมาให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามสื่อที่ติดต่อมาทางครอบครัวอย่างเป็นทางการ ตอนนี้เราเริ่มตั้งสติได้บ้างแล้ว อยากมาให้ข้อมูลเบื้องต้น เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน ผ่านจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่บีบหัวใจครั้งนี้มันยากกับครอบครัวเราจริงๆ ยังคงตกใจและเสียใจทุกครั้งที่เห็นข่าว หรือตอนคิดถึงอาการคุณแม่ แต่พวกเรายังต้องสู้เพราะคุณแม่ก็กำลังสู้เหมือนกัน
...
เมื่อวานเหตุเกิดช่วงเช้า คุณแม่ได้รับการผ่าตัดช่วงเย็นที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ รพ.ที่ครอบครัวและคุณแม่มีประวัติรักษาอยู่ ครอบครัวต้องขอขอบพระคุณทีมงานแพทย์ทุกๆท่าน ตั้งแต่ที่สนามบินดอนเมือง โรงพยาบาลภูมิพลฯ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่ช่วยชีวิตคุณแม่ไว้ คุณแม่ออกจากห้องผ่าตัดช่วงค่ำ ผลผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจในขั้นต้น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าจะเป็นการผ่าตัดครั้งสุดท้าย ทีมแพทย์แจ้งว่าเรายังคงต้องรอดูอาการ ภาวนาให้ไม่มีอาการติดเชื้อหรือเนื้อตาย ที่ต้องทำให้ต้องผ่าเปิดแผลและตัดเนื้อออกอีก กว่าจะทราบผลต้องรอเวลาอีกหลายวัน
สภาพกำลังใจของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์น่าเป็นห่วง เรามีโอกาสพูดคุยกับท่านนิดหน่อยทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากท่านยังต้องพักในห้องปลอดเชื้อ คุณแม่ยังแสดงความเข้มแข็งออกมาทั้งสีหน้าและน้ำเสียง แต่เราทราบดีในใจลึกๆท่านแตกสลาย เพราะอยู่ๆต้องเสียขาไป ครอบครัวขอภาพกล้องวงจรปิดจากสนามบินแต่ยังไม่ได้รับ คาดว่ากำลังผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน สิ่งที่ต้องยอมรับว่าครอบครัวกังวลมากที่สุดจริงๆคือ สภาพจิตใจและชีวิตในระยะยาว เพราะครอบครัวทราบดีว่าเราไม่สามารถทำให้ขาของคุณแม่กลับมาเหมือนเดิม หรือชีวิตกลับมาเหมือนเดิมได้ ขอให้คุณหมอช่วยพิจารณาจัดทีมนักจิตวิทยาเข้าช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น
คุณแม่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะอาการเจ็บแผล แต่เพราะยังจินตนาการถึงชีวิตที่มีขาข้างเดียวไม่ได้ ครอบครัวจึงหลีกเลี่ยงการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางสนามบินจัดการเรื่องสืบค้นสาเหตุต่อไป ครอบครัวหวังว่าจะเป็นไปด้วยความโปร่งใสและเที่ยงธรรม ในฐานะคนเป็นลูกโดยเฉพาะตอนพบคุณแม่ครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์ ภาพที่เห็นคือ เจ้าหน้าที่ถือกล่องโฟมที่ใส่ขาคุณแม่ลงมาจากรถฉุกเฉิน แยกออกมาจากตัวคุณแม่ที่นอนอยู่บนเปลรถเข็น มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่สามารถอธิบายได้จริงๆครับ
...
ครอบครัวยังคงภาวนาให้แผลผ่าตัดของคุณแม่ไม่มีอาการติดเชื้อ และเป็นการผ่าตัดครั้งสุดท้ายของคุณแม่ นอกเหนือจากนี้ครอบครัวยังไม่ขอคิดสิ่งอื่น เพราะถึงครอบครัวของเราจะไม่ได้เหมือนเดิมหลังจากเหตุการณ์นี้ แต่เราจะต้องมีสมาชิกครอบครัว “ครบ” เท่าเดิมครับ ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง ทั้งการช่วยเหลือ กำลังใจ คำอวยพร กฤตย์ กิตติรัตนา 30 มิ.ย. 2566 10.30 น.”