“ที่ดินโรงงานมักกะสัน” เปิดดำเนินงานควบคู่กับการรถไฟแห่งประเทศไทย เคียงข้างวิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน กำลังกลายเป็นกระแส...ถูกยกขึ้นมาพูดคุยเป็นประเด็นอีกครั้งในเรื่องทิศทางการพัฒนาพื้นที่ 497 ไร่ นำไปสู่การใช้ประโยชน์...พัฒนาเชิงพาณิชย์...ให้เกิดความคุ้มค่าจากการนำพื้นที่มักกะสัน 150 ไร่ และพื้นที่โดยรอบสถานีศรีราชา 25 ไร่ ผนวกเข้ากับการพัฒนาพื้นที่สนับสนุนการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา หนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก อีอีซีทว่ากว่าล้อเหล็กหมุนเคลื่อนตัวกระทบรางเหล็ก...ไปตามเส้นทางกระจายทุกพื้นที่ภูมิภาคของประเทศ เพื่อตอบสนองภาคคมนาคมการขนส่งให้ประชาชนเดินทางสะดวกนั้น...ไม่ใช่เรื่องง่าย!เห็นได้จาก “ขบวนรถไฟ” เคยเป็น “กรมรถไฟ” เดินทางยาวนาน...มาถึงวันนี้เป็น “การรถไฟแห่งประเทศไทย”...ใกล้เข้าสู่ครบรอบ 122 ปี ในวันที่ 26 มิถุนายน 2562เมื่อมองย้อนไปในปี 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากรมรถไฟขึ้นเป็นครั้งแรก ในสังกัดกระทรวงโยธาธิการ และเริ่มก่อสร้างทางรถไฟเส้นทางสายแรกของประเทศสยาม สายกรุงเทพฯ–นครราชสีมาต่อมาวันที่ 26 มีนาคม 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีกระทำพระฤกษ์ เริ่มการก่อสร้างทางรถไฟหลวงในราชอาณาจักรไทย ที่ปะรำพิธีฝั่งคลองผดุงกรุงเกษม ตรงข้ามวัดเทพศิรินทราวาส นั่นก็คือ...ที่ทำการรถไฟแห่งประเทศไทยในปัจจุบันนี้นับจากจุดเริ่มต้น “กรมรถไฟ” กลายมาเป็น “กรมรถไฟหลวง” มีการเริ่มขยายความรุ่งเรืองของกิจการรถไฟ ด้วยการสร้างสถานีรถไฟกรุงเทพใหม่ เพื่อเป็นสถานีศูนย์กลางของรถไฟสายสำคัญทุกสาย ที่มีการเปิดเดินรถไฟไปยังภูมิภาคต่างๆของประเทศ และเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมได้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิมหากกลับมาพูดถึง “โรงงานมักกะสัน” ต่างเต็มไปด้วยเรื่องราว เรื่องเล่า และกลิ่นอายของ “ความเป็นประวัติศาสตร์ ต้นกำเนิด...ความรุ่งเรืองของกิจการรถไฟ” ถูกถ่ายทอดอยู่เบื้องหลังกำแพงล้อมรอบบนพื้นที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และกำลังจะถูกลบออกจากความทรงจำของสังคมไทย...นำไปสู่...ความเจริญเชิงพาณิชย์จากนักธุรกิจย้อนประวัติถึงการก่อกำเนิดเกิดขึ้น ในปี 2453 สาระสำคัญคือกรมรถไฟหาพื้นที่สร้างโรงงานรถไฟแห่งใหม่ รองรับโรงงานซ่อมรถจักร และรถพ่วง...แทนสถานีรถไฟกรุงเทพหัวลำโพงที่ถูกรื้อลงกระทั่งปี 2481 มีการออกพระราชกฤษฎีกา และพระราชบัญญัติหลายฉบับ เพื่อการเวนคืนที่ดินขยายโรงงานมักกะสัน สร้างโรงซ่อมเครื่องไฟฟ้าใหม่ และโรงงานเพิ่มเติมอีกมากมาย และสร้างโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ บ้านพักคนงาน และบ้านเจ้าหน้าที่ในโรงงานมักกะสันเมื่อการดำเนินงานก่อสร้างโรงงานนี้เสร็จสิ้นลง...ต้องมาพบเจอกับ “สงครามมหาเอเชียบูรพา” และโรงงานมักกะสันถูกทิ้งระเบิดทางอากาศ 4 ครั้ง ทำให้อาคารโรงงานและสิ่งปลูกสร้างหลายอย่างเสียหายในยุค 2494 รัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เริ่มบูรณะกิจการรถไฟให้กลับเข้าสภาพใช้การได้ดีอย่างเดิม และติดตั้งเครื่องจักร เครื่องมือกลใหม่ อาทิ โรงล้อ โรงซ่อมรถจักรดีเซล และเครื่องมือกลรถโดยสาร โรงซ่อมรถบรรทุก 1 และ 2 และเครื่องมือกลรถบรรทุกโรงหล่อและกระสวนโรงช่างไม้ โรงเลื่อย โรงบุหนังเปลี่ยนสถานะของ “กรมรถไฟหลวง” เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้ชื่อ “การรถไฟแห่งประเทศไทย”เวลาผ่านไปนับร้อยปี...ปัจจุบัน “โรงงานมักกะสัน” มีหน้าที่หลัก คือ งานซ่อมหนักรถจักรดีเซล รถดีเซล รางรถโดยสาร การซ่อมดัดแปลงล้อเลื่อนและอุปกรณ์ต่างๆ ผลิตอุปกรณ์ส่วนประกอบบางชนิด และสนับสนุนงานซ่อมบำรุงในส่วนภูมิภาค รวมถึงรับผิดชอบงานด้านบริหารบุคคลจัดสวัสดิการตามข้อมูลของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เคยสำรวจอาคารที่มีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ในพื้นที่ย่านโรงงานมักกะสันพบสิ่งก่อสร้างมีคุณค่าพิเศษคู่ควรอนุรักษ์ อาทิ อาคาร 2465 คลังพัสดุโรงงาน อาคารโรงงานซ่อมรถจักร อาคารโรงหล่อและกระสวน อาคารสถานีรถไฟมักกะสัน บ้านพักไม้ในพื้นที่นิคมรถไฟมักกะสัน และโรงพยาบาลบุรฉัตร–ไชยากรสิ่งก่อสร้างนี้มีความสำคัญเชิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ บ่งชี้ถึง “ยุคเฟื่องฟู...กิจการรถไฟ” ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของโรงงานมักกะสัน 109 ปี สามารถผลิตรถไฟใช้ในประเทศ ก่อนมาถึงยุคนี้...ที่การเดินทางสะดวกมากกว่าเดิม จนถูกลดทอนบทบาทลงอย่างต่อเนื่องอินทร์ แย้มบริบูรณ์ พนักงานเทคนิค 6 โรงงานมักกะสัน เล่าให้ฟังว่า ที่ดินมักกะสัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานที่ดินแห่งนี้เพื่อเป็นโรงงานซ่อมบำรุงหัวจักรไอน้ำ พื้นที่แห่งนี้ในอดีตเป็นโรงงานรถไฟขนาดใหญ่ และสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของประเทศไทยสถานที่แห่งนี้สมัยก่อนเป็นอุตสาหกรรมโรงงานเครื่องจักรครบวงจร มีศักยภาพสร้างได้ทุกอย่าง ทั้งมีโรงล้อ โรงยาง อุปกรณ์นำเข้าจากประเทศยุโรปทั้งหมด เมื่อครั้งปี 2480 เคยเป็นเมืองอุตสาหกรรมเครื่องจักรใหญ่ที่สุดของเอเชีย และประเทศในแถบอาเซียนต้องมาดูงานที่โรงงานมักกะสันแม้แต่ประเทศเกาหลียังเคยสั่งซื้อเครื่องห้ามล้อรถไฟของประเทศไทยภายในยังมีโรงงานยุคเก่าทั้งตัวสถาปัตยกรรมของอาคาร รวมถึงการตกแต่งด้านในคงรูปแบบเดิมไว้หลายอย่าง ไม่ว่า...จะเป็นอาคารเก่าแก่ที่สุด คือ อาคาร ร.ฟ.ผ.๒๔๖๕ โรงซ่อมรถจักรไอน้ำ หรือโรงซ่อมรถดีเซลรางรถปรับอากาศ ที่มีเครื่องมือเก่าใช้กันทั่วโลก รวมถึงโรงเก็บไม้ 1 และ 2 โครงสร้างทำด้วยไม้เนื้อแข็งทั้งหลัง อาทิ ไม้สัก ไม้พะยูง ไม้เต็งไม้ประดู่ และไม้ตะเคียนทั้งหมดมีความสำคัญหลายด้าน ในด้านประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองและประเทศ ด้านสถาปัตยกรรม มีอาคาร...สิ่งปลูกสร้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถือว่ามีความสำคัญเป็นแหล่งมรดกทางอุตสาหกรรมแต่ในอนาคตกำลังจะถูกพัฒนาที่ดินมักกะสันไปในเชิงพาณิชย์...ตามที่การรถไฟฯ เปิดให้ภาคเอกชนยื่นข้อเสนอร่วมลงทุน (ทีโออาร์) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ในแผนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี และกำหนดให้ที่ดินมักกะสันเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าความเร็วสูงมีการ “มอบสิทธิ์การเช่าที่ดิน” ของการรถไฟฯ ให้กับ “เอกชนผู้ชนะการประมูล” ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นระยะเวลา 50 ปี ประกอบด้วย ที่ดินศรีราชา 25 ไร่ และที่ดินมักกะสัน 150 ไร่ ในการ “พัฒนาที่ดินในเชิงพาณิชย์” โดยที่ดินมักกะสันกำหนดในโซนเอ เป็นส่วนโรงงานซ่อมรถไฟ ที่ใช้ทำสับเปลี่ยนลำเลียงรถจักร และรถพ่วง เข้ามาซ่อมในโรงงานมักกะสัน...ข้อกังวลมีว่าหากมีการส่งมอบพื้นที่แปลงโซนเอ ให้กับทางเอกชน... อาจจะเกิดผลกระทบต่อระบบซ่อมบำรุงรถจักร รถดีเซลราง รถพ่วง ทำให้เกิดปัญหาในการส่งรถเข้าซ่อมในงานสนับสนุนด้านการขนส่งพัสดุ...อะไหล่สิ่งสำคัญคือ อาจทำลายความเป็นมรดกทางอุตสาหกรรม หลักฐานวัฒนธรรมที่มีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ ทางเทคโนโลยี สังคม ทั้งอาคาร เครื่องจักรกล ที่ต้องได้รับการเก็บข้อมูลให้เป็นมรดกถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่า...ทางจิตใจที่ไม่สามารถประเมินได้ และยังเป็นอีกความภูมิใจของ “คนการรถไฟ” และ “คนไทย” ทั้งชาติ ที่ควรหวงแหน อนุรักษ์...เก็บรักษาไว้ให้เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลานกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์อันมีคุณค่า...ผ่านสถานที่นี้ ที่มีเรื่องราวสำคัญของ “การรถไฟแห่งประเทศไทย” ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจไม่เคยทราบเรื่องราวนี้เลยด้วยซ้ำ.