อีกรายพ่อเมายิง9ขวบดับ ‘มาตุฆาต’แม่ป่วยประสาท
พ่อจับลูกวัย 11 เดือนแขวนคอดับอนาถในบ้านร้างก่อนแขวนคอตายตาม ตลอดเวลาดำเนินการได้ถ่ายคลิปสดส่งผ่านเฟซบุ๊กคาดทำประชดเมีย อีกรายพ่อเมาคลั่งสติแตกใช้ลูกซองระเบิดหัวลูกชายวัย 9 ขวบดับ ชนวนเหตุเครียดง้อคืนดีเมียไม่สำเร็จระแวงมีชายคนใหม่ และรายที่สามลูกสาวโหดมีดจ้วงแทงแม่ผู้ให้กำเนิดและสติไม่สมประกอบ ดับอนาถก่อนหนีลอยนวล
เรื่องราวสุดสะเทือนใจพ่อจับลูกสาววัย 11 เดือนแขวนคอแล้วฆ่าตัวตายตามโชว์คลิปสดทางเฟซบุ๊กรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 เม.ย. พ.ต.ท.สานิช หนูคง สว.(สอบสวน) สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้เปิดเฟซส่วนตัวได้เห็นคลิปพ่อจับลูกแขวนคอแล้วฆ่าตัวตายตามในเฟซชื่อ “ต้นกล้า จ๋าา(บิวจ๋าา)” ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย เนื่องจากในภาพคล้ายกับอยู่ในพื้นที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
หลังรับแจ้งดังนั้น พ.ต.ท.สานิช รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และตรวจสอบเข้าเฟซบุ๊กตามที่พลเมืองดีแจ้งเข้ามา พบคลิปชายจับลูกสาวที่ยังเด็กไม่น่าเกิน 11 เดือน มัดด้วยเชือกที่ลำคอแล้วนำมาแขวนกับขื่อของบ้านคล้ายกับบ้านร้าง หลังจากลูกเสียชีวิตแล้ว ชายคนดังกล่าวได้ปลดศพลูกของตัวเองลงวางกับพื้นก่อนใช้เชือกเส้นเดียวกันผูกคอตัวเองแขวนกับขื่อจนร่างแน่นิ่งไปอีกคนโดยมีการถ่ายคลิปโชว์ตลอด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ระดมช่วยกันตรวจสอบหาสถานที่จนกระทั่งทราบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในบ้านร้างไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นเขตรับผิดชอบของ สภ.สาคู ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคูและหน่วยกู้ภัยไปตรวจสอบพบศพชายทราบชื่อภายหลังว่านายวุฒิสรรค์ ว่องทะเล อายุ 21 ปี อยู่บ้านมุดดอกขาว ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ใช้เชือกไนลอนมัดคอตัวเองแขวนกับขื่อในบ้านร้างหลังดังกล่าว โดยมีศพเด็กหญิงวัย 11 เดือน ถูกเชือกรัดคอห้อยอยู่ติดกันกับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องเปิดกล้องตั้งไว้ นอกจากนี้บริเวณที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานชนวนเหตุมาจากปัญหาครอบครัว โดยนายวุฒิสรรค์อาจมีปัญหาทะเลาะกับภรรยาแล้วจับลูกแขวนคอและฆ่าตัวตายโชว์ทางเฟซเพื่อเป็นการประชด
...
ภายหลัง ร.ต.ท.จุลอัศ สุวรรณเนิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.สาคู เจ้าของคดีได้สอบปากคำญาติทราบว่า นายวุฒิสรรค์ทำงานเป็นพนักงานเช็กสต๊อกบริษัทส่งผักขายต่างประเทศ ส่วนภรรยาชื่อ น.ส.จิรานุช ไตรรัตน์ อายุ 23 ปี ส่วนลูกสาวชื่อน้องเบต้า ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวุฒิสรรค์มีปากเสียงกับภรรยาเรื่องหึงหวงระแวง น.ส.จิรานุชแอบมีกิ๊กและขู่จะฆ่า จน น.ส.จิรานุชกลัวถูกฆ่าเลยหนีออกจากบ้าน ปล่อยให้ สามีอยู่กับลูก กระทั่งนายวุฒิสรรค์อุ้มลูกออกจากบ้านไปฆ่าตัวตายดังกล่าว
อีกรายพ่อคลั่งฆ่าลูกเมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย. พ.ต.ท.สมรภูมิ สุโพธิ์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.อ.สุระพรรณ นาทวรทัต ผกก. พ.ต.ท.สถิตย์ คงเนียม รอง ผกก.(ป.) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร ไปตรวจสอบเหตุชายคลุ้มคลั่งใช้ปืนยิงลูกเสียชีวิตและใช้มีดทำร้ายตนเองที่บ้านเลขที่ 52/222 ซอยโรงหล่อ หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณหน้าบ้านพบปืนลูกซองยาวตกอยู่ 1 กระบอก ภายในมีปลอกกระสุนปืนคาลำกล้อง 1 ปลอก
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านพบเลือดหยดเป็นทาง ภายในห้องนอนพบศพ ด.ช.อนุรักษ์ หรือน้องฟลุ๊ค ขันจำนงค์ อายุ 9 ขวบ สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นมีบาดแผลถูกยิงที่หัวจนสมองกระจุย ข้าวของภายในบ้านถูกทำลายพังเสียหาย และพบขวดเหล้าวางอยู่ 1 ขวด ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายขุนทอง ขันจำนงค์ อายุ 36 ปี พ่อผู้เสียชีวิต มีอาการเมาอย่างหนัก หลังก่อเหตุนั่งอยู่หน้าบ้านแล้วพยายามใช้มีดปอกผลไม้แทงหน้าอกตัวเองจนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งตำรวจสายตรวจมาตรวจสอบและนำตัวไปควบคุมสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายขุนทองมีอาชีพเป็นช่างอยู่ในอู่เรือประมง เป็นคนขี้โมโหอารมณ์แปรปรวน แต่งงานกับภรรยาจนมีลูกด้วยกัน 2 คน คือลูกสาววัย 13 ปี และน้องฟลุ๊ค ผู้เสียชีวิต ต่อมาภรรยาขอแยกทางและไปประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ จ.ลำปาง พร้อมนำลูกสองคนไปด้วย นายขุนทองอาศัยบ้านหลังดังกล่าวกับแม่และหลาน รวม 9 คน กระทั่งนายขุนทองตัดสินใจไปรับน้องฟลุ๊คมาเพื่อเลี้ยงดูประมาณ 15 วัน และเตรียมย้ายมาเรียนใน จ.สมุทรสาคร กระทั่งก่อเหตุใช้ปืนยิงลูกชายจนเสียชีวิต
พ.ต.ท.สมรภูมิเปิดเผยว่า สอบสวนนายขุนทอง ผู้ต้องหา หลังหายจากอาการมึนเมาให้การว่า มีความ เครียดสะสมมานาน เนื่องจากพยายามตามง้อขอคืนดีกับภรรยา แต่ไม่สำเร็จ ประกอบกับระแวงว่าภรรยาจะไปหาสามีใหม่ รับลูกชายมาอยู่ด้วย ก่อนเกิดเหตุดื่มเหล้าผสมเครื่องดื่มชูกำลังจนเมา นำปืนที่เพื่อนมาฝากไว้จ่อยิงลูกชายอยู่ภายในห้องนอนจนเสียชีวิตและพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ
เหตุสะเทือนใจรายที่สามลูกฆ่าแม่ โดย ร.ต.อ.เสถียรพงษ์ อ่อนศรีทอง รอง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายในห้องเช่าเลขที่ 39/19 หมู่ 1 ต.คลองบ้านโพธิ์ รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ชาติ งานพิทักษ์ ผกก.สภ.บ้านโพธิ์ กำลังชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.บ้านโพธิ์ และหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา พบที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าชั้นเดียว บนที่นอนในห้องพบศพนางโอ้ เสริมสุข อายุ 55 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายสองแผลนอนตายจมเลือด ส่วนทูตสังหารเป็นมีดปอกผลไม้ซุกอยู่ใต้ที่นอน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนหน้าห้องเกิดเหตุมีขวดเหล้าและโซดาวางเกลื่อน
สอบปากคำ น.ส.สไบพร คองแสง อายุ 22 ปี หลานสาวของผู้ตาย ให้การว่า ตนเช่าห้องอยู่แยกต่างหากกับนางโอ้ ผู้เป็นยาย ส่วนแม่ของตนชื่อนางโสพิศ เสริมสุข อายุ 39 ปี และเป็นลูกของยายพักอยู่ห้องเกิดเหตุแต่อยู่บริเวณใกล้กัน โดยนางโอ้เป็นผู้ป่วยทางจิตหรือสติไม่สมประกอบต้องกินยาทุกวัน ก่อนเกิดเหตุช่วง 5 โมงเย็น ตนเข้ามาดูแลยายตามปกติทุกวันและป้อนยาให้กินเพื่อให้นอนหลับ ก่อนกลับไปห้องพักดูแลครอบครัว ส่วนแม่ก็นั่งกินเหล้าที่หน้าห้องกับเพื่อนชาย 1 คน กระทั่งสองทุ่มกว่า แม่โทรศัพท์บอกว่า
ยายป่วยหนักน่าจะไม่ไหวแล้ว ตนรีบออกจากห้องพัก วิ่งมาดู ไม่พบแม่กับเพื่อนชายแล้ว จึงรีบเปิดเข้าไปในห้องนอน พบยายนอนตายจมเลือดบนที่นอนแล้วเชื่อว่าคนที่ลงมือฆ่ายายคือแม่ของตน เพราะก่อนหน้านั้นแม่เคยพูดขู่ว่าจะฆ่ายายทิ้งให้ดู แต่ไม่คิดว่าจะทำจริงๆ เบื้องเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นางโสพิศน่าจะย่องเข้ามาก่อเหตุตอนนางโอ้นอนหลับโดยใช้มีดจ้วงแทงเข้าหน้าอกสองครั้งทำให้เสียชีวิตทันที
...
ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 24 เม.ย. น.ส.สไบพร คองแสง ได้เข้าพบ ร.ต.อ.เสถียรพงษ์ อ่อนศรีทอง รอง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านโพธิ์ และชุดสืบสวนเพื่อให้การเพิ่มเติม โดยก่อนให้การ น.ส.สไบพรร่ำไห้ขอร้องให้แม่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเกรงว่าหากมีเกิดความเครียดแล้วจะฆ่าตัวตายตามยาย เพราะเคยบอกว่าหากฆ่ายายแล้วก็จะฆ่าตัวเองตาม
ด้าน พ.ต.อ.ชาติ งานพิทักษ์ ผกก.สภ.บ้านโพธิ์ เปิดเผยว่า มั่นใจแล้วว่านางโสพิศเป็นคนที่ลงมือฆ่านางโอ้ ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า ส่วนมูลเหตุจูงใจนั้นยังไม่มีใครทราบ เพราะนางโสพิศเคยพูด กับคนใกล้ชิดเรื่องฆ่าแม่ตัวเอง แต่ไม่ยอมบอกเหตุผล ว่าทำไมถึงอยากฆ่าแม่ ขณะชุดสืบสวนลงพื้นที่ตามหาตัวมือมีดอย่างกระชั้นชิดเพื่อกดดันนางโสพิศให้มอบตัว หรือหากพบตัวต้องจับกุมตามหมายจับที่ขอไว้ทันที หากสอบสวนพบมีคนอื่นร่วมด้วยต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในเบื้องต้นคาดว่านางโสพิศทำลงไปเพราะความเมาทำให้ขาดสติ