หนังสือของสำนักพิมพ์แสงดาว ในกล่องสวย สองเล่มล่า (เทพนิยาย แอนเดอร์สัน ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน เขียน อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล สดใหม่จากแท่นพิมพ์ พ.ศ.2568)

ทำให้ผมรู้ว่า ในชั้นหนังสือนิทาน นิยาย ที่ผมคิดว่า มีมากมาย...ไม่มีหนังสือชุดนี้อยู่

เปิดอ่านไปถึงเรื่องที่สาม “เครื่องแต่งตัวชุดพิเศษของพระราชา” ก็นึกได้อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เคยอ่านแล้ว

ลองอ่านแบบเอาเรื่องกันอีกสักครั้ง

พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ชอบเครื่องแต่งตัวชุดใหม่สวยงาม อย่างคลั่งไคล้ใหลหลง ทุ่มเงินมหาศาลซื้อหาโดยไม่เสียดาย หากราษฎรสักคนจะมีคำถาม วันนี้พระราชาทำอะไร? คำตอบ “เขายุ่งอยู่ในห้องแต่งตัว”

วันหนึ่ง นักต้มสองคนก็ถึงพระนคร ประกาศตัวว่าเป็นช่างทอฝีมือเอก ที่ทอผ้าได้สวยงามที่สุด ชนิดไม่แค่เนื้อผ้าทำด้วยวัตถุพิเศษ สีสันและลวดลายก็ไม่มีที่ไหนเหมือน

“คงจะเป็นเสื้อผ้าที่ดียอดเยี่ยม” พระราชาคิดหลังจากรู้ข่าว “เวลาสวมเข้าฉันจะได้รู้ว่าขุนนางคนไหนเหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉันให้ ฉันจะรู้ด้วยว่าใครบ้างโง่หรือฉลาด” แน่นอนพระราชาอยากให้ ทอผ้าและตัดเย็บโดยเร็ว

เงินก้อนใหญ่ถูกจ่ายให้นักทอตลบตะแลง ทันที

นักต้มทั้งสอง เอาหูกสองชุดมาตั้งในห้องหนึ่งของวังและง่วนอยู่กับงานทั้งๆที่ไม่มีอะไรในหูก แล้วก็ขอเบิกเส้นไหมละเอียด และทองคำบริสุทธิ์จำนวนหนึ่ง และแสร้งทำเป็นทอหูกเปล่าจนดึกดื่น

เวลาผ่านไปสามวัน พระราชาอยากรู้งานทอผ้าจะไปถึงไหน จะสั่งคนไปดูก็กลัวว่าถ้าเป็นคนโง่หรือไม่เหมาะสมตำแหน่งก็จะมองไม่เห็น ครั้นจะไปด้วยตัวเองก็ไม่แน่ใจกลัวจะเป็นคนโง่เสียเอง

อารมณ์นี้แพร่ไปทั่วพระนคร ทุกๆคนต่างกระหายที่จะพิสูจน์ เพื่อนบ้านหรือผู้อื่น ฉลาดหรือโง่

...

สุดท้ายพระราชาก็ตัดสินใจให้เสนาบดีเฒ่าผู้ซื่อสัตย์เป็นตัวแทน เมื่อเสนาเฒ่าเห็นการเสแสร้งทำหูกว่างเปล่าก็ตกใจ เขาตั้งสติได้จะต้องระวังไม่ให้ใครอื่นรู้ว่าเขาไม่เห็นอะไร

นักต้มทั้งสอง เชิญเขาเข้าไปใกล้อีกก้าวแล้วถาม “ผ้าผืนนี้ สีสันและลายสวยงามเลิศล้ำหรือเปล่า?”  เสนาบดีเฒ่าจ้องแล้วจ้องอีก

จนตาแทบประทุ ก็ไม่เห็นอะไร แต่เขาก็กลัวว่าจะถูกหาว่าไม่เหมาะ กับตำแหน่ง จึงชมเชยความงามของผ้าเสียยกใหญ่

แล้วกลับไปกราบทูลพระราชา “ผ้าที่ทอช่างงามเลิศล้ำหาเสมอเหมือนมิได้”

คำพูดนี้ ทั่วทั้งพระนครได้ยิน พากันกล่าวขวัญถึงผ้ามหัศจรรย์ จนพระราชาเองก็ทนไม่ไหว ทรงนำผู้ติดตามจำนวนหนึ่งเข้าดู สองนักต้มเร่งกุลีกุจอทอผ้า เมื่อมีหลายประสานลวดลายผ้าและสีสันช่างงามกระไรปานนั้น

พระราชาไม่ทรงเห็นอะไรเลย ก็ทรงคิดว่าฉันโง่ล่ะกระมัง ฉันไม่เหมาะกับตำแหน่งพระราชา?

จึงหลุดปาก...“ช่างเป็นผ้าที่สวยงาม ฉันพอใจเหลือเกิน”

เมื่อทุกคนเห็นสอดคล้องตรงกันผ้าสวยงามถึงปานนั้น ก็ควรตัดเครื่องทรงใช้ในพิธีเลียบเมือง นักต้มทั้งสองได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนางแห่งการทอ และเงินทองของกำนัลมากมาย เมื่อการตัดเย็บเครื่องทรงเสร็จเรียบร้อย

แล้วงานพิธีเลียบเมืองก็เริ่มขึ้น พระราชาเดินเลียบนครใต้ร่มสี่ด้าน ไม่มีชาวเมืองคนไหนยอมรับว่าเขาไม่เห็นอะไร มีแต่คนส่งเสียงเดียว เครื่องทรงชุดนี้ของพระราชาสวยงามกว่าชุดใดๆ

แต่แล้วทันใดนั้น เหตุการณ์ก็พลิกผันเมื่อพระราชาเดินผ่านเด็กเล็กคนหนึ่ง

เด็กนั้นตะโกนเสียงดัง “พ่อ นั่นพระราชาไม่ได้สวมอะไรเลย นอกจากกางเกงชั้นในตัวเดียว”

“เด็กไม่รู้เดียงสา พูดความจริงเสมอ” พ่อเด็กว่าชั่วพริบตาถ้อยคำของเด็กแพร่หลาย คนทั้งเมืองเริ่มเห็นชัดเจนว่า “พระราชาแก้ผ้า”

พระราชารู้ตัวแล้วว่าถูกตุ๋น แต่มานะกษัตริย์ ทรงยืดอกเดินเลียบเมืองต่อด้วยท่าทีที่องอาจผึ่งผายกว่าเดิม...นิทานเรื่องพระราชาแก้ผ้าก็จบตรงนี้เอง.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม