ผอ.รพ.ระยองลั่นเอาผิดหนุ่มญาติคนไข้ตบพยาบาลขณะปฏิบัติหน้าที่ถึงที่สุด ไม่มียอมความเด็ดขาด แจงผู้เสียหายแจ้งเตือนห่วงนำเด็กเข้าเยี่ยมผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในห้องไอซียูอาจติดเชื้อได้ กลับแสดงอาการไม่พอใจถึงขั้นใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายถึง 2 ทีซ้อน ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดกับบุคลากรในโรงพยาบาล ด้านตำรวจสอบคนก่อเหตุอ้างพยาบาลพูดไม่ดี เลยบันดาลโทสะ

กลายเป็นประเด็นร้อนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล กรณีมีคลิปชายตบหน้าพยาบาลถึง 2 ที ภายในโรงพยาบาลระยอง เนื่องจากโมโหที่พยาบาลบอกแม่เด็กไม่ควรพาลูกเล็กเข้าไปเยี่ยมยายที่ป่วยไข้หวัดใหญ่ติดเชื้อลงปอด ทำให้สามีไม่พอใจถึงกับใช้กำลังทำร้าย หลังเกิดเหตุพยาบาลผู้เสียหายแจ้งความตำรวจ สภ.เมืองระยอง ยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด ขณะที่ผู้ก่อเหตุเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนอ้างเหตุบันดาลโทสะ

ความคืบหน้าคดีญาติคนไข้ทำร้ายพยาบาล เมื่อวันที่ 18 ก.พ. โรงพยาบาลระยองได้ออกแถลงการณ์กรณีพยาบาลถูกทำร้ายร่างกายจากบุคคลภายนอกขณะปฏิบัติหน้าที่วันที่ 16 ก.พ.2568 เวลา 18.30 น.โรงพยาบาลมิได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมผู้บริหารได้พาพยาบาลพบแพทย์ตรวจร่างกายและดูแลอาการบาดเจ็บเบื้องต้น มอบหมายให้หัวหน้าหอผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ไปแจ้งความดำเนินคดี มอบทีมกฎหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง และช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรงขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ราชการเพื่อดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยบริการสาธารณสุข

เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความเสียขวัญและกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก โรงพยาบาลได้สั่งให้ทบทวนแนวทางการรักษาความปลอดภัยของบุคลากรในสังกัดเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงเช่นนี้อีก พร้อมทั้งช่วยเหลือเยียวยาเจ้าหน้าที่และผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ คณะผู้บริหารโรงพยาบาลระยองได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกตำแหน่ง ภายใต้การยึดมั่นประโยชน์ของผู้รับบริการเป็นสำคัญ และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบและในทุกกรณี

...

สายวันเดียวกัน ที่ห้องประชุมนฤเบศร์ โรงพยาบาลระยอง นพ.ภูษิต ทรัพย์สมพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยอง เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตามคลิปที่ปรากฏในโซเชียลเกิดขึ้นวันที่ 16 ก.พ. ก่อนเกิดเหตุพยาบาลได้แจ้งญาติคนไข้ห้ามไม่ให้เด็กเข้าห้องไอซียู เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ทำให้ผู้ก่อเหตุทำร้ายพยาบาล มีการแจ้งความตั้งแต่เหตุเกิดวันแรก ส่วนที่มีผู้โพสต์ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้ยอมความนั้นไม่ทราบว่าไปนำข้อมูลมาจากไหน เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริง เมื่อเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความทันที ไม่มียอมความเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดี ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะเป็นนโยบายกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งดูแลจิตใจพยาบาลรายดังกล่าว

ส่วนเรื่องการทบทวนมาตรการเข้าเยี่ยมของญาติที่อาจก่อความรุนแรงนั้น นพ.ภูษิตกล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่ให้ญาติเยี่ยมอยู่แล้ว ที่ห้องไอซียูจะเปิดให้เยี่ยมเป็นช่วง มีช่วงเที่ยงกับเย็น เคสนี้ห้ามยาก เพราะเข้าเยี่ยมช่วงที่เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมอยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยอารมณ์ ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ทั้งที่พยาบาลแจ้งเตือน เพราะเป็นห่วงว่าการนำเด็กเข้าเยี่ยมอาจเกิดการติดเชื้อได้ เพราะผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ติดเชื้อลงปอด โรคระบบทางเดินหายใจเป็นโรคที่ติดต่อแพร่สู่กันได้ ส่วนที่คนมองว่าพยาบาลอาจจะพูดจาไม่ดี เป็นคนละประเด็นกับความรุนแรง จริงๆเรื่องการรับรู้การสื่อสารแต่ละคนไม่เหมือนกัน การแปลความหมายน้ำเสียงการสื่อสารต่างกัน แม้เตือนด้วยความหวังดีก็อาจไม่ถูกใจ แต่ความรุนแรงก็ไม่ควรเกิดขึ้น

ด้าน พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง กล่าวถึงความคืบหน้าด้านคดีว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นชายที่ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลระยองตามคลิปเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังจากเกิดเหตุในวันเดียวกัน และแจ้งกับตำรวจว่าที่ทำไปมีเหตุผล เนื่องจากบันดาลโทสะ อ้างว่าพยาบาลพูดเหมือนตวาดภรรยา ใช้ข้อความไม่สุภาพ โดยเฉพาะคำว่า “เดี๋ยวก็ตายกันทั้งแม่ทั้งลูก” ขณะนั้นครอบครัวจิตใจไม่ดีอยู่แล้วจากอาการเจ็บป่วยของญาติ เมื่อได้รับฟังแบบนี้จึงบันดาลโทสะและก่อเหตุขึ้น ส่วนในเรื่องของคดีขณะนี้รอผลการตรวจร่างกายแล้วจะเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาพบเพื่อดำเนินการต่อไป

วันเดียวกัน สภาการพยาบาลออกแถลงการณ์ประณามเหตุทำร้ายร่างกายพยาบาลขณะปฏิบัติงานในโรงพยาบาลระยองให้ดำเนินคดีถึงที่สุดระบุว่า สภาการพยาบาลในฐานะองค์กรวิชาชีพรับทราบและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง มีความกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายบุคลากรทางการพยาบาลที่กำลังปฏิบัติงานในโรงพยาบาลจนได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง ละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดต่อหลักการที่ว่าสถานพยาบาลจะต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์และผู้รับบริการ ในกรณีนี้ญาติผู้ป่วยควรจะแจ้งข้อขัดข้องหรือความไม่สบายใจต่อหัวหน้างานของพยาบาล เพื่อคลี่คลายปัญหาอย่างตรงประเด็น มิใช่ใช้กำลังทำร้ายร่างกาย

สภาการพยาบาลขอประณามพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงต่อบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล มีความเห็นว่าจะต้องให้ผู้เสียหายดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งขอให้กำลังใจกับพยาบาลผู้ถูกทำร้ายร่างกาย และเจ้าหน้าที่ที่ประสบเหตุการณ์ในครั้งนี้ สภาการพยาบาลจะติดตามสถานการณ์ ประสานให้ผู้บริหารโรงพยาบาลดูแลพยาบาลให้ได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้พร้อมกลับมาปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยและผู้มารับบริการได้อย่างมีคุณภาพ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในทุกสถานที่ พร้อมยืนเคียงข้างกับพยาบาลวิชาชีพ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่