ศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งยกฟ้อง “ตู้ห่าว” กับอดีตเมียนายตำรวจหญิง พร้อมพวกรวม 19 คนทุกข้อกล่าวหาทั้งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และฟอกเงิน ต้องปล่อยตัวออกจากเรือนจำทันที หลังถูกตำรวจนครบาลจับกุมดำเนินคดีข้อหาเปิดผับจินหลิง ย่านสาทร ให้ลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเข้าไปมั่วยาเสพติด ส่วนลูกน้อง 6 คนโดนลงโทษข้อหายาเสพติด ติดคุกระหว่าง 21 ปี 4 เดือน ถึง 28 ปี 12 เดือน ปรับคนละ 1,706,666 ถึง 2,600,000 บาท อัยการเต้นเร่งคัดคำพิพากษาฉบับเต็มส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาอุทธรณ์ เนื่องจากฟ้องเป็นคดีนอกราชอาณาจักร
ที่ห้องพิจารณาคดี 503 ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ก.พ. ศาลอ่านคำพิพากษาคดี ย.87/2566 ที่สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ จำเลยที่ 2 พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ อดีตภรรยานายชัยณัฐร์ เป็นจำเลยที่ 8 กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-25 ความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดลักษณะองค์กรอาชญากรรม ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน เป็นอั้งยี่มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองฯ ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และร่วมกันให้พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
กรณีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ตำรวจ บช.น.นำกำลังเข้าตรวจค้นผับจินหลิง ย่านสาทร พบและยึดยาเสพติดประเภท 1 2 และ 4 พร้อมอุปกรณ์การเสพหลายรายการและอาวุธปืน จากการสอบสวนพบเป็นเครือข่ายของกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยมีนายตู้ห่าวจำเลยที่ 1 กับพวกจำเลยร่วมกันกระทำความผิด ศาลรวมการพิจารณา 3 สำนวนเป็นคดีเดียวกัน โดยจำเลยที่ 1 4 และ 5 ขอกลับคำให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโจทก์ฟ้องว่าตั้งแต่เดือน เม.ย.63 ถึงวันที่ 1 พ.ย.65 จำเลยร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันกระทำผิดร้ายแรงได้มาซึ่งทรัพย์สิน มุ่งหมายการอันมิชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้ง 25 คนร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ นำคนกัมพูชามาทำงาน และให้คนจีนมาเที่ยวแหล่งบันเทิงที่จำเลยร่วมกันเปิดจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ ทั้งเมทแอมเฟตามีน คีตามีน ไนเมตาซีแพม โคลนาซีแพม และสารซีเมทิลีน โดยจัดเป็นชุดจำเลยที่ 1-7 9-12 16 17 19 และ 21 ร่วมกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันจัดหาเงินทุนจัดซื้อยาเสพติด สถานที่เสพ สถานที่เก็บยาเสพติด ชักชวนลูกค้าจากต่างประเทศมาเที่ยวและเสพยา จำเลยกระทำผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกว่า 300 ครั้ง เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด มีปืนแบลงก์กัน เครื่องกระสุนปืน ร่วมกันเปิดสถานบริการจินหลิงโดยไม่ได้รับอนุญาต รับคนต่างด้าว 27 คนทำงานโดยผิดกฎหมาย
...
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์นำพยานบุคคลเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. และ ป.ป.ส.เบิกความว่า ช่วงปลายเดือน ก.ย.65 เกิดเหตุนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนเสียชีวิตจากการเสพยาเสพติดที่สถานบริการท็อปวันย่านรัชดาภิเษก ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเชื่อมโยงสถานบริการจินหลิง เป็นเหตุให้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 พบเป็นสถานบริการที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปเที่ยวเสพยาเสพติด นัดหมายผ่านโปรแกรมวีแชต (WeChat) และเทเลแกรม (telegram) ดัดแปลงอาคารเป็นห้องคาราโอเกะ 12 ห้อง พบนักเที่ยวชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวจีน 200 คน 100 คน พบปัสสาวะสีม่วง มีคนไทยคนจีนและเมียนมาเป็นพนักงาน พบว่านายตู้ห่าวจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองอาคารจินหลิง พบบัญชีธนาคารกรุงเทพฯ ธนาคารกสิกรไทยฯชำระเงินค่าบริการและจ่ายค่ายาเสพติด โอนเข้าบัญชีแถวที่ 1 บัญชีแถวที่ 2 จำนวน 16 บัญชี แถวที่ 3 และแถวที่ 4 บัญชีดังกล่าวลักษณะเป็นบัญชีม้ามีบุคคลอื่นทำธุรกรรมแทนชื่อเจ้าของบัญชีและโอนเงินเกี่ยวพันกับร้านท็อปวันเห็นว่าทางนำสืบของโจทก์ที่ว่าจำเลยทั้ง 25 คนเป็นอั้งยี่และเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
โจทก์ไม่ได้แสดงพยานหลักฐานให้เห็นว่า จำเลยทั้ง 25 คน สั่งการหรือควบคุมการกระทำความผิดในสถานที่ใด ตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด แบ่งหน้าที่กันอย่างไร ได้ความเพียงว่าก่อนเข้าจับกุม 2 สัปดาห์เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปในร้านจินหลิงได้ ต้องขอศาลออกหมายเข้าตรวจค้นพยานหลักฐานเรื่องการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจึงมีน้ำหนักน้อย การตรวจค้นร้านพบชาวต่างด้าวและยาเสพติด เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานยึดยาเสพติด ปืนแบลงก์กัน และวิทยุสื่อสาร แม้จำเลยที่ 1 4 และ 5 รับสารภาพข้อหานี้ แต่ไม่สามารถลงโทษความผิดฐานองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดเรื่องการสมคบกันค้ายาเสพติดประเภทที่ 1 2 และ 4 หรือไม่ เห็นว่าขณะเข้าตรวจค้นไม่พบนายตู้ห่าวจำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุ ที่โจทก์เบิกความว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองร้านฐานะผู้เช่าเห็นว่าในทางนำสืบ ของโจทก์จำเลยที่ 2 รับโอนเช่าร้านจินหลิงเมื่อปี 2562 ช่วงการระบาดโรคโควิด- 19 จากนายสิทธิกรซึ่งเป็นลูกหนี้กำหนดเช่า 3 ปี แทนการชำระหนี้เงินกู้ให้แก่จำเลยที่ 2 ครบกำหนด 3 ปีตามสัญญาเช่าเมื่อปี 2564 อาคารดังกล่าวจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 โจทก์ไม่ได้นำตัวนายสิทธิกรมาเบิกความเพื่อให้ทนายความจำเลยที่ 2 ซักค้านด้วย
จำเลยที่ 1 4 และ 5 ให้การรับสารภาพว่า เป็นพนักงานภายในร้านจินหลิงดูแลห้องเก็บสินค้า ซึ่งเป็นห้องเก็บยาเสพติดนำไปจำหน่ายในห้องคาราโอเกะ ร้านมีลักษณะปกปิดต้องนัดหมายก่อนถึงเข้าไปเที่ยวได้ ยาเสพติดที่พบปริมาณมาก เมทแอมเฟตามีน 1,063.314 กรัม และมีเคตามีน 2,709.985 กรัม เป็นอาชญากรรมร้ายแรงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และจำเลยที่ 1 4 และ 5 ยังมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองด้วย จำเลยที่ 5 ยังมีความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน และร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 7 11 และ 12 มีความผิดฐานสนับสนุนให้จำหน่ายยาเสพติด สถานที่เก็บยาเสพติด และสถานที่เสพยาเสพติด
โดยจำเลยทั้ง 25 คน ไม่มีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่า เงินที่โอนไปมา หลังวันที่ 26 ต.ค.65 เป็นเงินจากการกระทำความผิดค้ายาเสพติดหรือไม่ จึงมีความสงสัยตามสมควร ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้ง 25 คน พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 4 มีความผิด 5 กระทง ฐานร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุกคนละ 27 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,790,000 บาท จำเลยที่ 5 มีความผิด 8 กระทง คงจำคุกเป็นเวลา 28 ปี 12 เดือน ปรับ 2,600,000 บาท จำเลยที่ 7 11 และ 12 มีความผิด 4 กระทง ข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือจัดหาสถานที่ในการจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 2 และ 4 คงจำคุกคนละ 21 ปี 24 เดือน ปรับคนละ 1,706,666 บาท จำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
...
ทั้งนี้ หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องนายตู้ห่าวกับพวกรวม 19 คน พร้อมออกหมายปล่อยตัวผู้ต้องขัง ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวนายตู้ห่าวกับพวกกลับไปที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ก่อนทำเรื่องปล่อยตัวออกจากเรือนจำในช่วงหัวค่ำของวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้พนักงานอัยการจะต้องขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม เพื่อส่งให้อัยการศาลสูงสุดพิจารณาว่า จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ เนื่องจากเป็นอำนาจอัยการสูงสุดไม่ใช่อัยการศาลสูง เนื่องจากคดีนี้พนักงานอัยการยื่นฟ้องเป็นคดีนอกราชอาณาจักร
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่