สีกากีเดือดปุด “ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด” สุมไฟตั้งโต๊ะแฉส่วยทุกอย่าง ทั้งซาวน่า โรงเหล้า บุหรี่ไฟฟ้า แรงงานต่างด้าว ยาปลุกเซ็กซ์ ฯลฯ มุ่งสู่ตึก บช.สอท. เมืองทองธานี ทุกวันที่ 25 ของเดือน มี “ดาบยาว” และ “รองฟาง” สองตำรวจไซเบอร์ คนสนิท ผบ.ตร.เป็นผู้รวบรวม มีทีมงานภาคตะวันออกทำยอดมากสุด เตรียมนำหลักฐานส่งให้ “จรูญเกียรติ ปานแก้ว” ไปสะสางต่อ “บิ๊กต่าย” รรท.ผบ.ตร.ระบุไม่ขอก้าวก่าย วอนให้องค์กรหันมาทำงานเพื่อชาวบ้าน นายกฯชี้เรื่องนี้ควรมูฟออนได้แล้ว “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร.ลั่นฟ้องกลับแน่นอน ขณะที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ไม่เคยรับเงินตามที่ถูกแฉ คล้อยหลังไม่นาน “ทนายตั้ม” สวนกลับ ใบ้อักษรย่อ ชื่ออุปนายกฯ พร้อมเลขบัญชีกลายเป็นประเด็นร้อนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กรณีมีบิ๊กตำรวจหลายนายเข้าไปเกี่ยวข้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ BNK Master และอื่นๆอีกหลายเว็บ ทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในวงการสีกากี ต่อมาทีมทนายความของบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกมาแฉเส้นทางการเงินพร้อมรายชื่อตำรวจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ยศ ด.ต.-พล.ต.อ. กว่า 30 นาย ระบุตำรวจยศนายพลอักษรย่อ ต. มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินทำให้ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ต้องออกมาโต้ผ่านสื่อให้เปิดเผยชื่อจริงออกมา ก่อนนายกรัฐมนตรีจะออกมาสงบศึก มีคำสั่งย้ายทั้งบิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่อไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี 60 วัน เพื่อรอการตรวจสอบกรณีเส้นทางการเงินโยงใยเว็บพนัน ทั้งหมดเป็นที่จับตาของสังคมทั้งประเทศว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ถนนสาทรใต้ เวลา 11.00 น. วันที่ 26 มี.ค. ทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดโปงขบวนการส่วยที่เกี่ยวพันกับบิ๊กตำรวจ พร้อมกับหอบแฟ้มเอกสารหลักฐานทางคดี 3 แฟ้ม โดยอ้างทั้งหมดเป็นหลักฐานสำคัญในคดีนายษิทราเริ่มต้นการแฉเส้นทางการเงินระลอกนี้ด้วยการเปิดเผยว่า ตัวละครในเรื่องนี้มีหลายคนที่สำคัญคือ “ดาบยาว คอมมานโด” มีหน้าที่รวบรวมส่วยขั้นตั้นทั้งหมดส่งต่อไปยัง “รองฟาง” คนสนิทของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญและยังเป็น นรต.61 รุ่นเดียวกับพ่อบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และอีกบุคคลหนึ่งคือ ผบ.ตร.ที่มีเส้นทางเงินไปถึงญาติด้วย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเส้นทางการเงินที่โอนผ่านบัญชีม้าและหลักฐานการโอนเงินให้นายตำรวจ โดยดาบยาวจะเป็นผู้ถือบัญชีม้าและพบบัญชีม้าบางบัญชี เจ้าของบัญชีเสียชีวิตไปแล้วแต่ยังมีผู้ทำธุรกรรมทางการเงินอยู่“โรงซาวน่า, ร้านเหล้าที่มี PR, บุหรี่ไฟฟ้า, บุหรี่หนีภาษี, ตลาดนัดเลียบด่วน, ตลาดนัดตลาดไท, สถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวทำงานที่แอบเพิ่มแรงงานที่ไม่มีบัตร, จุดคอกรับซื้อน้ำมันเถื่อน, โคมแดงข้างทาง, น้ำมันเขียวที่รัฐช่วยชาวประมงจะมีเจ้าใหญ่ๆ ไม่กี่เจ้าที่ทำเป็นยี่ปั๊ว, โต๊ะสนุ้กเกอร์, หัวหน้าแขกที่เอาแขกมาขายถั่วโรตี, คนขายยาปลุกเซ็กซ์และมีเพศสัมพันธ์ไลฟ์สดเพื่อขายยา ส่วยทั้งหมดจะมีทีมทำงาน 5 ภาค ประกอบด้วยทีมภาคเหนือ ทีมภาคอีสาน ทีมภาคกลาง ทีมภาคใต้ และทีมภาคตะวันออก โดยทีมงานที่ทำยอดได้มากที่สุด คือทีมงานภาคตะวันออก ที่มีตำรวจ บช.ภ.2 และตำรวจ บก.น. 1 และ บก.น.4 ตำรวจ บก.ภ.จ.ปทุมธานี มีหัวหน้าทีม คือ จ่ากอล์ฟ เก็บเป็นรายเดือน ค่าตั๋วจะขึ้นอยู่กับความสำคัญของแต่ละหน่วย ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีทีมที่ดูแล หัวหน้าทีมจะมีทั้งนายตำรวจและบุคคลที่ไม่ใช่ตำรวจ จะส่งยอดทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน ที่ตึก บช.สอท.” นายษิทราระบุระหว่างการแถลงข่าวนายษิทราให้ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปยังบิ๊กเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพราะเชื่อว่าเจ้าตัวดูไลฟ์อยู่ จากนั้นทนายตั้มนัดหมายส่งมอบหลักฐานที่ บช.ก.เวลา 11.00 น.วันที่ 28 มี.ค. ทั้งนี้ก่อนจบการแถลงข่าว นายษิทรากล่าวด้วยว่าก่อนออกมาแถลงข่าวและเปิดเผยเส้นทางเงินบัญชีม้าที่โยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ครั้งนี้ ปรึกษาครอบครัวแล้วเพราะรู้ถึงผลที่จะตามมา ตนยอมเจ็บเพื่อให้สังคมเปลี่ยนแปลง ยืนยันการออกมาครั้งนี้ไม่มีผู้อยู่เบื้องหลังและไม่มีใครจ้าง ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รู้ดีว่าการออกมาเปิดเผยครั้งนี้ไม่คุ้ม หลังจากนี้ตนจะโดนขุดโดนแฉ รวมถึงโดนดำเนินคดีแน่นอนมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เผยแพร่ภาพกราฟิกผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” นัดสื่อแถลงเปิดโปงวงการสีกากี อ้างชื่อผู้เกี่ยวข้อง 3 คนเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน ประกอบด้วย ดาบยาว-ด.ต.อภิชาติ สุวรรณเพ็ชร สังกัด กก.1 บก.สอท.2 บช.สอท. รองฟาง-พ.ต.ท.สุรกุล ธัญสิริดำรง กก.1 บก.สอท.2 บช.สอท. และบิ๊กต่อ-พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งโพสต์ไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. หลังจากนั้นเพจเฟซบุ๊กไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยหน้าจอระบุว่า “เนื้อหานี้ไม่พร้อมใช้งานในขณะนี้”ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มารับทราบข้อกล่าวหาว่า เรื่องนี้ยืนยันคำพูดอีกครั้ง ทั้งหมดเป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนที่ถูกตั้งขึ้นมา จะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆทั้งสิ้นจากนี้ตำรวจเรามาช่วยกันทำงานปราบปรามจับกุมสิ่งผิดกฎหมายกันดีกว่า ตนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อประชาชนในระหว่างที่รักษาราชการอยู่และจะต้องช่วยกันยกระดับของตำรวจให้เป็นที่ยอมรับของสังคมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 14.30น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 2/2567 ว่าสั่งกำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขอให้ตำรวจทุกนายกลับไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนเป็นหลัก ขอให้คดีทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการแทรกแซง ระหว่างการหารือ ก.ตร. ตนได้เชิญนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวออกจากห้องประชุมด้วย เพื่อความเป็นกลางในการตรวจสอบ หลังการพูดคุยทุกฝ่ายเห็นพ้องตรงกันว่าเรื่องนี้ควรจะมูฟออนได้แล้วทั้งนี้ ก่อนการประชุม ก.ตร. นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งย้ายสองนายตำรวจใหญ่ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่การลงโทษแต่อย่างใด ยังถือว่าทั้งคู่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนผลการดำเนินการจะนำไปสู่ขั้นตอนทางกฎหมายทางวินัยหรือปกครองหรือไม่นั้น ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับทนายตั้มเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ก่อนที่ทนายตั้มจะตั้งโต๊ะแถลงเปิดโปง ส่วนข้อมูลที่ทนายตั้มนำออกมาแฉจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะนำไปมอบให้บุคคลใดก็สามารถทำได้รวมทั้ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ใครทำอะไรพูดอะไรต้องรับผิดชอบตัวเอง หากไปกระทบสิทธิบุคคลที่สามบุคคลนั้นก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย เชื่อว่าพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้ถูกพาดพิงคงจะใช้สิทธิของท่าน ส่วนข้อมูลที่ทนายตั้มเปิดเผยไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมทั้งเรื่องเมืองทองธานี ส่วนการกล่าวหา 3 องค์กรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากได้รับรายงานก็จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบและพิจารณาดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ย้ำว่าความขัดแย้งของใครก็ว่าไปตามหลักฐาน ไม่แทรกแซงแน่นอน ยืนยันไม่ลอยตัวและไม่หนีปัญหา ส่วนจะให้น้ำหนักข้อมูลที่ทนายตั้มออกมาแฉหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใดส่วนบรรยากาศที่กองบังคับการตำรวจนครบาล2 (บก.น.2) เนื่องจากวันที่ 26 มี.ค. เป็นวันครบกำหนดตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มารับทราบข้อหาฐานสมคบร่วมกันฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน บรรยากาศโดยรวมยังคงเงียบเหงา มีพนักงานสอบสวนชุดทำคดีเข้ามาเตรียมความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ มีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งมาเกาะติดความเคลื่อนไหว ทั้งนี้แหล่งข่าวจากชุดทำคดี BNK Master ระบุว่าหาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามนัดหมายจนถึงเวลา 16.30น. คณะพนักงานสอบสวนชุดทำคดีนี้ของ บช.น.จะไปประชุมกันเพื่อพิจารณาถึงแนวทางดำเนินการต่อ โดยจะนำประเด็นกรณีที่ตำรวจสืบสวน บก.ภ.จ.สงขลา เข้าแจ้งความ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ ตาม ม.157 และ ม.149 ที่ สน.เตาปูน หลังพบหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงมาพิจารณาประกอบด้วย ว่ามีความเกี่ยวพันกันหรือไม่ จากนั้นจึงขอมติของคณะพนักงานสอบสวนถึงแนวทางดำเนินการว่าจะออกหมายจับเลยหรือไม่ต่อมาในช่วงเย็น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เปิดเผยถึงเรื่องนี้ผ่านทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้เดินทางอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด แต่เตรียมดำเนินคดีกับทนายตั้มอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นข้อหาใดนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริงของทีมกฎหมายวันเดียวกัน สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย องค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชน ออกแถลงการณ์กรณีทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด แฉเส้นทางเงินจากเว็บพนัน เชื่อมโยงนายตำรวจระดับสูง ตอนหนึ่งมีการพาดพิงถึง “นักข่าว” และ “สมาคมนักข่าว นสพ.แห่งประเทศไทย” ว่าได้รับการยืนยันจากทีมงานทนายตั้มว่า ข้อมูลที่นำมาแถลงไม่ได้เกี่ยวข้องกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยแต่อย่างใด องค์กรที่ถูกอ้างถึงคือ “สมาคมนักข่าว นสพ. แห่งประเทศไทย”ทั้งนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ตรวจสอบในระบบการจดทะเบียนของสื่อมวลชน ไม่พบชื่อองค์กรที่ทีมงานนายษิทรากล่าวอ้างแต่อย่างใด ขอเรียกร้องให้นายษิทราออกมาระบุยืนยันให้ชัดว่าเป็นสมาคมใดกันแน่ เพราะถ้าแถลงด้วยข้อมูลคลุมเครือเช่นนี้จะสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน ทำให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเสียหาย ทั้งที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยยืนยันไม่เคยได้รับการบริจาคหรือสนับสนุนเงินจากองค์กรหรือบุคคลที่มีการกล่าวอ้างในการแถลงข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด มิเช่นนั้นแล้วสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จะปกป้องเกียรติยศและชื่อเสียงของสมาคมที่ได้ก่อตั้งมายาวนานถึง 69 ปี ด้วยการดำเนินการทางกฎหมายต่อไปมีรายงานว่า หลังจากนั้นไม่นาน ทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ข้อความโต้ผ่านเพจ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” ว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ที่ออกมาโต้ตอบ ผมถามคำเดียวว่า คุณได้ถามคนในของคุณหรือยังว่าได้รับเงินใครไหม ผมใบ้ตัวย่อให้นะ ตำแหน่งอุปนายก ชื่อ ว. เอาเลขบัญชีด้วยไหม ธนาคารกสิกรไทย 758xxxxxxอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่