ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ที่เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อัญเชิญจากสาธารณรัฐอินเดียมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมาสักการะ รอบมณฑปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุฯ ได้ตั้งแต่เวลา 07.00-21.00 น. แต่ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่เวลา 04.45 น. ก็มีประชาชนจำนวนมากสวมใส่ชุดขาวเดินทางมาเข้าคิวรอบริเวณจุดคัดกรองทางเข้าสนามหลวง ตรงข้ามศาลฎีกา ฝั่งถนนราช ดำเนินใน และทางเข้าฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ถนนหน้าพระธาตุ โดยระหว่างรอเปิดจุดคัดกรอง บางส่วนได้นำสมุดสวดมนต์ออกมาสวดมนต์ บ้างก็นั่งสมาธิ เจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพุทธบูชา

กระทั่งเวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่เปิดประตูทั้งสองฝั่งให้ประชาชนเดินเข้าในพื้นที่ผ่านจุดคัดกรอง ตรวจอาวุธ จากนั้นเข้ารับดอกไม้ธูปเทียนไปสักการะ และเวียนเทียนรอบมณฑป ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมและจิตอาสาคอยดูแลความปลอดภัยและช่วยอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันแม้จะเป็นช่วงเช้าวันอาทิตย์แต่ถนนโดยรอบท้องสนามหลวง ก็หนาแน่นไปด้วยยวดยานของศาสนิกชนที่มุ่งหน้าเข้ามาในบริเวณท้องสนามหลวงจากทุกทิศทุกทาง โดยเฉพาะผู้ที่นำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในพื้นที่

จนตามจุดที่อนุญาตให้จอดรถได้ต่างเต็มอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การจราจรขาเข้าติดขัดอย่างหนักทุกด้าน โดยสะพานพระปิ่นเกล้าหางแถวยาวไปจนถึงทางขึ้นสะพานปิ่นเกล้า แยกอรุณอมรินทร์ที่รถติดขัดตั้งแต่เช้า เช่นเดียวกับถนนราชดำเนินกลาง สี่แยกคอกวัวฝั่งขาเข้า ถนนมหาราช และตามท่าเรือทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นท่าเตียน ท่าช้าง ท่ามหาราช และท่าพระจันทร์ ต่างแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ตั้งใจมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯเกือบตลอดทั้งวัน แม้ในช่วงเที่ยงถึงบ่ายมีสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น แต่ประชาชนก็ยังหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยมีการพกร่มมากางขณะเวียนเทียน และจากสภาพรอบมณฑปที่เนืองแน่นทำให้มีคนหน้ามืดเป็นลมอยู่เป็นระยะ ซึ่งก็ได้หน่วยแพทย์และพยาบาลคอยบริการยาดม ยาหม่อง และทีมจิตอาสา บริการแจกน้ำดื่มให้คลายร้อนตลอดเวลา

...

นอกจากนี้ เนื่องจากเป็นการสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯเป็นวันสุดท้ายสำหรับใน กทม.จึงมีผู้คนเดินทางมาเป็นหมู่คณะ อาทิ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ นำสมาชิกสวมเสื้อสีเหลืองเดินเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุร่วมกับพุทธศาสนิกชน หลังจากนั้นเดินไปที่ซุ้มกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อบริจาคหมี่คลุก 400 ห่อ ให้กับหน่วยงานไว้แจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม และยิ่งใกล้เวลาปิดการสักการะฯ ในเวลา 21.00 น. ยิ่งมีประชาชนเดินทางเข้าพื้นที่อย่างเนืองแน่น เดินเวียนเทียนรอบมณฑป จนล้นออกมาด้านนอก

จากนั้นในเวลา 21.39 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ เข้าสักการะและประกอบพิธีอัญเชิญกลับไปยังห้องมั่นคง พิพิธ ภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และวันที่ 4 มี.ค.มีการอัญเชิญต่อไปประดิษฐาน ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพื่อเปิดให้ประชาชนในภาคเหนือได้กราบสักการะ ระหว่างวันที่ 5-8 มี.ค.นี้

ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า นับเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ได้มีโอกาสสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ เป็นการหลอมรวมพลังความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา และยังได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้สำนักจดหมายเหตุแห่งชาติ เก็บข้อมูลทั้งภาพและรายละเอียดของงาน จดบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ด้วย

ขณะเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ ตลอดเช้าวันที่ 3 มี.ค. จังหวัดมีการเตรียมรับขบวนอัญเชิญพระบรมสาริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ที่เดินทางถึง จ.เชียงใหม่ ในช่วงสายวันที่ 4 มี.ค.โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รอง ผวจ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ พร้อมคณะ มาตรวจสถานที่ตามจุดต่างๆ ที่จะต้อนรับพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ตั้งแต่อัญเชิญลงจากเครื่องบินที่กองบิน 41 แล้วเคลื่อนขบวนแห่ไปยังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ อ.เมืองเชียงใหม่ รวมทั้งจุดที่จะให้ประชาชนกราบสักการระพระบรมสารีริกธาตุฯ ณ หอคำหลวง

สำหรับพิธีรับพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ในวันจันทร์ที่ 4 มี.ค. ที่บริเวณอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น. จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดริ้วขบวน 17 ริ้วขบวนอัญเชิญเป็นขบวนเครื่องสักการะล้านนา ขบวนช่างฟ้อนพื้นเมือง ขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี ขบวนรถบุษบกประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ และขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ มีผู้ร่วมขบวนประมาณ 3,000 คน เคลื่อนจากประตูช้างค้ำมายังหอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯขึ้นสู่มณฑปที่ประดิษฐานบนหอคำหลวง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมสักการะในตั้งแต่วันที่ 5-8 มี.ค.นี้ โดยการกราบสักการะไม่อนุญาตให้ขึ้นไปที่ห้องประดิษฐานบนหอคำหลวง แต่ได้จัดพื้นที่สักการะไว้ภายนอกอาคารหอคำหลวง และเวียนเทียนรอบหอคำหลวง โดยประชาชนที่มากราบสักการะพระ บรมสารีริกธาตุฯแล้วจะได้รับแจก “ธรรมนาวาวัง” แผ่นธรรมะพระราชทานจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่จัดเตรียมไว้ 1 แสนฉบับด้วย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่