“ชัยวัฒน์” เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมมอบเอกสารหลักฐาน 53 แผ่น ให้ตำรวจ บก.ปปป. แฉหลังมีเรื่องมีทั้งคนให้กำลังใจ และกลุ่มเสียผลประโยชน์แชตไลน์ข่มขู่ ลั่นไม่สนและไม่กลัว ก่อนมีเรื่องเคยเข้าไปเจรจากับอธิบดีกรมอุทยานฯแล้ว แต่ได้รับการยืนยันว่าต้องจ่ายส่วยเหมือนเดิม ตัดสินใจเข้าร้องเรียนพร้อมมอบหลักฐานให้ ป.ป.ช.นำไปสู่การจับกุม ด้าน ผบก.ปปป.เผยถึงคิวเรียกสอบข้าราชการ ทส.เจ้าของซองเงินที่พบในห้องทำงานผู้ต้องหา มีทั้งชื่อบุคคลและหน่วยงานปะปนกัน ถ้าให้ความร่วมมือจะกันไว้เป็นพยาน แต่ถ้าไม่ร่วมมืออาจถูกดำเนินคดี มั่นใจในพยานหลักฐานแน่นหนาครบถ้วน เตรียมส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเร็วที่สุด

กรณีตำรวจ บก.ปปป.จับกุมนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทุจริตเรียกรับสินบนโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ในสังกัด ตรวจยึดเงินสดในห้องทำงานเกือบ 5,000,000 บาท ความคืบหน้าจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ม.ค. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อให้ปากคำพนักงานสอบสวน หลังเป็นคนยื่นข้อมูลหลักฐานให้ตำรวจจับกุมนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เรียกรับเงินตามความผิดมาตรา 149 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และ ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หลังจับกุมนายรัชฎาประกันตัวไปวงเงินสด 4 แสนบาท เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.65
...
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กล่าวว่า เมื่อเช้านำเอกสารข้อมูลรายละเอียดไปให้ปากคำคณะกรรมการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ก่อนเดินทางมา บก.ปปป.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายชื่อบุคคลที่ปรากฏบนซองเงินว่า เป็นใครบ้าง อยู่ส่วนไหน เชื่อมั่นในหลักฐานของ ปปป. และ ป.ป.ช.ที่เข้าไปตรวจค้น ถ่ายคลิปไว้อย่างชัดเจนจนเผยแพร่ต่อสังคม ยืนยันการออกมาครั้งนี้ไม่เป็นการกลั่นแกล้งหรือมีข้อขัดแย้งส่วนตัวและไม่คิดว่าจะมีการล้มคดีเพราะสังคมเห็นพฤติกรรมหมดแล้ว ส่วนข้อมูลตนได้รับการเรียกร้องมาตั้งแต่กลับเข้ารับตำแหน่งว่ามีการรังแกมาตลอด ต้องจ่ายรายเดือน เก็บเปอร์เซ็นต์ ผลของการเก็บเงินเหล่านั้นทำให้เจ้าหน้าที่เดือดร้อนในการใช้ชีวิต
“เคยเข้าไปคุยกับนายรัชฎาเมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พยายามติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่หน้าห้องถึง 2 ครั้ง จนได้เข้าพูดคุย ตอนนั้นผมบอกว่า ขออย่าเก็บเลยและชี้แจงปัญหาของลูกน้องชั้นผู้น้อยที่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา มันเดือดร้อน มันไม่ไหวหรอกถ้าเก็บขนาดนี้พวกเขาจะทำงานกันยังไง เมื่อก่อนมันไม่เคยทำกันอย่างนี้ ตอนนั้นอธิบดีตอบกลับมาว่าไม่ยอม ยังยืนยันให้จ่าย ผมเลยพูดทิ้งท้ายไว้ว่า สุดท้ายผมต้องจ่ายใช่ไหม หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลส่งให้เจ้าหน้าที่ก่อนนำเงินไปมอบให้ นำไปสู่การจับกุมของตำรวจ ปปป. ปปท. และ ป.ป.ช.” นายชัยวัฒน์กล่าว
ถามว่า ก่อนหน้านี้มีการจ่ายเงินแบบนี้ภายในองค์กรหรือไม่ นายชัยวัฒน์ตอบว่า การให้เป็นวัฒนธรรมของคนไทย ทั้งการให้ด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ยอมรับว่ามี แต่วัฒนธรรมการเรียกเก็บแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน เรียกเก็บทุกเม็ด ส่วนใครจะจ่ายหรือไม่ตนไม่รู้ ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยต้องจ่ายหรือเรียกเก็บใครมาก่อน แต่ปัจจุบันต้องจ่ายในลักษณะทอนเงินบริหารอัตรา 18.5 เปอร์เซ็นต์ เช่น งบลงไป 100 บาท ต้องทอนคืน 18.50 บาท จากนั้นนำมาหาร 12 เดือน เป็นจำนวนยอดส่งรายเดือน หลังเรื่องถูกเปิดเผยมีหลายส่วนมาให้กำลังใจและดีใจ ขอบคุณที่ทำเผื่อพวกเขาจะตอบแทนในการช่วยรักษาป่า แต่บางกลุ่มเสียผลประโยชน์ข่มขู่ผ่านแชตไลน์ ตนไม่สนใจและไม่กลัว
ส่วนประเด็นนายชัยวัฒน์และนายรัชฎาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสถาบันเดียวกัน ตนไม่ได้สนว่าจะจบจากมหาลัยเดียวกันหรือเป็นนาย ถ้าใครทำผิดต้องรับผิดและยึดการพิทักษ์ป่าเป็นหลัก ถามถึงข้อสงสัยของสังคมว่า ทำไมตำรวจไม่ตรวจค้นบ้านนายรัชฎาเพื่อขยายผล นายชัยวัฒน์บอกว่า ตนไม่มีความเห็นเพราะเชื่อมั่นว่า ป.ป.ช. และ ปปป. ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้เต็มที่อยู่แล้ว
หลังการให้ปากคำพนักงานสอบสวน บก.ปปป.กว่า 2 ชม. นายชัยวัฒน์ออกมาเผยว่า ทุกคนไม่ต้องกังวล คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกไปไม่มีมุมไหนที่ปกปิด การปล่อยคลิปออกไปแสดงว่า ป.ป.ช. และ ปปป.ตั้งใจทำหน้าที่ อยากให้สังคมรับรู้ วันนี้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ยื่นเอกสาร 53 แผ่น เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับซองเงิน วันนี้นอกจากตนแล้วยังมีเจ้าหน้าที่อีกคนเข้าให้ปากคำและจะมีอีก 17 ปาก มาให้ข้อมูลวันที่ 6 ม.ค. ทั้งหมดสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ส่วนเรื่องซองเงินตำรวจสอบถามรายละเอียดว่ามีใครบ้าง ทั้งหมดมี 13 รายชื่อ ระดับ ผอ.สำนัก ลงไปถึงหัวหน้าหน่วยงาน ส่วนตนมีให้ข้อมูลรวมทั้งหมด 19 คน แบ่งเป็น 13 คน รวมเงินที่เรียกรับรายเดือน 98,000 บาท
นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ไม่ทราบว่ามีการเรียกรับกันมาแล้วกี่เดือน เพราะตนมารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือน ต.ค.65 เพิ่งมารับทราบปัญหาการเรียกเงินตั้งแต่เดือน ต.ค. รวมเป็นเงิน 98,000 บาท ชัดเจนว่าเป็นการนำเงินส่วนตัวที่หาได้ในครอบครัว หรืออาจกู้สหกรณ์ไปจ่ายก่อน เพราะงบส่วนราชการเดือน ต.ค. และ พ.ย.65 ยังไม่ออก น่าสงสารเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอมจ่ายหน่วยละ 2,000 บาท เป็นเงิน 12,000 บาท มีหัวหน้าหน่วยงานหลายคนถูกรังแกต้องหาเงินมาจ่ายทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีนี้ แต่พร้อมมาให้ปากคำตำรวจอีกกว่า 7 ปาก

...
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า นายชัยวัฒน์มาให้การเพิ่มเติมเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนสำนวนคดีขอให้เป็นเรื่องของคดี หลังจากนี้จะส่งหมายเรียกเจ้าของซองเงินมาพบ ส่วนการออกหมายเรียกไม่ถือว่ามีความผิดเพราะการจับกุมใครสักคนต้องแสวงหาความร่วมมือ สั่งไปแล้วให้ประสานรอบนอกด้วยและจะเร่งสอบให้เสร็จเพื่อส่ง ป.ป.ช.โดยเร็ว การเข้าจับกุมนายรัชฎายืนยันว่าดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายมีพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์เอาผิดได้ ส่วนประเด็นการไม่ขยายผลค้นบ้านนายรัชฎา พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า บก.ปปป.ทำงานทุกมิติให้ได้ข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ ปปป. และ ป.ป.ท.จะทำอะไรต้องมีหลักฐานรัดกุมที่สุด เล่นกับพายุใหญ่ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไม่ขยายผล แต่ใช้วิธีการของเรา ทำตามอำนาจหน้าที่ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เชื่อว่ากรมอุทยานอยู่มานานปัญหาไม่มี เมื่อบุคคลไปสร้างปัญหาเป็นเรื่องของบุคคลต้องว่ากันไป
“ทั้งนี้ จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำเพิ่ม ส่วนเงินจะส่งต่อให้ใครอีกบ้างชุดสืบสวนกำลังทำงานอยู่ ฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับซองเงินมาให้ปากคำ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมให้ความเป็นธรรมยืนยันไม่กลั่นแกล้ง ส่วนเรื่องคลิปขอแก้ข่าวว่า ตำรวจกับ ป.ป.ช. ไม่ได้ปล่อย ผมจะทำทุกมิติให้กระจ่างว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบี้ยว ว่ากันด้วยพยานหลักฐาน อะไรที่เป็นของใครต้องชี้แจงให้ได้ หากชี้แจงไม่ได้อาจตกเป็นจำเลย ส่วนหน้าซองสีน้ำตาลส่วนใหญ่เป็นชื่อหน่วยงานและมีชื่อบุคคลปะปนกันไป” ผบก.ปปป.กล่าว
สำหรับไทม์ไลน์เรื่องร้องเรียนการทุจริตของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา วันที่ 28 ก.พ.65 นายรัชฎามีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการสำนักสาขา ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเกรดเอ (ขนาดใหญ่) ทั้งทางบกทางทะเลทั่วประเทศหลายคำสั่ง และมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงโดยออกคำสั่งแต่งตั้งทุก 3 วัน จากนั้นนายชัฒวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า มีการเรียกรับเงินโยกย้ายตำแหน่งจากอดีตผู้บังคับบัญชา เพื่อน รุ่นน้องจำนวนมาก
วันที่ 4 ส.ค.65 นายชัยวัฒน์มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (ในทางลับ) กรณีนายรัชฎาปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบหลายประการถึงนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา วันที่ 15 ส.ค.65 นายชัยวัฒน์เข้าพบนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส.พูดคุยถึงการทุจริตเรียกรับเงินวิ่งเต้นโยกย้าย นายจตุพรแจ้งว่า ไม่รู้ไม่เห็นและไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน หากมีหลักฐานนำมาแจ้งได้เลย
...
วันที่ 3 ต.ค.65 นายชัยวัฒน์กลับไปทำหน้าที่ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) รับแจ้งจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่า อธิบดีเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์จากหัวหน้าหน่วยงาน ปลายเดือน ต.ค. นายชัยวัฒน์เข้าพบอธิบดีที่ห้องทำงาน จึงทราบว่าอธิบดีเรียกเก็บเงินจากหน่วยงานจริงและเงินดังกล่าวให้ตนเป็นผู้นำมาส่งวันที่ 22 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกนายชัยวัฒน์ไปสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีร้องเรียนอธิบดีกรมอุทยาน วันที่ 26 ธ.ค.65 นายชัยวัฒน์ร่วมกับตำรวจ ปปป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายรัชฎาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
วันที่ 27 ธ.ค.65 ตำรวจ บก.ปปป.นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกำลังไปเชิญตัวนายรัชฎามาที่ห้องทำงาน พร้อมแจ้งเหตุและตรวจสอบพบเงินล่อซื้อ ขยายผลตรวจพบเงินและเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับเงินดังกล่าว ตรวจยึดเป็นของกลาง 21 รายการ เป็นเงิน 4,843,300 บาท และจับกุมนายรัชฎาดำเนินคดีในที่สุด