ผมได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับ วัคซีนแอสตราเซเนกา เมื่อสองวันก่อน เลยมีข่าวดีมาฝาก แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จะส่งมอบ วัคซีนลอตแรกที่ผลิตจากสยามไบโอไซเอนซ์ให้รัฐบาลก่อนกำหนด 1.7 ล้านโดส ในสัปดาห์หน้านี้ วัคซีนแอสตราเซเนกาลอตแรกนี้ ได้ผ่านการตรวจสอบรับรองคุณภาพ จาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ ห้องแล็บของแอสตราเซเนกาที่สหรัฐฯและยุโรปแล้ว เพื่อให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนเร็วขึ้น จากกำหนดเดิมที่จะส่งมอบลอตแรก 6 ล้านโดสในต้นเดือนมิถุนายน
หลังจากส่งมอบลอตแรกแล้ว แอสตราเซเนกา จะทยอยส่งมอบให้ เดือนละ 10 ล้านโดส ตามกำหนดจนครบ 61 ล้านโดส ในเดือนธันวาคม อาจจะส่งเร็วกว่านี้ก็ได้
เท่ากับว่าเดือนพฤษภาคมนี้ เรามีวัคซีนพร้อมฉีดให้ประชาชนทุกกลุ่ม 5.2 ล้านโดส เป็น วัคซีนแอสตราเซเนกา 1.7 ล้านโดส และ วัคซีนซิโนแวคที่สั่งเพิ่ม 3.5 ล้านโดส เดือนหน้า มิถุนายนแอสตราเซเนกาจะส่งวัคซีนตามกำหนดอีก 6 ล้านโดส และเดือนต่อๆไปอีกเดือนละ 10 ล้านโดส จนครบ 61 ล้านโดส ยังไม่นับ วัคซีนทางเลือก ที่รัฐบาลจะสั่งเข้ามาอีก 37 ล้านโดส ทำให้รัฐบาลมีวัคซีนเพียงพอที่จะปูพรมฉีดทั่วประเทศได้เลย
ที่ผมเป็นห่วงก็คือ ศบค. และ กระทรวงสาธารณสุข จะสามารถบริหารจัดการ การกระจายวัคซีน และ การฉีดวัคซีน ได้อย่างทั่วถึงและทันจำนวนวัคซีนที่มีอยู่หรือไม่ เพราะการฉีดวัคซีนยังเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก ตัวเลขวันที่ 11 พ.ค.เพิ่งฉีดไปแค่ 1.89 ล้านโดสเท่านั้นเอง
เมื่อวานนี้ผมได้เสนอให้รัฐบาลใช้ “โมเดลการเลือกตั้ง” แจ้งเรื่องการฉีดวัคซีนไปยังเจ้าของบ้านแทนการ “ลงทะเบียน” รับการฉีดวัคซีน ใครจะไปฉีดก็ได้ ไม่ไปฉีดก็ได้ เหมือนการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง การเลือกตั้งปี 2562 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 51 ล้านคน ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 38 ล้านคน กกต.สามารถจัดการเลือกตั้งเสร็จในวันเดียวเท่านั้น ถ้ารัฐบาลใช้โมเดลนี้ ผมเชื่อว่าประชาชนทุกบ้านจะได้รับข้อมูลเรื่องการฉีดวัคซีน
...
เมื่อวานนี้ผมยังได้นำข้อแนะนำของ “แพทย์ผู้ใหญ่” ท่านหนึ่ง เสนอให้ฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงทันทีแทนการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ Swab หรือตรวจหาเชื้อในโพรงจมูก ซึ่งต้องใช้กำลังคนมากใช้เงินมากค่าตรวจครั้งละ 3,000 บาท แต่การฉีดวัคซีน เช่น แอสตราเซเนกา เข็มละ 5 ดอลลาร์ 150 บาทเท่านั้นเอง ถูกกว่ากัน 20 เท่า การตรวจหาเชื้อด้วยการ Swab แม้จะไม่พบเชื้อก็ยังต้องไปฉีดวัคซีนอยู่ดี ก็ฉีดเสียเลยหมดเรื่อง

การฉีดวัคซีน จะไปสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย หลังจากที่ฉีดเข็มแรกไป 2-4 สัปดาห์ ช่วยป้องกันการติดเชื้อจากคนอื่น และ ช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน 98-99% แม้จะได้รับเชื้อภายหลังก็ไม่ป่วยหนัก ไม่เสียชีวิตจากโควิดแน่นอน
ผมคิดว่าช่วงนี้ เป็นโอกาสเหมาะที่สุดของรัฐบาล ที่จะ ปูพรมฉีดวัคซีน ให้ประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศ วัคซีนมีเพียงพอแล้ว อาจารย์หมอทุกท่าน ที่ออกมาเรียกร้องให้คนฉีดวัคซีน ก็พูดตรงกันว่า “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ฉีดเร็วที่สุด” ยี่ห้ออะไรก็ได้ขอให้ฉีดทันที เพื่อตัดวงจรเชื้อโควิด-19 ให้เร็วที่สุด อย่าไปเสียเวลาตรวจหาเชื้อ หรือ Swab เลยครับ
การลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” ก็เช่นเดียวกัน วันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่พร้อม กลุ่มเสี่ยงกลุ่มแรก 16 ล้านคน ผ่านไป 11 วัน ลงทะเบียนแค่ 1.73 ล้านคน ใช้ “โมเดลเลือกตั้ง” กระจายวัคซีนไปทุกท้องถิ่น ฉีดให้ทุกคนเลยจะดีกว่า ใครพร้อมก็ฉีด ใครไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องฉีด ยึดคำพูดอาจารย์หมอ “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ฉีดเร็วที่สุด” ผมหวังว่านายกฯจะใช้ อำนาจ Single Command สั่งดำเนินการทันที ยิ่งฉีดช้ายิ่งเสียหายเยอะนะครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
