นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า

จากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน ได้ดำเนินโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตร ตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) เพื่อให้หน่วยงานในสังกัด สนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิต โดยเฉพาะสินค้าข้าวและยางพาราในพื้นที่ไม่เหมาะสม เป็นการผลิตที่เหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ตามแผนที่เกษตร เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า การติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ ปีงบประมาณ 2562 กำหนดพื้นที่เป้าหมาย 24 จังหวัด พบว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสม 138,595 ไร่ มาเป็นการทำประมง หญ้าเลี้ยงสัตว์ พืชเศรษฐกิจอื่น เช่น อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง รวมถึงปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และเกษตรผสมผสาน

พบว่า ฤดูการผลิต ปี 2562/ 63 เกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนจากข้าวมาทำเกษตรอื่น ได้รับผลผลิตทั้งหมดแล้ว 42% ได้ผลผลิตบางส่วน 21% และยังไม่ได้รับผลผลิต 37% เนื่องจากอยู่ในระหว่างรอการเก็บเกี่ยว และเป็นไม้ผล ไม้ยืนต้น ซึ่งให้ผลตอบแทนระยะยาว โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 89% ยังคงผลิตสินค้าแบบที่ปรับเปลี่ยนมาอย่างต่อเนื่อง และมีเกษตรกร 28% ต้องการขยายพื้นที่ เพื่อปรับเปลี่ยนการผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยรายละ 5 ไร่

...

“ด้านการประเมินผลทางเศรษฐกิจ ภาพรวมเกษตรกรพอใจมาก เพราะนอกจากจะได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตบางส่วนแล้ว ทุกชนิดสินค้าที่เก็บเกี่ยวผลผลิต ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าการปลูกข้าว โดยกำไรจากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สูงกว่าไร่ละ 2,696 บาท/ปี อ้อยโรงงานสูงกว่าไร่ละ 1,408 บาท/ปี เกษตรผสมผสาน สูงกว่าไร่ละ 643 บาท/ปี ประมง สูงกว่าไร่ละ 286 บาท/ปี และหญ้าเลี้ยงสัตว์ สูงกว่าไร่ละ 285 บาท/ปี ที่สำคัญเกษตรกรที่ทำประมงและเกษตรผสมผสาน สามารถลดรายจ่ายค่าอาหารในครัวเรือนได้อีกด้วย”

นางอัญชนา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การดำเนินโครงการในระยะต่อไป ควรดำเนินกิจกรรมสนับสนุนปัจจัยการผลิต ถ่ายทอดความรู้สำหรับการปรับเปลี่ยนให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนการรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว รวมทั้งผลักดันให้สหกรณ์เข้ามามีบทบาท จำหน่ายสินค้าของเกษตรกรให้มากขึ้น เพื่อให้เกษตรกรมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่ม โดยเกษตรกรที่สนใจปรับเปลี่ยนการผลิตตามพื้นที่ Agri-Map สามารถขอคำแนะนำได้ที่สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดในพื้นที่.