เขมจิรา - อัญญาณี - อรัญญา

ผ่านพ้นเทศกาลเฉลิมฉลองช่วงปีใหม่ ก็มาถึงคิวของเด็กๆที่จะมีรอยยิ้ม ความสุข และสนุกสนาน เนื่องในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ 2563” ถูกกำหนดให้จัดขึ้นตรงกับวันเสาร์ที่ 2 เดือนมกราคมของทุกปี 

และในปี 2563 ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม...

ในปีนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563...“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” ที่เน้นว่า...เด็กไทยยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญทั้งเรื่องของเทคโนโลยี และต้องรู้จักหน้าที่ของความเป็นพลเมืองไทย รับผิดชอบอนาคตประเทศชาติร่วมกันด้วย

ทว่า...แต่ละหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั่วประเทศ ต่างพากันจัดกิจกรรมให้เด็กๆได้สนุกสนาน ส่งความสุข ให้เกิดรอยยิ้มของเยาวชน ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต โดยสถานที่ท่องเที่ยวในวันเด็กยอดฮิตของเด็กมาตลอด คือ ทำเนียบรัฐบาล...เปิดให้ชมห้องทำงานนายกฯ ตึกไทยคู่ฟ้า

กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพอากาศ กองทัพบก กองทัพเรือ ในการแสดงภาคอากาศของเครื่องบิน การแสดงแสนยานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ เฮลิคอปเตอร์ รถถัง รถสายพานลำเลียง ยานเกราะล้อยาง รถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ ยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยเหลือภัยพิบัติ สามารถถ่ายภาพ ทดลองนั่งกัน

สิ่งที่น่าสนใจ...มักเห็นภาพความน่ารักๆของเด็กในชุดอาชีพต่างๆ เช่น คุณครู นักบิน ชุดทหาร พยาบาล แพทย์ และชุดซุปเปอร์ฮีโร่ นางเอกในนิยาย ที่สวมใส่มาเที่ยวงานนี้เสมอ สะท้อนให้เห็นถึงจินตนาการความใฝ่ฝันของเด็กๆตามความฝันที่พวกเขาโตขึ้นอยากเป็น...

เนื่องในวันเด็กประจำปี พ.ศ.2563 “ทีมสกู๊ปหน้า 1” สำรวจความฝันของเด็ก...ที่เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองนี้ ในงาน “100 ปี ชาตกาล กำพล วัชรพล ประจำปี 2562” ที่มีตัวแทนครู นักเรียน จากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา...ทั่วประเทศ มาร่วมงานครั้งนี้

...

จึงถือโอกาสนี้พูดคุยกับ เขมจิรา เขมวัตรสุธรรม อายุ 13 ปี นักเรียน ม.1 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 75 เขตสายไหม กทม. บอกว่า ปัจจุบันครอบครัว ประกอบธุรกิจส่วนตัว คือ จำหน่ายอาหารทะเลสด อาทิ ปลา หมึก กุ้ง หอย ทำให้มีความคุ้นเคยกับการค้าขายมาตั้งแต่เล็ก...

เพราะบางครั้งต้องออกไปช่วยพ่อกับแม่ขายอาหารทะเลในตลาดสดบ่อยๆ ได้เห็นท่านทั้ง 2 คนทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเงินมาส่งให้ตัวเอง และพี่สาวได้เล่าเรียนหนังสือในระดับที่สูงๆ

จนเกิดแรงบันดาลใจ...ในความฝันอยากมีความรู้นำมาต่อยอดพัฒนาธุรกิจของครอบครัว ให้มีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
เริ่มจากทำตัวเป็นคนดี ตั้งใจเรียน...โดยเฉพาะวิชาที่ชอบ คือ “ภาษาอังกฤษ” ที่ต้องทำความเข้าใจหลักเบื้องต้น ในการพูด อ่าน เขียน หากไม่เข้าใจต้องสอบถามครูทันที

เพราะในการทำธุรกิจ มีความจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ทั้งในการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติ และการสื่อสารกับลูกค้า หรือบริษัทอื่น

อนาคต...อยากเรียนในมหาวิทยาลัย...คณะวิชาเกี่ยวกับสายอาชีพ “นักการตลาด” ที่สามารถนำไปพัฒนาธุรกิจครอบครัว เพราะจะได้เป็นนายของตัวเอง ไม่ต้องถูกใครมาบังคับให้ต้องทำนั่น...ทำนี่...ส่วนเงินรายได้ก็เป็นเงินตัวเองทั้งหมด ไม่เหมือนกับพนักงานบริษัท ต้องรับจ้างทำงานให้กับคนอื่น...

“ทั้งหมดนี้ได้แรงบันดาลใจ...จาก “ท่านกำพล วัชรพล” ยกย่องเป็นบุคคลต้นแบบ เพราะท่านเริ่มจากศูนย์...ที่เป็นเด็กบ้านนอก ไม่ได้ศึกษามาสูง เมื่อเติบโตมาก็ใช้ความขยัน หมั่นเพียร จนประสบความสำเร็จ และหันมาส่งเสริมพัฒนาการศึกษา หากขยันได้เหมือนท่าน ก็คงประสบความสำเร็จ” เขมจิรา ว่า

ขอยกแบบอย่างท่านกำพล วัชรพล มาใช้กับการดำรงชีวิต ในเรื่องความมุ่งมั่น หากตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ก็ต้องมั่นใจว่า...สิ่งที่ทำนั้น คือ
จุดมุ่งหมายของตัวเอง

ในวันเด็กนี้...ความใฝ่ฝัน อยากทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดความสำเร็จ...สู่อนาคต...

เพื่อนๆทุกคน...หากฝันในอาชีพใด...ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด เริ่มจากวันนี้ด้วยการตั้งใจเรียน

อยากให้นายกฯ “ลุงตู่” ส่งเสริมการศึกษา เพราะเคยเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ ยังมีเด็กบางคนในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษามากมาย แต่เขาก็มีความฝันอยากเรียนหนังสือ...เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิมที่เป็นอยู่นั้น ส่วนคนที่มีโอกาสกลับไม่ตั้งใจเรียนกัน

อีกหนึ่งความฝันเด็กไทย หฤษฎ์ มะลิใจ อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เล่าว่า มีความฝันตั้งแต่เด็ก อยากรับราชการครู สอนนาฏศิลป์ เพราะมีความถนัดในด้านนี้ที่มีความสวยงาม ทำให้ชื่นชอบในเรื่องศิลปะการแสดงประกอบดนตรีของไทย

เมื่อมีฝันแล้วก็หันมาเข้าชมรมนาฏศิลป์ ทุกครั้งที่เรียนนาฏศิลป์ ได้แสดงร่ายรำ มักมีความสุข รู้สึกผ่อนคลาย จนค้นพบความต้องการตัวเอง จากเคยชอบก็กลายเป็นรักผูกพันยิ่งขึ้น และตั้งใจอยากเข้าเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป เพราะนาฏศิลป์...เป็นศิลปะการแสดง มีเสน่ห์ ไม่ใช่ใครก็รำได้ แต่ต้องฝึกฝนกันมาเป็นอย่างดี

สิ่งสำคัญ...นาฏศิลป์ เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย ที่เชิดหน้าชูตาคนในชาติ ทำให้อยากจะเป็นครูสอนเผยแพร่สานต่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก และช่วยกันรักษาต่อไป ที่จะอยู่คู่เป็นลักษณะทางวัฒนธรรมแห่งความเป็นไทยไม่ให้สูญหาย ทำให้ต่างชาติให้ความสนใจและยกย่อง

...

เช่นเดียวกับ อรัญญา อุยทังคำ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 23 อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่า หากเติบโตขึ้น มีความตั้งใจเป็น “ครูสอนนาฏศิลป์” ทำให้มีความตั้งใจเรียนหนังสือ ด้วยความพยายามฟังครูสอน อธิบายในห้องเรียน โดยเฉพาะวิชาภาษาไทย และวิชาศิลปะ

สิ่งสำคัญ อาชีพครูคืออาชีพถ่ายทอดความรู้ “ใครจะเป็นครู ต้องเป็นคนเก่งมาก” ดังนั้นอยากเป็นคนเก่งสามารถให้ความรู้กับคนอื่นได้ ไม่ใช่สอนเฉพาะด้านนาฏศิลป์ แต่ต้องการสอนการใช้ชีวิต ด้วยการตั้งเป้าชีวิต ให้ก้าวไปถึงความฝัน มีเป้าหมายชีวิตเป็นแรงผลักดัน

“อยากทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ยึดความสุจริต ช่วยเหลือนักเรียน ด้วยการถ่ายทอดวิชาความรู้ ทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ ใน วันเด็กแห่งชาติ 2563 นี้มีความฝันอยากได้ทุนการศึกษา เพราะสามารถต่อยอดประโยชน์ให้แก่ตัวเอง ที่มีความยั่งยืนมากกว่าของขวัญแบบวัตถุ”

ส่วน อัญญาณี หงษ์สระครู อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 91 อ.เมืองอำนาจเจริญ เป็นอีกคนที่มีความฝัน เธอว่าวิชาที่ชื่นชอบมากที่สุดคือ “ภาษาไทย” เพราะเรียนเข้าใจง่ายกว่าวิชาอื่นและเป็นแนวทางตามความฝัน หากเติบโตขึ้นอยากเป็น “ครูสอนภาษาไทย”...เพื่อจะได้สอนให้นักเรียนมีความรู้ เป็นคนดี

สามารถนำความรู้ ไปประกอบอาชีพ ในการเอาตัวรอด อีกทั้งมีแรงบันดาลใจจากพี่สาว รับราชการครู สอนนักเรียนอยู่ และพ่อแม่ก็อยากให้มีอาชีพนี้ด้วย ทำให้เป็นแรงผลักดันในความฝันมาตลอด เริ่มจากวันนี้ปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี หากเจอผู้ใหญ่ก็ควรยกมือไหว้ เพราะเป็นมารยาทของคนไทย

“เมื่อเป็นครู จะขอกลับมาสอนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ให้ความรู้กับตัวเอง และอยากสอนให้ทุกคนเป็นคนดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเสียสละต่อสังคม”

...

ความฝันสูงสุด...อยากกอด “นายกฯลุงตู่” เพราะท่านเป็นต้นแบบที่ตัวเองยึดเป็นแบบอย่าง...ในด้านการทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติ ท่านคงเหน็ดเหนื่อยทุกวัน จึงอยากเป็นกำลังใจให้ท่านสู้ๆ หนูขอสัญญาว่า...จะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เพื่อจะได้เป็นครูตามความฝัน กลับมาพัฒนาประเทศชาติ เหมือนกับท่านนายกฯลุงตู่...

ทั้งหมดนี้ คือ “ความฝัน” มักถูกผู้ใหญ่...ถามมาตลอดว่า...โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร...ในความฝันนี้จะเกิดขึ้นจริงได้...ส่วนหนึ่ง...ก็ขึ้นกับตัวเด็กเอง และส่วนหนึ่ง...ก็ต้องได้รับการส่งเสริมจากผู้ใหญ่ด้วย.