นํ้าป่าหลากถล่ม สวนผึ้ง-บ้านคาครม.ทุ่มงบฯ กว่า 7.6 พันล้านบาทช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประเดิมแจกก่อน 29 จังหวัด ขณะที่สถานการณ์นํ้าท่วมอุบลราชธานียังวิกฤติ แม่น้ำมูลยังสูงกว่าตลิ่ง 2.56 เมตร เจ้าหน้าที่ระดมเรือผลักดันน้ำลงแม่น้ำโขง ธารน้ำใจยังหลั่งไหลซับน้ำตาประชาชน ด้าน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” งดแจกเงิน 1 วันมอบให้ทีมงานล่องเรือลุยน้ำมอบถุงยังชีพและส้วมถึงบ้าน ส่วนที่ราชบุรีน้ำป่าถล่มจมตลาดชายแดนไทย-พม่า อ.สวนผึ้ง อุตุฯแจ้งเตือนฝนลดลง-หนาวมาเยือนธารน้ำใจยังคงหลั่งไหลซับน้ำตาพี่น้องชาว จ.อุบลราชธานี หลังประสบอุทกภัยหนักสุดในรอบ 17 ปียาวนานมาเกือบ 1 เดือนแล้ว ถึงแม้แม่น้ำมูลจะลดลงเรื่อยๆ แต่ระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่ง ประกอบกับมีฝนตกลงมาซ้ำ ทำให้น้ำระบายช้า คาดว่ากว่าน้ำจะลดต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ส่งผลให้ชาวบ้านต้องทนทุกข์ต่อไปน้ำมูลยังวิกฤติ-สูงกว่าตลิ่ง 2.56 ม.สถานการณ์น้ำในแม่น้ำมูล ที่สถานีวัดระดับน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย เขตเทศบาลนคร อุบลราชธานี เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 24 ก.ย.วัดได้ 114.56 ม.รทก. ระดับน้ำลดลง 11 ซม. อัตรา การไหล 3,753.00 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำล้นตลิ่ง 2.56 เมตร ส่วนระดับน้ำที่วัดปากโดม อ.พิบูลมังสาหาร อยู่ที่ 112.85 ม.รทก.ลดลง 14 ซม. แต่ยังมีน้ำล้นตลิ่ง สำหรับเขื่อนปากมูลยังเปิดประตูระบายน้ำทั้งหมด อัตราน้ำไหลผ่านลงสู่แม่น้ำโขงอยู่ที่ 5,692.82 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละกว่า 491 ล้านลูกบาศก์เมตร ระดับน้ำโขงที่ อ.โขงเจียม อยู่ที่ 7.97 เมตร ลดลงอีก 40 ซม. ทำให้น้ำอยู่ต่ำกว่าตลิ่ง 6.53 เมตร เร่งผลักดันน้ำระบายลงน้ำโขงขณะที่ พล.ต.กิตติศักดิ์ บุญพระธรรมชัย ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้าตรวจสอบการทำงานของเรือผลักดันน้ำกองทัพเรือ ที่นำมาสนับสนุนเสริมเครื่องผลักดันน้ำของกรม ชลประทานที่สะพานข้ามแม่น้ำมูล บริเวณแก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อเร่งผลักดันน้ำที่ยังท่วมขังตามที่ลุ่มสองฝั่งแม่น้ำมูลใน อ.เมืองอุบลราชธานี อ.วารินชำราบ อ.สว่างวีระวงศ์ อ.ตาลสุม และ อ.พิบูลมังสาหาร ลงแม่น้ำโขงให้เร็วขึ้น เพื่อให้ประชาชนสองฝั่งแม่น้ำที่ถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3 สัปดาห์กลับเข้าบ้านใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุดแก่งสะพืออุปสรรคกั้นน้ำไหลนอกจากนี้ กรมชลประทานและกองทัพเรือได้ติดตั้งเรือผลักดันน้ำในแม่น้ำมูลรวม 2 จุดคือสะพานข้ามแม่น้ำมูลใน อ.พิบูลมังสาหาร และ อ.โขงเจียม จุดไหลบรรจบระหว่างแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงจำนวนกว่า 300 เครื่อง แต่ละเครื่องสามารถผลักดัน น้ำได้เฉลี่ยวันละกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้เพิ่มการระบายน้ำจากปกติออกจากแม่น้ำมูลวันละกว่า 30 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับบริเวณแก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร มีลักษณะเป็นเกาะแก่งกลางแม่น้ำมูลเป็นเสมือนเขื่อนกั้นแม่น้ำตามธรรมชาติ เมื่อน้ำจากด้านบนไหลลงมาถึงบริเวณดังกล่าวจะเกิดการชะลอตัว โดยระดับน้ำเหนือแก่งสะพือจะมีระดับน้ำ ต่างจากตัวแก่งด้านล่าง 1-2 เมตร เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเพิ่มเรือผลักดันน้ำเพื่อช่วยให้การระบายน้ำข้ามแก่งสะพือได้สะดวกและเร็วขึ้น ทีมงาน “บิณฑ์” งดแจกเงิน 1 วันส่วนความเคลื่อนไหวของนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดังที่นำเงินบริจาคจากผู้ใจบุญลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี ครอบครัวละ 5,000 บาทอย่างต่อเนื่องทุกวัน ล่าสุดในวันนี้นายบิณฑ์หยุดแจกเงิน 1 วัน มีเพียงนายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงและน้องชายฝาแฝดพร้อมทีมงานมูลนิธิร่วมกตัญญู นำถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคและสุขาชั่วคราวที่ทำจากถัง 20 ลิตรลงเรือนำไปมอบให้ประชาชนในชุมชนริมแม่น้ำมูลประกอบด้วย ชุมชนปากกุดหวาย ชุมชนคูสว่าง ชุมชนกุดปลาขาว อ.วารินชำราบ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบ้าน เนื่องจากน้ำยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร“บัวขาว” เยี่ยมศูนย์พักพิงในวัดส่วน พล.ต.ชาญชัย เอมอ่อน รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า พร้อมด้วย ร.ต.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยชื่อดังลงพื้นที่ไปเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่ศูนย์พักพิงชั่วคราววัดสุปัฏนาราม ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัย 138 ครัวเรือนและร่วมทำความสะอาดภายในวัด เนื่องจากพื้นที่บางส่วนถูกน้ำมูลไหลเอ่อเข้าท่วม ล่าสุดน้ำลดลงแล้ว พร้อมร่วมถ่ายรูปกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง “แมท-ภีรนีย์” ร่วมฟื้นฟูชาวบ้านที่วัดบ้านท่าเมือง ต.ท่าเมือง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี พล.อ.อ.ถาวรวัฒน์ จันทนาคม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมคณะนำดาราช่อง 3 ประกอบด้วย “แมท-ภีรนีย์ คงไทย” นางเอกสาวชื่อดัง และ “ย้ง-ธนากร สุขสมเลิศ” นักแสดงหนุ่มลงพื้นที่ปลอบขวัญให้กำลังใจชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยพร้อมมอบถุงยังชีพ และร่วมฟื้นฟูทำความสะอาดบ้านเรือนและถนนหนทาง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและ รพ.สต.ท่าเมือง สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้ถูกลำน้ำเซบกเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมมานานร่วม 2 สัปดาห์ ล่าสุดน้ำลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประชาชนที่หนีน้ำมาอาศัยอยู่ภายในศูนย์อพยพกลับเข้าไปทำความสะอาดบ้านพักและเตรียมย้ายไปอยู่ในเร็วๆนี้70% ป่วยโรคน้ำกัดเท้า-เครียดนายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอดอนมดแดง เปิดเผยว่า อ.ดอนมดแดงประสบอุทกภัยเป็นวงกว้างมาตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 ตำบล 47 หมู่บ้าน ผู้ประสบภัย 3,160 ครัวเรือน บ้านเรือนถูกน้ำท่วม 1,172 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายประกอบด้วย นาข้าว 26,639 ไร่ มันสำปะหลัง 52 ไร่ และสวนยางพาราอีก 40 ไร่ ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว โดยมีกำลังพลจากกองทัพอากาศมาร่วมฟื้นฟูหลังน้ำลด และจัดทีมแพทย์ตรวจรักษาโรคให้ประชาชน เนื่องจากผู้ประสบภัยร้อยละ 70% มีอาการน้ำกัดเท้า และเริ่มมีความเครียดจากสภาพบ้านและไร่นาถูกน้ำท่วมมานานน้ำป่าท่วมตลาดชายแดนสวนผึ้งที่ จ.ราชบุรี เกิดฝนตกหนักทำให้มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.สวนผึ้ง พื้นที่ติดชายแดนไทย-พม่า มีแนวเทือกเขาตะนาวศรีขวางกั้นพรมแดน น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนริมสองฝั่งแม่น้ำภาชี พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจำนวนมาก ส่วนตลาดโอ๊ะป่อยตั้งอยู่หน้าวัดป่าท่ามะขาม ต.ตะนาวศรี ตลาดเช้าที่นักท่องเที่ยวนิยมไปใส่บาตรพระล่องแพตามลำห้วยแม่น้ำลำภาชีถูกน้ำป่าพัดร้านค้าข้าวของ รวมทั้งสิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ตลาดพังหายทั้งหมด ทำให้ต้องปิดตลาดโดยปริยาย รวมทั้งติดประกาศห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาด เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรง ส่วนตลาดโอ๊ะเมิกอยู่เลยตลาดโอ๊ะป่อยไปประมาณ 800 เมตร ถูกน้ำไหลท่วมเช่นกัน ต่อมาตำรวจ ตชด.137 ร่วมกับทหารจากหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือและ อส.อำเภอสวนผึ้งไปช่วยชาวบ้านขนย้ายข้าวของไปอยู่บนที่สูง เนื่องจากยังมีฝนตกตลอดเวลา ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำภาชีเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องช่วยผู้ป่วยติดเตียงออกจากบ้านต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวน้ำจาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ไหลตามลำน้ำภาชีไปพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ก่อนลงสู่ อ.ด่านตะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ทำให้มีบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมน้ำใน ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง กว่า 70 หลังถูกน้ำท่วมเสียหาย ส่วนที่ต.แก้มอ้น อ.จอมบึง น้ำเออท่วมบ้านกว่า 130 หลัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ อบต.แก้มอ้นเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงออกมาได้ 2 ราย เหลืออีก 1 ราย จะต้องขอเรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วย ด้านนายประยงค์ จันทเต็ง นายอำเภอจอมบึง กล่าวว่า ได้ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านและ อบต.ในพื้นที่เร่งสำรวจว่ายังมีใครติดค้างอยู่อีกหรือไม่เพื่อจะได้ช่วยเหลือออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยบ้านคา ร.ร.จมน้ำ–สะพานขาดเช่นเดียวกับ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ช่วงดึกที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่หมู่ 1, 2, 4, 7 และ 9 ต.บ้านคา ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 130 หลังคาเรือน โรงเรียนบ้านบึง (สันติมโน-ประชาสรรค์) หมู่ 7 ต.บ้านคา ถูกน้ำท่วมสูง 65 ซม. โรงเรียนต้องประกาศหยุดเรียนในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นจนกว่าน้ำจะลด ถนนสายท่าพระจันทร์-โป่งเจ็ด ถูกกระแสน้ำป่ากัดเซาะสะพานในพื้นที่หมู่ 8 จนขาดไม่สามารถใช้เส้นทางสัญจรได้ ต่อมาในช่วงบ่ายพล.ต.มงคล รัตนจันทร์ ผบ.กองพลทหารช่าง นำกำลังพลลงพื้นที่พร้อมนำรถสะพานเครื่องหนุนมั่นแบบเร่งด่วน หรือสะพาน MFB (Modular Fast Bridge) ไปวางจุดที่สะพานขาดเพื่อให้ประชาชนสัญจรได้ ด้านนายฑรัท เหลืองสะอาด นายอำเภอบ้านคา เผยว่า เมื่อคืนฝนตกหนักกว่า 100 มิลลิเมตร ทำให้น้ำป่าไหลท่วมหลายหมู่บ้าน เบื้องต้นให้กำนันผู้ใหญ่บ้านและนายก อบต.บ้านคาเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เปิดน้ำเข้าทุ่ง-ช่วยตลาดกบินทร์ส่วนสถานการณ์น้ำในชุมชนตลาดเก่ากบินทร์บุรี เทศบาลตำบลกบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ล่าสุดน้ำในแควหนุมานยังเอ่อท่วมสูง ประกอบกับน้ำจากแควพระปรง จ.สระแก้ว ไหลมาสมทบที่บริเวณท้ายชุมชนตลาดเก่าของแควหนุมาน ทำให้น้ำสูงขึ้นอีก 30-50 ซม. บางจุดน้ำท่วมกว่า 1 เมตร เกือบถึงคอ ชาวบ้านต้องขนข้าวของชั้นล่างหนีน้ำไปไว้บนชั้นสองและใช้เรือในการสัญจร เจ้าหน้าที่ปกครอง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเรือท้องแบนไปช่วยเหลือตลอด 24 ชม. ขณะที่ชลประทานจังหวัดปราจีนบุรีเปิดประตูระบายน้ำจากแม่น้ำปราจีนบุรีทุกบานประกอบด้วยฝายหญ้า ฝายหนองบัว ฝายกุดเขมร ฝายวังไทร และประตูกะพ้อใหญ่ บานละ 50 ซม. เพื่อระบายน้ำลงทุ่งนาที่ยังรองรับน้ำได้อีกนับ 1,000 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในตลาดเก่ากบินทร์บุรีน้ำป่าถล่มหมู่บ้านชายแดนเขมรวันเดียวกัน นายประพิศ ญาณปัญญา นายอำเภอโคกสูง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง พื้นที่ติดชายแดนกัมพูชา หลัง น้ำป่าไหลท่วม 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ 1 บ้านโนนหมากมุ่น หมู่ 3 บ้านหนองจาน และหมู่ 4 บ้านกุดผือ ระดับน้ำสูง 20-50 ซม. ถนนเข้าหมู่บ้านบางช่วงรถเล็กไม่สามารถใช้สัญจรได้ น.ส.อธิชา แก้วสะอาด อายุ 39 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.โนนหมากมุ่น เปิดเผยว่า เกิดฝนตกหนักกระทั่งช่วงค่ำที่ผ่านมา น้ำไหลท่วมถนนหน้าวัดหนองจาน น้ำมาเร็วมาก เคราะห์ดีที่ขนของหนีน้ำได้ทัน คาดว่าหากฝนไม่ตกลงมาซ้ำในคืนนี้ระดับน้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติครม.ทุ่มกว่า 7.6 พัน ล.ช่วยน้ำท่วมเมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ทั้งสิ้น 7,642,400,000 บาท แบ่งเป็น 1.ช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท และ 2.เงินช่วยเหลือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ครัวเรือนละ 5,000 บาท มีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1.น้ำต้องท่วมขังถึงบ้านพักอาศัยแบบฉับพลัน 2.ถูกน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย และ 3.บ้านพักเสียหายจากอุทกภัย วาตภัยน้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม โดยจะต้องอยู่ในพื้นที่ประสบสาธารณภัย หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเบื้องต้นเยียวยา 29 จว.ไม่ซ้ำซ้อนน.ส.ไตรศุลลี กล่าวว่า จากการสำรวจเบื้องต้นขณะนี้มีอยู่ 29 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ ชุมพร เชียงใหม่ ตราด นครพนม น่าน พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ลำปาง ศรีสะเกษ สกลนคร สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี กระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้สำรวจ และต้องมีประชาคมหมู่บ้าน รวมถึงเอกสารรับรองผู้ประสบอุทกภัยที่อำเภอออกให้ หากมีการซ้ำซ้อนกันทั้ง 3 หลักเกณฑ์จะช่วยเหลือ แค่กรณีเดียว และจากพายุโพดุล หรือคาจิกิ จะช่วยเหลือเพียงเหตุการณ์เดียวคลายกฎเข้มจ่ายข้ามจังหวัดได้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวงเงิน 7,642,400,000 บาท กระทรวงมหาดไทยขอรับการสนับสนุนงบฯเพื่อเป็นค่าช่วยเหลือ อปท.แก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่เบื้องต้นแห่งละ 5,000,000 ล้านบาท แยกเป็น อบจ.29 แห่ง วงเงิน 145,000,000 บาท เทศบาล 1,081 แห่ง วงเงิน 5,405,000,000 บาท รวม 5,550,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อันเนื่องมาจากอุทกภัย ส่วนอีก 2,092,400,000 บาท เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท 418,480 ครัวเรือนจาก 29 จังหวัด โดยให้ธนาคารเป็นหน่วยรับงบ ประมาณ ให้เบิกจ่ายในงบฯรายจ่ายอื่นลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งจ่ายข้ามจังหวัดได้ และให้ ปภ. เป็นหน่วยดำเนินการ“บิ๊กป้อม” ลั่นโปร่งใส-ได้สิ้น ก.ย.นี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุม ครม.ว่า งบฯที่ ครม.อนุมัติเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรณีฉุนเฉินจ่ายครอบครัวละ 5,000 บาท ใน 29 จังหวัดที่ประสบภัย พิบัติ ส่วนงบฯซ่อมแซมบ้านอีกต่างหาก โดยให้ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยมีมาตรการระยะสั้นและระยะยาวต่ออีก ต้องทำให้ประชาชนได้กลับเข้าบ้านเร็วที่สุด เพื่อให้เขามีกำลังใจและมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าเงิน 5,000 บาท จะถึงมือประชาชนได้สิ้นเดือน ก.ย.โดยอยู่ระหว่าง ผวจ.สำรวจข้อมูลความเสียหายที่แท้จริง และได้กำชับต้องโปร่งใสอย่าให้มีทุจริตเด็ดขาดมท.เร่งสำรวจพื้นที่แจกส้วมเก้าอี้ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการดูแลประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมว่าต้องดูแลทั้งเรื่องอาหาร ที่พัก การสัญจร สุขภาพอนามัย ศูนย์พักพิงยังมีอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ พื้นที่อื่นจะอยู่ในขั้นการพื้นฟู บูรณาการกันทุกภาคส่วน ดูแลความสะอาด ท้องถิ่นกับอำเภอจะเริ่มสำรวจความเสียหายเร็วที่สุดต้องเร่งฟื้นฟูบูรณะโรงเรียน สถานพยาบาล สาธารณูปโภคเป็นเฟสๆ ทั้งนี้ มีการสำรวจพื้นที่นาแล้วเกือบ 3 ล้านไร่ เริ่มตั้งแต่เกิดภัยแล้งทำประชาคมให้สังคมยอมรับว่าเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป ไม่มีการเลือกปฏิบัติลำเอียง หรือข้อมูลไม่ตรงตามความจริง สำหรับมาตรการเยียวยาบ้านเรือนที่เสียหายยังไม่ทราบปริมาณที่แน่ชัดจะเร่งสำรวจให้เร็วที่สุด ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ระดมรถสุขาเคลื่อนที่ไปช่วยแต่ยังไม่พอเพียง จึงมีการแจกจ่ายส้วมเก้าอี้ไปเสริม ชาวบ้านไม่ได้กลัวลำบาก แต่อยากอยู่ใกล้บ้าน“เทวัญ” เคาะกรอบใช้เงินบริจาคที่ห้องประชุม 109 สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น.นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนผู้ประสบสาธารณภัย โดยที่ประชุมมีมติกำหนดกรอบการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากสถานการณ์พายุโซนร้อน “โพดุล” และพายุโซนร้อน “คาจิกิ” และสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัยที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตกและภาคใต้ ประกอบด้วย ค่าจัดการศพรายละ 50,000 บาท ค่าเงินทุนเลี้ยงชีพครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 30,000 บาท กรณีผู้เสียชีวิตมีบุตรอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ ให้เพิ่มขึ้นครอบครัวละ 50,000 บาท ค่าวัสดุก่อสร้าง/ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายโดยเสียหายทั้งหลัง (เกิน 70%) ไม่เกินหลังละ 220,000- 230,000 บาท เสียหายมาก (30- 70%) ไม่เกินหลังละ 70,000 บาท เสียหายน้อย (น้อยกว่า 30%) ไม่เกินหลังละ 15,000 บาท โดยให้จังหวัดขอรับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก่อน และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งสำรวจความเสียหาย ภายหลังน้ำลด และแจ้งขอรับการช่วย เหลือตามกรอบแนวทางการช่วยเหลือของกองทุนฯเตือนฝนลดลง-หนาวมาเยือนเมื่อวันที่ 24 ก.ย.กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายสภาพอากาศว่าช่วงวันที่ 25 - 26 ก.ย.บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่เข้าปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเล อันดามัน และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 25-30 ก.ย. บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกจะมีฝนลดลง โดยจะมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้า คะนองบางแห่ง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง