ภัยแล้งลามถึงโรงพยาบาลที่ จ.สุรินทร์ ผอ.รพ.เปิดศูนย์ฉุกเฉินกู้วิกฤติ หลังน้ำประปาไม่เพียงพอ น้ำสำรองถูกใช้เกลี้ยงถัง ต้องขอน้ำจากที่อื่นมาเยียวยาได้แค่วันละ 8 หมื่นลิตร จากปกติต้องใช้ถึง 1 ล้านลิตร ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อ่างเก็บน้ำเหือดแห้งมีน้ำผลิตประปาได้เดือนเดียว ส่วนลำน้ำปาว จ.กาฬสินธุ์ ลดฮวบเหลือ 1.2 เมตร หวั่นน้ำไม่พอ กรมชลประทานเดินหน้าโครงการเจาะอุโมงค์ภูเขานำน้ำแม่ยวม อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ไปเพิ่มน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก แก้ปัญหาขาดน้ำ ส่วนการค้นหาสองแม่ลูกถูกดินถล่มทับบ้านที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ล่าสุดเจอศพทั้งคู่ฝังใต้โคลนลึกกว่า 1 เมตร

ภัยแล้งยังลุกลามหลายพื้นที่ โดยเมื่อวันที่ 8 ส.ค. นางปิยะฉัตร อินสว่าง รอง ผวจ.นครราชสีมา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวบ้านที่บ้านกุดนางทอหูก หมู่ 5 และบ้านกุดพญา หมู่ 21 ต.หินดาด อ.ด่านขุนทด ที่ประสบปัญหาภัยแล้งมานาน ทำให้ชาวบ้าน 331 ครอบครัวขาดน้ำอุปโภคบริโภค โดยนางปิยะฉัตรไปดูโรงสูบน้ำประปาหมู่บ้าน และอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนบนบ้านสระพัง ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด แหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปาส่วนภูมิภาคด่านขุนทด รวมถึงตรวจดูสถานการณ์น้ำในบึงถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด เนื้อที่กว่า 1,484 ไร่ เพื่อเจรจากับผู้นำชุมชนขอใช้น้ำไว้สำรองในการผลิตประปา นางปิยะฉัตรเผยว่า ขณะนี้อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนบนเหลือน้ำเพียง 2 แสน ลบ.ม. สามารถผลิตน้ำประปาได้อีก 1 เดือนเท่านั้น จึงต้องจัดหาแหล่งน้ำอื่นที่มีระยะทาง 4-5 กม.

...

ส่วนสถานการณ์ลำน้ำปาวในพื้นที่ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ลดระดับลงเรื่อยๆ หลังไม่มีฝนตกลงมาทำให้น้ำจากลำน้ำสาขาไม่น้ำไหลลงลำน้ำป่าว ล่าสุดระดับน้ำเหลือเพียง 1.2 เมตรเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ อ.กมลาไสย และใกล้เคียงหวั่นวิตกว่าน้ำบริเวณสถานีสูบน้ำดิบจะมีไม่พอต่อการผลิตน้ำประปาในระยะยาว เนื่องจากช่วงไม่มีฝนตกลงมา อีกทั้งเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำน้อย เกรงว่าอาจไม่สามารถปล่อยน้ำเข้ามาสู่ลำน้ำปาวได้มากพอต่อการผลิตน้ำในประปา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จังหวัดได้ประเมินสถานการณ์น้ำและติดตามน้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อหาแนวทางป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา อีกทั้งฝากเตือนให้ประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่าเพื่อสามารถผ่านพ้นวิกฤติภัยแล้งปีนี้ รวมถึงมีน้ำต้นทุนใช้ไปถึงปีหน้า

ที่ รพ.สุรินทร์ นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผอ. รพ.สุรินทร์ ประกาศเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินจากผลกระทบต่อการบริการจัดการสุขภาพประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้ง หลังฝนทิ้งช่วงทำให้การผลิตน้ำประปาใน อ.เมืองสุรินทร์ไม่เพียงพอ แต่ละวันโรงพยาบาลใช้น้ำประมาณ 800,000-1,000,000 ลิตร อย่างไรก็ตาม ปกติโรงพยาบาลมีระบบน้ำสำรอง 1,430,000 ลิตร และตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.น้ำสำรองถูกใช้ไปหมดแล้ว จึงขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานเอาน้ำมาสนับสนุนได้เพียงวันละ 80,000 ลิตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของการใช้น้ำปกติ จึงกำหนดมาตรการประหยัดน้ำ 4 ข้อ เช่น ปรับรูปแบบการใช้น้ำลดลง โดยใช้แอลกอฮอล์ หรือเจลล้างมือแทนน้ำ

นายวิชัย จาตุรงค์กร ผู้อำนวยการโครงการบำรุงรักษาห้วยหลวง ต.โคกสะอาด อ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยหลวงเหลือแค่ 27.5 ล้าน ลบ.ม. แล้งหนักสุดในรอบ 10 ปี หลังจากเข้าสู่ฤดูฝนมาร่วม 2 เดือนเศษ แต่ไม่มีน้ำฝนไหลเข้าเลย ช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมามีความหวังจะมีน้ำฝนจากพายุ “วิภา” ช่วยเติมน้ำในอ่างแต่ก็มีน้ำฝนสะสมเพียง 3 แสน ลบ.ม.เท่านั้น หรือใช้ผลิตน้ำประปาให้ชาวเมืองอุดรธานีได้ไม่เกิน 3 วันเท่านั้น ถือว่าพิษสงของพายุไม่ได้ช่วยเลยก็ว่าได้ แต่ฤดูฝนยังเหลืออีกประมาณ 3 เดือน และยังมีความหวังจากร่องความกดอากาศต่ำที่จะพาดผ่าน ทำให้เกิดฝนตกลงในพื้นที่เหนืออ่างมากขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างให้มีกินมีใช้ไปจนถึงฤดูแล้งของปีหน้า

ส่วนที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน นายพิศิษฐ์ กิจบุญอนันต์ ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมกับนายณัฐวุฒิ นากสุก ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือถึงโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล (โครงการผันน้ำยวม-สาละวิน ลงสู่เขื่อนภูมิพล) กรมชลประทาน โดยการเจาะอุโมงค์ผ่านภูเขาเพื่อนำน้ำจากแม่ยวม อ.สบเมย ส่งผ่านไปลงห้วยน้ำงูด ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ไหลลงเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ระยะทาง 61.52 กม.วงเงินก่อสร้าง 7-8 หมื่นล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง มีตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวิน สมาคมพื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำสาละวินและราษฎรในพื้นที่โครงการ 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ตาก และเชียงใหม่ ร่วมแสดงความคิดเห็น

นายณัฐวุฒิ นากสุก ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาภัยแล้งด้วยการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนภูมิพลแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำพื้นที่ตอนล่าง เขื่อนภูมิพลยังมีศักยภาพรองรับปริมาณน้ำที่จะผันจากแหล่งน้ำต่างๆ ได้มาก โดยเฉพาะลุ่มน้ำยวมที่มีปริมาณน้ำมากและใช้น้ำค่อนข้างน้อย น้ำส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 ไหลออกจากประเทศ โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ จึงควรผันน้ำส่วนที่เกินจากแม่น้ำยวมมาเก็บไว้ที่เขื่อนภูมิพล

...

ด้านนายไพโรจน์ พนาไพรสกุล ตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวินฯยื่นหนังสือคัดค้านผ่านไปยัง รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกโครงการในทันที เพื่อป้องกันความเสียหายกับทรัพยากรธรรมชาติ และรักษามรดกด้านธรรมชาติไว้ให้ลูกหลาน และความหวั่นวิตกกังวลของราษฎรในพื้นที่สถานีสูบน้ำบ้านสบเงาที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง แรงสั่นสะเทือนขุดเจาะอุโมงค์ หากสร้างเขื่อนจุดพื้นที่ริมน้ำเงาจะได้รับผลกระทบต่อผู้อาศัยมากกว่านี้

ส่วนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหมู่บ้านชั้นในอุทยานแห่งชาติแม่เงา โดยเฉพาะเส้นทางบ้านแม่หลุย-บ้านนาดอย ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ถูกน้ำป่าไหลท่วมสูง 1 เมตร และดินภูเขาสไลด์ทับถนนหลายจุดรถวิ่งผ่านไม่ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังนำเครื่องจักรกลเข้าไปเคลียร์เส้นทางไม่ได้ ส่วนการเดินทางภายในหมู่บ้านยังไปมาหาสู่ได้ ส่วนผู้ป่วยญาติต้องแบกหามออกมาหาหมอ และต้องใช้เรือท้องแบนในการสัญจรออกไปนอกหมู่บ้าน

ขณะที่การค้นหาผู้สูญหาย 2 คน จากเหตุการณ์ดินโคลนถล่มทับบ้าน 3 หลังที่บ้านเคาะทีโค๊ะ หมู่ 6 ต.แม่วะหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ทราบชื่อ น.ส.เจมึ นันทวัสน์มงคล อายุ 31 ปี และนางโทะเด นันทวัสน์มงคล อายุ 57 ปี สองแม่ลูกอยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ 6 ต.แม่วะหลวง ล่าสุดช่วงเช้าวันเดียวกัน ทหารพรานที่ 35 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยกู้ภัยมูลนิธิต่างๆช่วยกันค้นหา กระทั่งพบศพ น.ส.เจมึถูกฝังอยู่ใต้โคลนกว่า 1 เมตร จากนั้นช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่เจอศพนางโทะเด ผู้เป็นแม่ถูกฝังจมโคลนห่างกับศพลูกสาวประมาณ 200 เมตร

...

ด้านนายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยช่วงวันที่ 8-11 ส.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว