สอนที่ศาลาริมทาง ผู้เฒ่า87เรือคว่ำดับ

พื้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เจอปัญหาน้ำท่วมขังอ่วม ครูต้องใช้ศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนเป็นห้องเรียนสอนหนังสือเด็กนักเรียนชั่วคราว ที่ จ.ตาก เกิดเหตุสลด พายุซัดต้นไม้ล้มหักโค่นทับรถไถแบบเดินตาม ทำให้ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงเสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บอีกหลายคน ขณะที่กรมอุตุฯ เตือนภัยพายุดีเปรสชันในอ่าวไทยอ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ส่งผลให้หลายจังหวัดภาคใต้เกิดฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 7-9 พ.ย.นี้

ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วม เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ จ.อ่างทอง ครูโรงเรียนวัดอัมพวัน ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก ใช้ศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนสายป่าโมก-อ่างทอง (สายใน) สอนหนังสือเด็กนักเรียน เนื่องจากโรงเรียนถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 2 เมตร ทั้งนี้ นางบุญชอบ สัญนาค อายุ 57 ปี ครู คศ.2 โรงเรียนวัดอัมพวัน เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามกำหนด จึงให้นักเรียนมาเรียนบริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารเป็นการชั่วคราว จะเปิดสอนตั้งแต่เวลา 09.00-11.00 น. ของทุกวัน แล้วให้ผู้ปกครองมารับกลับไป ในส่วนของนักเรียนที่ไม่สามารถเดินทางมาเรียนได้ จะฝากการบ้านให้นักเรียนที่มาเรียนนำไปให้เพื่อนทำ เพื่อทบทวนความรู้และนำกลับมาส่งให้ครู ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาล ตำบลป่าโมก นำรถแบ็กโฮขุดเจาะคันพนังกั้นน้ำ บริเวณชุมชนย่อยที่ 1 (วัดอัมพวัน) ในเขตเทศบาล ตำบลป่าโมก เพื่อระบายน้ำที่เอ่อล้นท่วมขังบริเวณชุมชน ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลง

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ร.ต.อ.ธนัญชน สังข์นวล รอง สว. (สอบสวน) สภ.บางบาล ไปชันสูตรศพนายสมาน กิจกังวล อายุ 87 ปี บ้านเลขที่ 17 หมู่ 2 ต.บางหลวง อ.บางบาล ลอยขึ้นอืดบริเวณทุ่งนารับน้ำแก้มลิง ต.บางหลวง นางลั่นทม กิจกังวล อายุ 82 ปี ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า นายสมานสามีนำเรือออกไปหาปลาบริเวณกลางทุ่งนาที่มีน้ำท่วมขังสูง ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา แล้วหายตัวไป เจ้าหน้าที่กู้ภัยอยุธยาออกค้นหาแต่ไม่พบ กระทั่งเช้าวันนี้นำเรือออกค้นหาอีกครั้ง พบร่างนายสมานลอยติดกอผักตบชวา คาดว่าขณะผู้ตายลงเบ็ดหาปลาเรือถูกคลื่นลมแรงซัดพลิกคว่ำบริเวณจุดที่มีน้ำลึก ทำให้ว่ายน้ำเข้าฝั่งไม่ไหวเนื่องจากอยู่ในวัยชราก่อนหมดแรงจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว

...

ที่ จ.ตาก เกิดเหตุสลดใจขึ้น ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายประทีป โพธิ์เที้ยม นอภ.อุ้มผาง รายงานด่วนถึงนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.ตาก เกิดเหตุพายุพัดต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับรถไถเดินตาม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ประกอบด้วย นางมะลาโป อายุ 40 ปี นางสาวมื่อลาป่วย อายุ 16 ปี และ ด.ญ.น่อแอ๊ดา อายุ 4 ขวบ เป็นชาวกะเหรี่ยง นอกจากนี้ มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน คือนายท่อโคชุ และนายหม่อเต่อ นำส่ง รพ.อุ้มผาง และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยคือนายชิพอวา และ น.ส.ทูมู่พอ นำส่ง รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลอุ้มผาง สอบพบผู้ตายและคนเจ็บเป็นครอบครัวผู้ลี้ภัยในศูนย์อพยพบ้านนุโพ ต.แม่จัน ขณะเกิดเหตุพากันเดินทางไปเยี่ยมญาติที่บ้านเปิงเคลิ่ง ต.อุ้มผาง

ด้านนายประโมทย์ ช่วยบุญชู ผอ.อุตุนิยมวิทยานครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุด็อมเร็ย สลายตัว แต่ยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นในทะเลอ่าวไทย ห่างจากฝั่งประมาณ 250 กม. และทวีความรุนแรงเป็นพายุดีเปรสชัน มีการเคลื่อนตัวค่อนไปทางเหนือ คาดจะเข้าชายฝั่ง จ. สุราษฎร์ธานี และ จ.ชุมพร ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ อาจจะทำให้ จ.นครศรีธรรมราชเกิดฝนตกหนัก ขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่กรมชลประทานเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ 50 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 19 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลในกรณีเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนอ่างเก็บน้ำต่างๆ เช่น อ่างคลองดินแดง อ่างคลองกะทูน และอ่างห้วยน้ำใส สามารถรองรับปริมาณน้ำได้จำนวนมาก เนื่องจากมีการพร่องน้ำไว้ล่วงหน้า ส่วนบริเวณท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช มีการใช้ถุงบิ๊กแบ็กวางรอบแนวที่เป็นพื้นที่ต่ำรอบสนามบินระยะทาง 3.3 กม. พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 5 เครื่อง

ที่ จ.ชุมพร นายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร เปิดเผยว่า ได้ประกาศแจ้งเตือนภัย ขอให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ ผู้ที่อาศัยบริเวณชายฝั่งระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง เรือทุกประเภทควรงดออกจากฝั่ง ขณะเดียวกันสั่งการให้ทุกส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนหากมีสถานการณ์เกิดขึ้น โดยให้สำรวจเส้นทางระบายน้ำ สิ่งกีดขวางทางน้ำ สำรวจต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง เพื่อดำเนินการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรื่องพายุดีเปรสชัน บริเวณอ่าวไทยตอนกลางมี ศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกของ จ.ชุมพร ประมาณ 100 กม. หรือละติจูด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 100.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง แล้วเคลื่อนผ่านบริเวณ จ.ชุมพร ในเย็นวันที่ 7 พ.ย. และจะเคลื่อนลงทะเลอันดามันในวันที่ 8 พ.ย. ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีลมแรง และมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

คาดว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีดังนี้ ในช่วงวันที่ 7- 8 พ.ย. บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี รวมทั้งเกาะสมุย และนครศรีธรรมราช ในช่วงวันที่ 8-9 พ.ย. บริเวณ จ.ระนอง พังงา และภูเก็ต สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ขอให้ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

...

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยายังคาดหมายสภาพอากาศในช่วงวันที่ 6-9 พ.ย. จะเกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ และฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และประชาชนบริเวณชายฝั่งให้ระวังอันตรายจากคลื่นซัดฝั่ง ส่วนช่วงวันที่ 8-12 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน มีกำลังอ่อนลง ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า