กรมสรรพสามิตดาหน้าชี้แจงการปรับปรุงภาษีสรรพสามิตใหม่ ไม่ได้มุ่งเน้นจัดเก็บรายได้ แต่สร้างมาตรฐานการจัดเก็บภาษีให้เป็นสากล ทั้งเหล้า บุหรี่ ระบุบางรายการเสียภาษีถูกลงด้วยซ้ำ มั่นใจกระทบผู้ประกอบการน้อย-ไม่กล้าขึ้นราคามากในภาวะแข่งขันสูง ส่วนที่แชร์ในเน็ต บุหรี่ต่างประเทศขยับภาษีขึ้นซองละ 30 บาท ไม่จริงเพราะเสียภาษีเพิ่มขึ้นซองละ 2-15 บาทเท่านั้น ขณะที่คนขายปลีกโวยรัฐทำสับสน ไม่รู้ต้องขายราคาเท่าไหร่ มีแต่ลือสะพัดราคาใหม่ในโลกออนไลน์ ยี่ปั๊วบางรายถือโอกาสขึ้นราคาตาม ด้านสิงห์อมควันบ่นจ่ายแพงขึ้น แต่เชื่อไม่แก้ปัญหาคนไทยติดเหล้า-บุหรี่หลังจากกรมสรรพสามิตปรับอัตราภาษีเหล้า บุหรี่ และไพ่ รับกับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต 2560 ฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ส่งผลให้ราคาสินค้าดังกล่าวปรับขึ้นราคาแน่นอน ต่อมาเมื่อช่วงสายวันที่ 16 ก.ย. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เวลา 00.01 น. พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิตมีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว โดยกฎหมายใหม่จะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีกปีละ 12,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รัฐเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ 560,000 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2560 รายได้จะเพิ่มขึ้น 600,000 ล้านบาท ดังนั้น การปรับปรุง พ.ร.บ.สรรพสามิตใหม่ จึงไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องการจัดเก็บรายได้ แต่เป็นเรื่องการสร้างมาตรฐานการจัดเก็บภาษีให้เป็นสากลสำหรับอัตราภาษีใหม่ ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.เป็นต้นไป จะทำให้ราคาเบียร์กระป๋องเพิ่มขึ้น ประมาณ 50 สตางค์ แต่ไม่เกิน 2.66 บาท เบียร์ขวด เสียภาษีเพิ่ม 99 สตางค์ แต่ไม่เกินขวดละ 2.05 บาท สุราขาวและสุราชุมชน เสียภาษีเพิ่มขวดละ 84 สตางค์ แต่ไม่เกิน 3.49 บาท ไวน์ แบ่งเป็นไวน์ในประเทศกับนำเข้าจากต่างประเทศ โดยไวน์ในประเทศ เสียภาษีลดลงมากกว่า 25 บาทต่อขวด ขณะที่ไวน์นำเข้าจากต่างประเทศเสียภาษีเพิ่มขึ้น 110 บาทต่อขวด แต่ไวน์ต่างประเทศที่มีราคาต่ำกว่า 1,000 บาท เสียภาษีถูกลงเล็กน้อยส่วนสุรากลั่น (เหล้าสี) ภายในประเทศ เสียภาษีเพิ่มขึ้น 8 บาท แต่ไม่เกิน 30 บาทต่อขวด ขณะที่สุรากลั่น นำเข้าลดลง 3 บาท แต่ไม่เกิน 26 บาทต่อขวด สำหรับภาษีบุหรี่ ที่มีกระแสข่าวว่า ปรับภาษีเพิ่มขึ้นซองละ 30-40 บาท ไม่เป็นความจริง โดยบุหรี่ราคาถูกที่ขายซองละไม่เกิน 60 บาท จะเสียภาษีเพิ่มขึ้น 4 บาท แต่สูงสุดไม่เกิน 15 บาท และบุหรี่ราคาแพง ขายซองละ 60 บาทขึ้นไป เสียภาษีเพิ่มขึ้น 2 บาท แต่ไม่เกิน 14 บาทนายสมชายกล่าวว่า อัตราภาษีใหม่ที่มีการปรับเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการน้อยมากๆ ในขณะที่ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าปรับราคาสินค้าขึ้นก็ได้ และยอมรับว่า ผู้ประกอบการนำเข้าบุหรี่ราคาถูกจากต่างประเทศ หรือบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานยาสูบ ที่มีราคาขายปลีกอยู่ที่ซองละ 64-65 บาท อาจจะปรับลงต่ำกว่า 60 บาทก็ได้ เพื่อที่จะเสียภาษีถูกลง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ กรมสรรพสามิตจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนกรณีที่มีการกักตุนสินค้า เพราะโดยเฉพาะเหล้า เบียร์ และบุหรี่นั้น เนื่องจากคาดว่าโครงสร้างภาษีใหม่จะทำให้สินค้าแพงขึ้น แต่ผลปรากฏว่า อัตราภาษีใหม่ไม่ได้ทำให้สินค้าแพงขึ้นมากนัก กรมสรรพสามิตจะประสานกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ลงไปตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพสามิตมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบแสตมป์สรรพสามิตได้ว่า แสตมป์ที่ติดบนฝาขวด หรือบนซองบุหรี่เสียภาษีก่อนวันที่ 15 ก.ย. หรือวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งเป็นวันแรกที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ เพื่อที่จะดำเนินการลงโทษต่อไปต่อมาผู้สื่อข่าวสุ่มสำรวจการขายเหล้าบุหรี่ ซึ่งปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเป็นวันแรก ทั้งกลุ่มค้าส่งและคนขายปลีก ต่างบ่นถ้วนหน้า เช่น ในย่านเขตประเวศ เขตบางนา เขตพระโขนง พบว่าร้านค้าขายปลีก หรือร้านโชห่วยต่างสับสนไม่รู้ว่าจะปรับขึ้นราคาอย่างไร เท่าไหร่ ทำให้ส่วนใหญ่ยังขายสุราบุหรี่ในราคาเดิม เนื่องจากไม่มีความชัดเจนจากกรมสรรพสามิตว่ากำหนดราคาขายปลีกเท่าไหร่ ขณะที่ผู้ค้าปลีกบางรายบอกว่าของหมดนานแล้ว ไม่สามารถสั่งของจากยี่ปั๊วได้ เพราะไม่มีของเข้ามาเจ้าของร้านขายของชำย่านบางนา รายหนึ่ง กล่าวว่า ตอนนี้ขายสุราและบุหรี่ในราคาเดิมอยู่ ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคา เนื่องจากยังไม่เห็นราคากลางจากกรมสรรพสามิต มีแต่ข่าวลือในอินเตอร์เน็ต ว่าราคาบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ มีการปรับราคาขายปลีกขึ้นไปอีกซองละ 30 บาท ไม่รู้ข่าวนี้จริงหรือไม่ แต่ที่ร้านเราเดือดร้อนแน่ เพราะยี่ปั๊วได้ขยับขึ้นราคาขายส่งตามข้อมูลที่มีการอ้างอิงในอินเตอร์เน็ตกันหมดแล้ว ถ้าสั่งมาขายลูกค้าคนไหนจะซื้อ ทุกวันนี้คนก็หาซื้อน้อยลงอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างจากนางตุ๊ก เจ้าของร้านค้าย่านประเวศ ที่โอดครวญว่า ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรเลย ปกติร้านเราก็ไม่ได้ขายสุราและบุหรี่มากมายอยู่แล้ว เพราะเศรษฐกิจเงียบแบบนี้ นานทีจะมีคนมาซื้อ นี่เพิ่งไปซื้อเบียร์มาลงได้ 4-5 ลัง แต่บุหรี่หาซื้อไม่ได้ ยี่ปั๊วต่างบอกของหมดด้านผู้ค้าส่งรายหนึ่งในตลาดอุดมสุข กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ค้าทุกรายต่างสับสน ตลาดขายส่งวุ่นวายมาก เพราะร้านขายส่งในละแวกนี้ ส่วนใหญ่หยุดส่งของชั่วคราว เพราะต่างรอดูราคากลางจากกรมสรรพสามิต แต่ถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีราคาขายปลีกราคาใหม่จากเอเย่นต์ประกาศออกมา ทุกวันนี้เราก็ขายส่งสุรา-บุหรี่ในราคาเดิมไปก่อน แต่ราคาขายส่งจากยี่ปั๊วรายใหญ่ปรับขึ้นราคาไปหมดแล้วส่วนการสำรวจผู้ค้าปลีกเหล้าบุหรี่ในย่านวิภาวดีรังสิต และพหลโยธิน พบว่าทุกประเภท ยังไม่มีการขยับราคา ในส่วนร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น โลตัสเอ็กซ์เพรส รวมถึงมินิมาร์ทต่างๆ จำหน่ายเหล้า เบียร์ บุหรี่ ในราคาปกติ แต่ได้รับนโยบายจากทางสำนักงานใหญ่ ว่าห้ามจำหน่ายบุหรี่ให้ลูกค้าเกินรายละ 2 ซอง ขณะเดียวกัน เมื่อตรวจสอบไปยังร้านขายของชำขนาดเล็กในตรอกซอกซอย กลับพบว่าสินค้าประเภทบุหรี่ ไม่มีของจำหน่ายมาหลายวัน เจ้าของร้านทุกแห่งอ้างว่า ยี่ปั๊วยังไม่มาส่ง เพราะต้องรอราคาใหม่จากกรมสรรพามิต ที่จะประกาศอย่างเป็นทางการเสียก่อน อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านของชำรายหนึ่ง ในซอยโชคชัยร่วมมิตร เผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบราคาที่แท้จริงของบุหรี่ มีแต่ข่าวว่าจะปรับราคาขึ้น ช่วงนี้ทุกร้านจึงต้องรอการกำหนดราคาที่ชัดเจนออกมาจากโรงงานยาสูบและยี่ปั๊วเสียก่อน จึงสามารถรับของลอตใหม่มาวางขายได้ เพราะหากมีสินค้าลอตเก่าแล้วนำขึ้นราคาวางขายไปก่อน ก็จะไม่มีใครซื้อเนื่องจากราคาขายทั้งบุหรี่และเหล่าเบียร์ในมินิมาร์ท และร้านสะดวกซื้อยังคงราคาเดิมอยู่อย่างไรก็ตาม ลูกค้าโดยเฉพาะในกลุ่มสิงห์อมควัน ส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจกับนโยบายนี้ บ่นอุบไปตามๆ กัน บ้างก็บอกว่าคงต้องเลิกสูบบุหรี่ เชื่อว่าหลังปรับราคาอย่างเป็นทางการต้องมีผลกระทบทั้งกับผู้ค้าและผู้สูบอย่างแน่นอน เช่น นายนิพนธ์ กุศลศิลป์ วัย 40 ปี กล่าวว่า เมื่อราคาสุราปรับขึ้น ก็คงต้องลดปริมาณการซื้อดื่มลงบ้าง จากปกติจะซื้อดื่มทุกวัน ส่วนตัวมองว่า มาตรการขึ้นภาษีสุราบุหรี่ของรัฐบาล ไม่สามารถแก้ปัญหาการติดเหล้าบุหรี่ของคนไทย เพราะคนที่สูบและดื่มประจำก็ยังบริโภคกันอยู่เหมือนเดิม และปริมาณคนสูบบุหรี่ หรือคนดื่มสุราหน้าใหม่ ก็ไม่เคยลดลงเลย
