ความร้าวฉานระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ “อีลอน มัสก์” นักธุรกิจ มหาเศรษฐีเบอร์ต้นของโลก แปรเปลี่ยนจากพันธมิตร ที่ปรึกษาใกล้ชิด สู่วันแตกหักกลายเป็นคู่อาฆาต ปิดฉากแยกทางแบบร้าวลึก

ไม่ใช่เหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ หรือไม่เคยเกิดขึ้น เพราะในอดีตเมื่อ 100 ปีก่อน เคยมีมหาเศรษฐีชาวอเมริกันผันตัวสู่กรุงวอชิงตัน หวังช่วยแก้ไขปัญหาของรัฐบาล แต่สุดท้ายกลับจบไม่สวย

บุคคลที่ว่าก็คือ “แอนดรูว์ เมลลอน” นักการธนาคารจากเมืองพิตต์เบิร์ก รัฐเพนซิล เวเนีย หนึ่งในผู้มั่งคั่งที่สุดในอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นกำลังสำคัญทั้งในภาคธุรกิจและรัฐบาล รับหน้าที่ขุนคลังให้กับผู้นำสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกันต่อเนื่องกันถึง 3 คน ได้แก่ วอร์เรน จี. ฮาร์ดิง, แคลวิน คูลิดจ์ และ เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ นานกว่า 10 ปี มีอิทธิพลมากจนฝ่ายตรงข้ามสร้างภาพให้เป็นตัวร้าย มีอำนาจมากล้นเป็น “ประธานาธิบดีตัวจริง”

เช่นเดียวกับมัสก์ เมลลอนเดินทางมายังกรุงวอชิงตันด้วยจุดมุ่งหมายลดการใช้จ่ายครั้งใหญ่ของรัฐบาลกลาง ขณะที่ยังคงบริหารธุรกิจส่วนตัวในเวลาเดียวกัน มัสก์และทรัมป์พยายามลดโครงการต่างๆผ่านคำสั่งประธานาธิบดี และอำนาจบริหาร ส่วน เมลลอนทำงานผ่านกระบวนการรัฐสภาและการบริหารจัดการที่เข้มงวด ทำให้บรรลุเป้าหมายได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง สามารถลดรายจ่ายของรัฐบาลกลางลงครึ่งหนึ่ง รวมทั้งปฏิรูปกฎหมายภาษีสหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่าเผชิญกับแรงต้านและได้รับผลกระทบทางการเมืองในระยะยาวเหมือนกันทั้งคู่

แต่เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ โชคชะตาพลิกผัน เมลลอนกลายเป็นเป้าโจมตีถูกตีตราว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น พรรคเดโมแครตเข้าควบคุมสภาและสอบสวนความเกี่ยวข้องระหว่างธุรกิจของเมลลอนกับสัญญารัฐบาลที่ได้รับขณะทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรี เริ่มดำเนินการถอดถอนก่อนที่ต่อมาเมลลอนได้ลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง และไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอังกฤษระหว่างปี 2475-2476

...

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาล แต่หลังจากนั้นเมลลอนยังมีบทบาทสำคัญทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม เช่นการก่อตั้งหอศิลป์แห่งชาติ พร้อมบริจาคคอลเลกชันงานศิลป์ส่วนตัวและเงินทุนจำนวนมาก

ชะตากรรมของมหาเศรษฐีจาก 2 ยุคนี้เป็นบทเรียนย้ำเตือนว่าความมั่งคั่งและอิทธิพลไม่อาจช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเมืองได้เสมอไป ส่วนอนาคตของมัสก์ที่ยังอีกยาวไกล คงต้องติดตามตอนต่อไป.


อมรดา พงศ์อุทัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม