วันนี้ตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 สำหรับเมืองไทยเราก็ตรงกับวันครบรอบ 27 ปี ของการก่อตั้ง “สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ” ดังที่ผมเขียนไว้เมื่อวานนี้

มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายที่โรงแรม รอยัลริเวอร์ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะช่วงบ่ายเวลา 14.00 น. จะมีการเสวนาเรื่อง “สื่อมวลชนกับจุดเปลี่ยนด้านจริยธรรมยุค AI” ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ...ท่านที่สนใจก็เชิญนะครับ

ครับ! นี่ก็คือวันที่ 4 กรกฎาคมบ้านเรา ซึ่งดูๆไปแล้วก็ไม่มีกิจกรรมอะไรมากไปกว่านี้ แต่ถ้าเป็นที่สหรัฐอเมริกาวันนี้ 4 กรกฎาคม หรือ “Fourth of July” ถือเป็นวันยิ่งใหญ่มาก มีการเฉลิมฉลองทั่วประเทศ

เหตุเพราะวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี คือวันระลึกถึงการประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา เมื่อ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 เป็นไทและเป็นอิสระจากการปกครองของอังกฤษ มิใช่เมืองขึ้นของอังกฤษอีกต่อไป

เป็นงานฉลองที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีของสหรัฐฯ เพราะไม่ว่าเมืองใหญ่เมืองเล็กต่างก็จะมีการฉลองด้วยความภาคภูมิใจโดยไม่มียกเว้น

ที่ใหญ่มากๆก็ที่นิวยอร์กและวอชิงตัน ดี.ซี.โดยเฉพาะที่ นิวยอร์ก จะมีห้างสรรพสินค้า “เมซีย์” เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ มีการยิงพลุในแม่น้ำฮัดสันอย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปดูในแต่ละปีนับล้านคน (ตัวเลขที่หนังสือพิมพ์ประเมินไว้)

ผมเคยไปดูที่นิวยอร์กอยู่ปีหนึ่ง จำได้ว่าต้องไปรอจองที่นั่งดูตั้งแต่ก่อนเที่ยงที่จุดหนึ่งของริมแม่น้ำเพื่อจะดูการยิงพลุตอนหัวค่ำ...เราต้องเตรียมอาหารกลางวัน+อาหารเย็นไปด้วย และต้องผลัดกันไปเข้าห้องน้ำ เพราะถ้าเข้าพร้อมกันกลับมาที่นั่งหายแน่นอน

แต่ก็คุ้มค่ากับความทรมานที่เราต้องไปรอคอยและเบียดเสียดรอคิวจนดึกกว่าจะได้ขึ้นรถใต้ดินกลับบ้าน...เพราะ “พลุ” ของเขายิ่งใหญ่และสวยงามจริงๆ

...

กล่าวไปแล้ววันนี้ผมตั้งใจจะเขียนให้กำลังใจท่านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งสมัครลงชิงชัย...ต่ออีกสมัยเจอกับอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้ง 5 พ.ย.ที่จะถึงนี้

แต่เผอิญตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม วันชาติอเมริกาก็เลยขออนุญาตเขียนนอกบทนิดๆหน่อยๆ

อย่างที่ทราบกันแล้วว่าในการ “ดีเบต” ออกมาโต้คารมแสดง วิสัยทัศน์ ด้านต่างๆผ่านเครือข่ายโทรทัศน์ CNN เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนนั้น ท่านโจแพ้ยับเยินจากการสำรวจของทุกโพล

ผมเองกลับไปดูวิดีโออีกรอบก็เห็นด้วยกับความเห็นของโพลสหรัฐฯว่าท่านแพ้จริงๆแต่ไม่ได้แพ้เพราะแนวความคิดหรือวิสัยทัศน์หรอกครับ แต่เป็นการพ่ายแพ้เพราะท่านคิดช้าพูดช้าพูดเอ้อๆอ้าๆตามประสาผู้มีอายุ 81 ปีไปแล้วมากกว่า

ประสามนุษย์ในวัยเดียวกัน (ผมย่าง 83 แก่กว่าท่านเกือบ 2 ปี) ยอมรับเลยว่าสมองและความรู้สึกนึกคิดของคนเราเมื่อผ่านหลัก 80 ไปแล้ว โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นเช่นท่านไบเดนนี่แหละครับ

ผมเองสมัยอายุ 50 กว่า สมองกำลังโลดแล่นร่างกายก็ฟิตเปรี๊ยะ เดินสายประชุมสัมมนาบรรยายเรื่องการพัฒนาชนบทและการวางแผนพัฒนาจังหวัดได้ทั่วประเทศแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

มีลูกเล่นลูกฮามีมุกประกอบแบบนักบรรยายมืออาชีพ

แต่พออายุใกล้ๆ 70 ก็ชักเริ่มแผ่วลง พอ 75-76 เริ่มจำอะไรไม่ได้ เริ่มนึกชื่อคนไม่ออกกลางอากาศ...ชื่อเพื่อนชื่อคนใกล้ชิดบางครั้งยังลืม

พอ 80 ก็ไม่กล้าขึ้นเวทีอีกเลย เว้นแต่จะมีบทวางอยู่ข้างหน้า เพราะไม่สามารถจะเล่นกลอนสดหรือด้นได้สดๆเหมือนเก่าอีกแล้ว

ผมสังเกตฟอร์มของท่านไบเดนแล้วก็เหมือนผมและคนแก่ทั่วๆไปแหละครับ ที่ต้องยอมรับว่าการพูดหรือการโต้วาทีไม่ใช่เวทีของเราอีกต่อไป

คุณทรัมป์แกอายุ 78 ปี ยังโอเคอยู่ยังพริ้วยังเจ้าเล่ห์ลีลาเหมือนเดิม อาจจะกระฉับกระเฉงน้อยกว่าสมัยแกอายุ 50 ปี 60 ปีเยอะ แต่ก็ยังคล่องแคล่วมากกว่าคุณโจ ไบเดน จึงดูเหนือกว่าในการปะทะคารม

ได้ข่าวว่าท่าน ไบเดน ยังจะสู้ต่อไป...คนใกล้ชิดและญาติมิตรของท่านก็อยากให้สู้ต่อ แม้เสียงเรียกร้องด้วยความเป็นห่วงเป็นใยและอยากให้ท่านลงจากเวทีเปลี่ยนคนใหม่ขึ้นมาแทนจะดังกระหึ่มก็ตาม

ผมเองแม้จะไม่ค่อยชอบทั้ง 2 ท่าน แต่ไม่ชอบ โจ ไบเดน น้อยกว่าคุณทรัมป์...จึงขอเอาใจช่วยท่านต่อไป...ถ้าไม่ถอนไม่เปลี่ยนคนก็ขอให้สู้ในวิถีที่มีทางมีโอกาสชนะและชนะได้ในที่สุดนะครับ

ประสา “เล่านั่งพลังหด” อายุ 80 กว่าๆใกล้กันขอเอาใจช่วยโจ ไบเดน เต็มที่ด้วยประการฉะนี้.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม