หนึ่งในข้อถกเถียงที่ร้อนแรงที่สุดในทางโบราณคดีก็คือ มนุษย์มาถึงทวีปอเมริกาเหนือครั้งแรกได้อย่างไรและเมื่อไหร่ นักโบราณคดี หลายคนเชื่อว่าเมื่อประมาณ 13,000 ปีที่แล้ว มนุษย์กลุ่มแรกได้เดินทางข้ามสะพานบกระหว่างไซบีเรียตะวัน ออกและอลาสกาตะวันตก จนในที่สุดก็เดินไปตามทางเดินปราศจากน้ำแข็ง ซึ่งจะเปิดออกช่วงสั้นๆ ระหว่างแผ่นน้ำแข็งในช่วงเวลาดังกล่าว

แต่มีผลวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ของสหพันธ์ธรณีฟิสิกส์อเมริกัน ชี้ให้เห็นว่าน้ำแข็งในทะเลอาจมีบทบาทในการช่วยให้ผู้คนเหล่านั้นเดินทางไปทางใต้มากขึ้น หรือเข้าใจง่ายๆก็คือผู้คนกลุ่มแรกเข้าถึงอเมริกาเหนือผ่านทางน้ำแข็งในทะเลเมื่อประมาณ 24,000 ปีก่อน ทีมวิจัยอธิบายว่าหลังทำแบบจำลองและวิเคราะห์ก็พบว่ากระแสน้ำในมหาสมุทรยุคนั้นมีความแรงเป็น 2 เท่าของยุคปัจจุบัน อีกทั้งลมจากน้ำแข็งและระดับน้ำทะเลที่ลดลง กลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การเดินทางโดยเรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงนำเสนอแนวคิดว่า ผู้คนในสมัยนั้นปรับตัวเข้ากับความหนาวเย็นได้ และแทนที่จะต้องพายเรือฝ่ากระแสน้ำแข็งอันน่าสยดสยอง บางทีพวกเขาอาจใช้น้ำแข็งในทะเลเป็นตัวช่วยในการเดินทาง ในลักษณะเดียวกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาร์กติกทุกวันนี้ ที่เดินทางไปตามทะเลน้ำแข็งโดยอาศัยสุนัขลากเลื่อนหรือใช้รถสโนว์โมบิลนั่นเอง

แม้ว่าการพิสูจน์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องยาก เพราะแหล่งโบราณคดีส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำ แต่ทฤษฎีใหม่นี้ก็น่าจะให้กรอบการทำงานใหม่ๆแก่ชุมชนโบราณคดีที่ศึกษาการเดินทางของมนุษย์กลุ่มแรกในอเมริกาเหนือ.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่