นับเป็นสัปดาห์แห่ง “การประชุมผู้นำโลก” อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ “จี 20” หรือการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก “เอเปก” ที่ไทยรับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ในกรุงเทพมหานครอย่างไรก็ตาม กลายเป็นเรื่องชัดเจนว่า ประเด็น “ความมั่นคง” สามารถบดบังได้ทุกสิ่ง เพราะเวทีจี 20 ก็ถูกชาติตะวันตกใช้เป็นเวทีประณามสงครามระบุว่า ความขัดแย้งในยูเครนถือเป็นตัวการทำให้สภาพเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ หรือสหรัฐฯที่ใช้จี 20 เป็นเวทีคุยกับจีนเช่นเดียวกับเวทีเอเปกในไทย แนวทางการสนทนาหารือก็ไม่ได้ผิดต่างออกไป เต็มไปด้วยความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรป ทะเลจีนตะวันออก-ทะเลจีนใต้ คาบสมุทรเกาหลี เรื่องเศรษฐกิจไม่มีใครลืม เพราะจำเป็นต่อการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 แต่ในความรู้สึกก็ดูเหมือนจะกลายเป็น “ของแถม”และแน่นอนในบรรยากาศของความร่วมมือที่ทุกประเทศมาพบปะกันเพื่อหารือทิศทางในอนาคตก็มีสัญญาณแบ่งกลุ่มพวกพ้องมากขึ้นทุกขณะคือ ตะวันตกและพันธมิตร-หุ้นส่วน กับมหาอำนาจแห่งตะวันออก “พญามังกร” ที่กล้องต่างๆถูกแพนไปยังนาย “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน จับจ้องทุกระเบียดนิ้วและพยายามตีความว่า ผู้นำจีนต้องการอะไร พยายามสื่อถึงอะไร เพราะ ณ เพลานี้ไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของจีนได้อีกต่อไปทั้งนี้ ในสาส์นของนายสี จิ้นผิงต่อที่ประชุมเอเปกมีเนื้อความถึงไทยว่า เป็นความยินดีที่ได้รวมตัวในกรุงเทพมหานครเมืองสวรรค์ เป็นครั้งแรกที่พบกันแบบออฟไลน์ตั้งแต่โควิด-19 ขอขอบคุณรัฐบาลไทยอย่างสุดซึ้ง โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สำหรับการตระเตรียมการประชุมครั้งนี้ ก่อนชี้ประเด็นว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆท่ามกลางการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายที่เพิ่มขึ้น ห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกได้รับผลกระทบ อัตราเงินเฟ้อ อาหาร ความมั่นคงด้านพลังงาน และประเด็นอื่นๆที่ซับซ้อนรุนแรงช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก ความร่วมมือหยั่งลึกในหัวใจผู้คนมาช้านานตอนนี้โลกกำลังยืนอยู่บนทางแยกของประวัติศาสตร์อีกครั้ง คนจีนโบราณกล่าวว่า ผู้มีความเมตตาไม่มีความกังวล ผู้รู้ไม่มีความสับสน ผู้กล้าไม่มีความหวั่นเกรง ภายใต้สถานการณ์ใหม่นี้ต้องร่วมมือกันสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อความร่วมมือ โดยอยากให้คำแนะนำดังต่อไปนี้1.ปกป้องความยุติธรรม ความยุติธรรมระหว่างประเทศ และสร้างสันติภาพความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก การเติบโตเกิดจากสภาพแวดล้อมที่สงบสุขและมั่นคง ที่สำคัญคือ การ “เคารพซึ่งกันและกัน” แสวงหาจุดร่วม...เคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น 2.ยึดมั่นในความเปิดกว้างและการรวมกลุ่ม สร้างความมั่งคั่งร่วมกัน ยึดมั่นในหลักการที่ว่า การพัฒนามีไว้เพื่อประชาชน การพัฒนาขึ้นอยู่กับประชาชน และผลของการพัฒนาจะถูกแบ่งปันโดยประชาชน3.ยึดมั่นในการพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ สร้างเอเชีย-แปซิฟิกที่สะอาดสวยงาม ปีนี้ได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว ซึ่งจีนให้การสนับสนุน และ 4.ยึดมั่นในโชคชะตาร่วมกัน สร้างเอเชีย-แปซิฟิก ที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน รักษาบทบาทของเอเปกเป็นช่องทางหลักสำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาค รักษา “ทิศทางที่ถูกต้อง” ของความร่วมมือเอเชีย-แปซิฟิก และเพิ่มความแน่นแฟ้น ซึ่งประกอบด้วยความไว้วางใจกัน ไม่แบ่งแยก มีผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายมีสุภาษิตไทยว่า หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น เราได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งวิสัยทัศน์เอเปกปุตราจายา 2040 ไว้ด้วยกัน (ว่าด้วยการเปิดกว้าง มีพลวัต ทนทาน และสันติ) ซึ่งควรปลูกฝังและดูแลเอาใจใส่ร่วมกันให้กลายเป็นดอกไม้ของความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาร่วมกันแห่งเอเชีย-แปซิฟิกถ้อยคำเหล่านี้ถือเป็นคำกล่าวที่สวยงามและแฝงไว้ด้วยจุดยืนของจีนคือ ร่วมมือกันพัฒนา แต่ถ้าเป็นเรื่องภายในอย่ามาก้าวก่าย มีความคล้ายคลึงกับหลักการของ “อาเซียน” ว่าด้วยการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน กระนั้น มุมมองนี้ไม่อาจใช้ได้กับทุกคน โดยเฉพาะขั้ว “มหาอำนาจเดิม” ที่ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า ต้องการ “จัดระเบียบโลกใหม่” (New World Order) ที่ฝ่ายเขาเป็นผู้นำ กำหนดทิศทางในโอกาสที่การประชุมจัดที่กรุงเทพฯ ทำให้มีโอกาสได้สนทนากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลชาติตะวันตก พันธมิตร และหุ้นส่วน ซึ่งแน่นอนทุกคนจะพูดถึงความร่วมมือ การพัฒนาร่วมกันแต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็รับรู้ชัดเจนเรื่องหมอกดำทะมึนที่กำลังจะเกิดจากการจัดระเบียบโลกใหม่ด้วยเช่นกัน พร้อมรู้ว่า “ภัยคุกคาม” ที่แท้จริงต่อประเทศและกลุ่มตัวเองนั้นคือใคร ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ “เกาหลีเหนือ” ที่กำลังถูกประณามอยู่ปาวๆแต่อย่างใด.วีรพจน์ อินทรพันธ์