แม้แต่จีนซึ่งเป็นประเทศใหญ่ หรือรัสเซียซึ่งเป็นผู้สืบสิทธิจากสหภาพโซเวียต อดีตอภิมหาอำนาจ 1 ใน 2 ของโลกยังต้องพยายามปรับนโยบายและการปฏิบัติให้เป็นแนวทางสากล ให้เป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ 2 มหาอำนาจจีนและรัสเซียรู้ซึ้งถึงคำว่าเวทีโลกและองค์การระหว่างประเทศ ถ้าสอบตกมาตรฐานนี้ ก็จะอยู่บนโลกใบนี้ด้วยความลำบากยากเข็ญ
นายพลเนวินพาพม่าสอบตกตั้งแต่ปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อ พ.ศ.2505 จากประเทศที่เคยรุ่งเรืองเฟื่องฟุ้ง กลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ประชาชนยากจนข้นแค้น ถึงขนาดต้องออกไปขายแรงงานในประเทศใกล้เคียง สถานะของประเทศเริ่มจะดีขึ้นมาบ้างเมื่อพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยนางซูจีชนะเลือกตั้ง ทว่าพม่าเดินขึ้นบันไดได้เพียงไม่กี่ก้าว อ้าว ก็โดนพลเอกมิน อ่อง ลาย ถีบตกลงมาที่พื้นอีกแล้ว
มิน อ่อง ลาย มั่นใจว่าประเทศที่มีพรมแดนประชิดติดกับตัวเองทางด้านตะวันออกและมีคณะผู้นำที่เคยปฏิวัติรัฐประหารมาก่อนจะมีบารมีช่วยเหลือเกื้อกูลให้ตัวเองได้รับการยอมรับในประชาคมอาเซียน แต่มิน อ่อง ลาย ต้องผิดหวังที่รัฐบาลเพื่อนบ้านประเทศนี้ช่วยอะไรไม่ได้มาก ทำให้รัฐบาลทหารพม่ากลายเป็นตำบลกระสุนตก ถูกถล่มจากนานาประเทศ แม้แต่จีนกับรัสเซียก็ยังแขยงแขงขนที่จะกล้าออกหน้ารับแทนพม่า
ความโดดเดี่ยวเดียวดายหายนะมะอะอามาเกาะกุมหัวใจ มิน อ่อง ลาย แกคงมึนกับสถานการณ์รอบด้าน ประชาชนคนพม่าในประเทศก็รังเกียจ องค์กรระหว่างประเทศระดับโลกอย่างสหประชาชาติก็ไม่เอา แม้แต่แต่งตั้งทูตประจำสหประชาชาติก็ไม่ได้ องค์กรระหว่างประเทศระดับภูมิภาคที่ใกล้ตัวที่สุดอย่างสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนก็มองมิน อ่อง ลาย คล้ายโคโรนาไวรัส จนผู้นำทุกประเทศต้องใส่หน้ากากอนามัยกันไม่ให้แกลอยเข้าจมูก
...
พอได้ทราบมติการประชุมฉุกเฉินของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่เห็นพ้องต้องกันว่า จะไม่เชิญมิน อ่อง ลาย เข้าประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะมีในช่วงปลายตุลาคม 2564 ร่างกายมิน อ่อง ลาย ก็หลั่งอะเซทิลโคลีนเข้าไประบบประสาทส่วนกลางทั้งสมองน้อยใหญ่ จนทำให้คิดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูก มีเพียงก้านสมองขนาดเล็กก้านหนึ่งที่ยังกระดิกดุ๊กดิ๊กให้แกตัดสินใจปล่อยตัวนักโทษการเมืองเมื่อ 19 ตุลาคม 2564 จำนวน 5,600 คน ให้ออกมาเต้นแร้งเต้นกานอกคุก
‘โลกกว้าง ทางแคบ’ คือสิ่งที่มิน อ่อง ลาย กำลังเผชิญ แม้ว่าจะมีอำนาจล้นฟ้าในพม่า ทว่าทั้ง 510 ล้านตารางกิโลเมตรของพื้นที่บนโลกไม่ยินดีต้อนรับมิน อ่อง ลาย และครอบครัว มิน อ่อง ลายลงจากอำนาจเมื่อใด ก็คงจะโดนขย้ำตายเมื่อนั้น ทางออกอันเลือนรางที่พอมองเห็นก็คือ การคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการจัดเลือกตั้งทั่วไป
ผู้อ่านท่านเชื่อเถิด การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2533 ทั้งที่พรรคสามัคคีแห่งชาติของทหารมีอำนาจล้นฟ้า ทว่า ได้ ส.ส.เพียงแค่ 10 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่มีนายพลถิ่น อู เป็นประธาน และนางซูจีเป็นเลขาธิการ ได้ ส.ส.มากถึง 392 ที่นั่ง ห่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว
ที่ต้องยอมให้มีการเลือกตั้งเพราะพม่าขณะนั้นยากจนข้นแค้นมาก รัฐบาลทหารพม่าต้องไปขอความเมตตากรุณาสหประชาชาติได้โปรดอนุมัติให้พม่ามีสถานภาพเป็นประเทศด้อยพัฒนาที่สุด เพื่อที่จะได้ยกเลิกหนี้สินและจะได้ใช้สถานะนี้ตะโกนขอเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
รัฐบาลทหารพม่าในสมัยก่อนรู้จักวิธีแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอยู่เพียง 3 อย่างคือ 1. ยึดทรัพย์สมบัติเอกชนมาเป็นของรัฐ 2.ยกเลิกเงินตราของตน และ 3.ร้องขอสถานภาพประเทศยากจนที่สุด เพื่อให้ยกเลิกหนี้สินและขอเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
เมื่อแพ้เลือกตั้ง ทหารก็ไม่ยอมให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเข้าคุมอำนาจเด็ดขาด จับผู้นำพรรคการเมืองและ ส.ส.ที่ชนะเลือกตั้งยัดใส่คุก
เหตุการณ์ที่เคยเกิดเมื่อ พ.ศ.2533 อาจจะกลับมาอีกรอบครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com