ไฟป่าครั้งใหญ่กำลังโหมกระหน่ำทั่วฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ จากคลื่นความร้อนและความแห้งแล้งครั้งประวัติศาสตร์ทำให้พื้นที่กว้างใหญ่ของประเทศกลายเป็นทะเลเพลิง เกิดไฟป่าขนาดใหญ่ที่ยังคุกรุ่นอยู่ 67 แห่งในสหรัฐฯ ลุกลามเผาไหม้พื้นที่ป่าและพุ่มไม้อย่างน้อย 10 รัฐ โดยมีบ้านเรือนจำนวนหนึ่งถูกไฟไหม้และประชาชนอีกหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย โดยไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในรัฐโอเรกอน กินพื้นที่เกือบ 2 เท่าของเมืองพอร์ตแลนด์ โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่สนับสนุนมากกว่า 14,200 คน กำลังต่อสู้ไฟป่าเมื่อ 13 ก.ค.ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าภัยแล้งครั้งใหญ่ที่มีความรุนแรงมากขึ้นเกิดจากวิกฤติของการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศที่มีส่วนทำให้เกิดไฟป่าบ่อยมากขึ้น ตั้งแต่ 1 ม.ค.-13 ก.ค. เกิดเพลิงไหม้ 33,953 ครั้ง เทียบกับ 27,770 ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และยังเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ ยังระบุอีกว่าคลื่นความร้อนในฝั่งตะวันตกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และจะทำให้มีอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ในบางพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนียและเนวาดา โดยคาดว่าคลื่นความร้อนจะสิ้นสุดลงในช่วงต้นสัปดาห์หน้าขณะที่ในภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดไฟไหม้ที่เริ่มปะทุขึ้นจากฟ้าผ่ารวมกันที่เรียกว่ากลุ่มไฟป่าเบกเวิร์ธ ซึ่งเป็นไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีในแคลิฟอร์เนีย โหมกระหน่ำตามแนวรัฐเนวาดา เผาผลาญ พื้นที่มากกว่า 362 ตารางกิโลเมตร โดยสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ 46% หลังจากระดมกำลังสกัดเพลิงไหม้อยู่หลายวันด้วยความยากลำบากในสภาวะที่มีลมแรง อากาศร้อน และความชื้นต่ำ หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ มีอุณหภูมิพุ่งแตะ 54.5 เซลเซียส ส่วนในปาล์มสปริงส์ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติ-การณ์ที่ 48.8 เซลเซียส ขณะที่ลาสเวกัสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 47.2 เซลเซียสส่วนในรัฐโอเรกอน เกิดไฟไหม้บูทเลกที่เผาผลาญ พื้นที่ 621 ตารางกิโลเมตร ลุกลามผ่านเขตป่าสงวนแห่งชาติฟรีมอนต์วินเนมา เป็นอันตรายต่อโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐแคลิฟอร์เนียที่อยู่ใกล้เคียง ส่งผลให้บริการส่งกระแสไฟฟ้าต้องหยุดชะงัก ประชาชนหลายร้อยคน ในพื้นที่ต้องอพยพทั้งหมด เนื่องจากไม่สามารถควบคุม เพลิงได้และมีแนวโน้มลุกลามต่อเนื่อง ยังเกิดไฟป่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐวอชิงตันระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองกินพื้นที่ถึง 223 ตารางกิโลเมตร โดยสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เพียง 20% ส่วนในรัฐไอดาโฮ กองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติได้ระดมกำลังเพื่อต่อสู้ไฟป่าที่ปะทุขึ้นจากฟ้าผ่า ที่กินวงกว้าง 62 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ห่างไกลและแห้งแล้ง.