พ่อแม่ของนักเรียนมัธยมปลายขอแนะนำว่า หากต้องการให้ลูกชายชำนาญประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนควรจะให้ลูกชายไปเรียนในประเทศไหนดี ผมตอบว่า ‘อินโดนีเซีย’ เดิมอินโดนีเซียเป็นประเทศไม่น่าสนใจ แต่หลังจากเผด็จการทหารภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตลงจากอำนาจเมื่อ พ.ศ.2541 และประเทศเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ก้าวหน้ามั่นคงที่สุดในประชาคมอาเซียนพ้นจากซูฮาร์โต อินโดนีเซียเข้าสู่ยุคของประธานาธิบดีฮาบิบี (2541-2542) ตามด้วยวาฮิด (2542-2544) เมกาวตี (2544-2547) ในช่วง 7 ปีนี้ ประเทศเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่ดีถึงขนาดที่ว่าพุ่งแรงอินโดนีเซียเจริญขึ้นมากเมื่อการเมืองมั่นคง มีการเลือกประธานาธิบดีโดยตรงจากประชาชน ผู้นำมีอำนาจเต็ม ประธานาธิบดีที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนด้วยคะแนนเสียงอย่างล้นหลามอย่างพลเอกซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ปกครองประเทศนานถึง 2 สมัย 10 ปี ระหว่าง พ.ศ.2547-2557 นักวิเคราะห์การระหว่างประเทศทุกคนยอมรับว่า 10 ปีของพลเอกยูโดโยโนเป็นช่วง 10 ปีทองที่อินโดนีเซียรุ่งเรืองทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการระหว่างประเทศ จากประเทศที่มีบทบาทน้อยกลายเป็นประเทศที่มีบทบาทสูงในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติสิ่งที่ทำให้อินโดนีเซียเปลี่ยนอย่างมากก็คือการเอาจริงเอาจังในการปราบคอร์รัปชันของประธานาธิบดียูโดโยโน รวมทั้งมีการปฏิรูประบบราชการ ในยุคของยูโดโยโนนี่เอง อินโดนีเซียกลายเป็นประเทศที่มีวินัยทางการเงินที่เคร่งมาก เศรษฐกิจเติบโตในอัตราร้อยละ 5-6 ติดต่อกันหลายปี ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วประเทศพัฒนาอย่างเห็นเป็นรูปธรรมตอนที่ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีด้วยคะแนนเสียงการเลือกตั้งทางตรงอย่างท่วมท้น ยูโดโยโนกล่าวคำปราศรัยในวันแรกที่ขึ้นรับตำแหน่งเมื่อ 20 ตุลาคม 2547 ว่าอินโดนีเซียเป็นประเทศประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง ทันสมัย มีความเป็นพหุนิยมและมีขันติ ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าเป็นแค่ปราศรัยลอยๆ แต่ช่วง 10 ปีที่ครองอำนาจ ใครๆก็ยอมรับว่ายูโดโยโนมุ่งมั่นทำเรื่องนี้จนประสบความสำเร็จยูโดโยโนดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบไม่สร้างศัตรู ไม่ปฏิบัติการใดที่สร้างความเดือดร้อนให้ประเทศอื่นในภูมิภาค แนวคิดของยูโดโยโนคือ A Million Friends and Zero Enemy หมายถึง ‘เพื่อนเป็นล้านศัตรูเป็นศูนย์’ และ All Directions Foreign Policy หรือ ‘นโยบายต่างประเทศทุกทิศทุกทาง’ อินโดนีเซียเปลี่ยนให้ศัตรูเป็นเพื่อน เปลี่ยนเพื่อนที่มีอยู่แล้วให้เป็นหุ้นส่วน และเปลี่ยนเพื่อนบ้านเป็นสมาชิกของครอบครัวยูโดโยโนทำงานขยายเครือข่ายเพื่อนและหุ้นส่วนจนอินโดนีเซียไม่มีศัตรูและสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับทุกฝ่ายด้วยพื้นฐานของการมีผลประโยชน์ร่วมที่ตรงกัน ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เมื่อสิ้นสุดการปกครอง 2 วาระ 10 ปีของยูโดโยโน ภาพลักษณ์ของอินโดนีเซียเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหลายประเทศในประชาคมอาเซียนกระดี๊กระด๊าที่จะเป็นพันธมิตรทางการทหารกับประเทศมหาอำนาจ บางประเทศฝึกรบร่วมกับประเทศโน้นประเทศนี้ให้เป็นที่เขม่นของฝ่ายตรงข้าม แต่ยุคของยูโดโยโน อินโดนีเซียไม่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับประเทศใด ไม่มีดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของอินโดนีเซียถูกใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพของประเทศอื่นที่น่าชมก็คือ อินโดนีเซียเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียนที่มีความรับผิดชอบสูง มีแนวทางในการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลงประชาคมอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม ในยุคของยูโดโยโนนี่เองครับที่อินโดนีเซียเริ่มสมัครเป็นสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มจี-20 ส่วนองค์กรเดิมที่เคยเป็นสมาชิกอยู่ก็เพิ่มบทบาทสูงขึ้นจนได้รับความเชื่อถือในสายตาชาวโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด องค์การความร่วมมืออิสลาม องค์การการค้าโลก หรือแม้แต่สหประชาชาติจากประเทศที่อยู่ภายใต้เผด็จการทหารมายาวนาน อินโดนีเซียพิสูจน์ตัวเองว่ามีอัตลักษณ์ใหม่ที่โดดเด่นในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย เปลี่ยนประเทศที่ยุ่งเหยิงในการให้สมาชิกรัฐสภาเลือกประธานาธิบดีมาเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงใน พ.ศ.2547 และ พ.ศ.2552พรุ่งนี้มาว่ากันต่อว่าทำไมผมจึงแนะนำอินโดนีเซียครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com