ใครอ่านประวัติศาสตร์ จะพบว่าเกือบทุกทีที่ฝรั่งคอเคซอยด์รุมยำจีน ญี่ปุ่นจะต้องกระโจนเข้ามาร่วมยำด้วยเสมอ ญี่ปุ่นประพฤติตนเป็นประเทศคอหอยลูกกระเดือกของสหรัฐฯมานาน แค่สหรัฐฯฮึมฮัมว่า อ้า ไอจะเล่นงานจีน ญี่ปุ่นก็โค้งน้อมรับ คำนับแล้วร้อง ‘ไฮ้’ สั่งให้บริษัทเอกชนของตนย้ายฐานการผลิตจากแผ่นดินจีนทันที

ขณะที่เขียนคอลัมน์อยู่นี่ ญี่ปุ่นเริ่มแล้วครับ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ประกาศรายชื่อ 87 บริษัทที่จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นรอบแรก 7 หมื่นล้านเยน คิดเป็นเงินไทยก็ 2.1 หมื่นล้านบาท รัฐบาลญี่ปุ่นให้เอกชนใช้ย้ายฐานการผลิต โดยมุ่งหวังตั้งใจจะกดเศรษฐกิจจีนให้ล้มคว่ำคะมำหงายในคราวนี้

หลายท่านสงสัยว่า อ้า แล้วเอกชนญี่ปุ่นพวกนี้จะย้ายโรงงานไปไหน ก็ย้ายกลับญี่ปุ่น หรือไม่ก็ย้ายไปอยู่ในประเทศอาเซียน มีบริษัทญี่ปุ่นถึง 30 แห่ง (จาก 87 แห่ง) ที่บอกว่าไม่ขอกลับญี่ปุ่น แต่ขอไปตายเอาดาบหน้าที่อาเซียน อย่างบริษัทโฮยา ผู้ผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดไดรฟ์ บอกว่าพวกข้าขอย้ายไปที่เวียดนามและ สปป.ลาว บริษัทผู้ผลิตแม่เหล็กที่ทำจากแร่หายากที่ชื่อ ชิน-เอ็ตสึ เคมิคอล ก็บอกว่า อ้า ข้าพเจ้าจะย้ายไปเวียดนาม ส่วนบริษัท ซูมิโตโม รับเบอร์ อินดัสตรี บอกว่า ข้าจะย้ายไปตั้งโรงงานผลิตถุงมือยางที่มาเลเซีย

57 บริษัทบอกว่า อ้า ถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นช่วยเงินพวกข้าพเจ้ามามากมายก่ายกองอย่างนี้ พวกข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวาย เอ๊ย ขอย้ายกลับญี่ปุ่นดีกว่า บริษัทไอริส โอฮยามา ผู้ผลิตสินค้าภายในครัวเรือน ที่เคยมีฐานการผลิตหน้ากากอนามัยอยู่ในเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง และเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู พอได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นปุ๊บ ก็ประกาศว่าจะย้ายโรงงานไปที่จังหวัดมิยากิปั๊บ

...

แม้ว่าจะเจอสถานการณ์ ‘ซี่หมิ่งสิ่วเต๊ก’ ข้าศึกล้อมสี่ด้าน แต่จีนไม่งง ทั้งที่จีนมีปัญหาเยอะจากวิกฤติโควิด-19 การเมืองระหว่างประเทศ ปัญหาฮ่องกง และปัญหาสงครามการค้า ซึ่งทุกเรื่องที่ผมเอ่ยมานี่เกี่ยวดองหนองยุ่งกันอีนุงตุงนัง ทว่าจีนยังมีสติ

จีนรู้ว่าศัตรูพวกนี้ชอบ ‘ซุกขี่ปุ๊กอี่’ ลงมือตอนเผลอ จึงเตรียมตัวเองให้พร้อมตลอด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 รัฐบาลตั้งงบฉุกเฉินไว้ 2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินไทยก็ 8.8 ล้านล้านบาท สำหรับพยุงเศรษฐกิจของประเทศถ้าหากโดนรุมกินโต๊ะ

แม้ว่าจีนจะมีสถานะ ‘พิกแบ้ตัวเชีย’ ข้ามาคนเดียว สู้คนเดียว แต่เศรษฐกิจจีนก็ฟื้นอย่างมั่นคง เศรษฐกิจจีนฟื้นจากลบและกลายมาเป็นบวก

ทว่า อ้า เศรษฐกิจสหรัฐฯกลับเดี้ยงซะเอง ทรัมป์เอง ‘บ่อตี่จื่อยัง’ อับอายขายขี้หน้า จนไม่มีที่จะมุดหนี ญี่ปุ่นซึ่งดำรงตำแหน่งกล้วยหอม ข้างนอกเหลือง (เอเชีย) แต่ข้างในขาว (ฝรั่ง) มายาวนาน และ ‘เอี่ยวเท้าป๋วยบ๊วย’ กระดิกหัวกระดิกหางให้สหรัฐฯมาตลอด ถึงตอนนี้ก็ ‘บ่อเจ็งต๋าไช้’ไม่มีอารมณ์ร่าเริง

แม้จะโดนรุมเหมือนหนูข้ามถนน แต่จีนยังมีท้องฟ้าแจ่มใส ทิวทัศน์สวยงาม ตลอดเดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 นี้ จีดีพีจีนขยายตัวร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งที่จีดีพีช่วง 3 เดือนแรกของ พ.ศ.2563 แย่ที่สุดในรอบ 28 ปี ที่หดตัวไปถึงร้อยละ 6.8 ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด

ตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน พ.ศ.2563 มีการสร้างงานใหม่ในจีน 5.64 ล้านตำแหน่ง หรือร้อยละ 62.7 เรื่องแรงงานนี่ รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายว่าจะต้องสร้างงานแห่งชาติให้ได้ 9 ล้านตำแหน่งในปีนี้

ผู้อ่านท่านผู้เจริญ จีนมีตลาดภายในซึ่งมีกำลังซื้อมหาศาล มีการค้าปลีกออนไลน์ที่เติบโตแบบสวนกระแส จีนยังรักษาการติดต่อด้านการค้าพาณิชย์กับประเทศต่างๆ ได้ดี และมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ผมเชื่อว่าพวกกล้วยหอมอย่างนายเซมากูเตะไม่น่าจะทำอะไรจีนได้มากนักดอก.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com